May 2, 2024   7:32:08 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ ( วันนี้ มาช้าคงไม่ว่ากันนะค้า )
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 15/11/2006 @ 17:05:07
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index วันอังคารที่ 14 พ.ย. ปิดที่ 733.87 จุด -2.96 จุด มูลค่าการซื้อขาย 20,482 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 1,233.81 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 823.21 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิที่ 410.61 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 741.74 จุด +4.91จุด และ Low ที่ดัชนี 733.26 จุด -3.57 จุด ตลาดวานนี้ยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ ทั้งแดนบวกและแดนลบ ตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นบวกหนุนดัชนีชี้นำให้ตลอดการซื้อขายครึ่งวันแรกของ SET Indexนั้นเป็นบวกได้ทั้งเช้า หุ้นเล็กหุ้นกลางน้อยใหญ่วิ่งรับผลประกอบการที่ออกมาดีกันเป็นแถว ยกเว้นน้องเปิ้ลที่พลิกเป็นบวกได้แม้ผลประกอบการออกมาไม่ค่อยดีแต่ราคาหุ้นกลับวิ่งขึ้นดีเกินคาด โดยสภาพตลาดช่วงเช้าเทรดกันค่อนข้างคึกคักมุมมองเป็นบวกแต่พอเปิดตลาดภาคบ่ายดัชนีเริ่มหักหัวลงด้วยแรงขายมากจากหุ้นแบงค์และหุ้นสื่อสารฉุดดัชนีให้ร่วงลง หุ้นกลุ่มที่เก็งกำไรก็แกว่งตัวเซตามกันไปเป็นแถว แต่ก็มีบางตัวที่ฟื้นขึ้นมาได้ช่วงท้าย ๆ ตลาดอย่าง DISTAR-EMCแม่ลูก-GBXแม่ลูก วิ่งกันซะฉิวเลย

MCS
ราคาเปิด 3.92 บาท ราคาปิด 3.88บาท มูลค่าการซื้อขาย 90.44 ล้านบาท ในQ 3/49 มีกำไรจากการดำเนินงานสุทธิเพิ่ม 94% YoY เป็น 90 ล้านบาท อัตรากำไรเพิ่มจาก 16.5% ในQ 2/49 เป็น 17.1% และกำไรปกติใน 9 เดือนแรกเพิ่ม 47% เป็น 258 ล้านบาท เพราะยอดขายรวมที่เพิ่ม 51% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของยอดขายส่งออก 40% เป็น 2.2 พันล้านบาท และยอดขายในประเทศเพิ่ม 7 เท่า เป็น 214 ล้านบาทปัจจุบัน MCS มี Backlog จำนวนมากกระจายทั้งญี่ปุ่น จีน และไทย โดยเฉพาะจากประเทศญี่ปุ่นที่มี Backlog อยู่ประมาณกว่า 1 หมื่นล้านเยน และทยอยรับรู้ต่อเนื่องถึงปี 2551 สำหรับการจ่ายปันผลMCS เตรียมจ่ายปันผลสิ้นปี 2549 สูงกว่าที่จ่ายระหว่างกาลไปแล้วที่ 0.15บาท K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร แนวรับ 3.86 บาท แนวต้าน 4.02 บาท

TOP
ราคาเปิด 61 บาท ราคาปิด 60.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 206.11 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการใน Q3/49 มียอดขายเท่ากับ 77,808 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%YoY และ4.13% QoQ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 3,794 ล้านบาท ลดลง 39.33%YoY และ 44.89% QoQ มีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 2.70 บาท ซึ่งในไตรมาสนี้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 511 ล้านบาท ลดลงเนื่องจากค่าการกลั่นที่อ่อนลง ในส่วนของธุรกิจปิโตรเคมี (TPX) และTLB ดีขึ้นมาก เป็นผลจาก Spread ที่สูงขึ้น ยอดขายสุงขึ้น 10%YoY และ 4%QoQ เป็น 77.81 พันล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคาปิโตรเลียม ค่าการกลั่นจะทรงตัวในระดับที่ดีได้ต่อไป และหากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นก็จะส่งผลดีทางปัจจัยจิตวิทยาต่อกลุ่มพลังงาน ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร แนวรับที่ราคา 60.50 บาท แนวต้านที่ราคา 63 บาท

SYNTEC
ราคาเปิด 0.85 บาท ราคาปิด 0.87 บาท มูลค่าการซื้อขาย 66.59 ล้านบาท ในQ3/49 กำไรสุทธิ 85 ล้านบาท จากที่ ขาดทุน 7 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกัน ส่วนในงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 147 ล้านบาท ซึ่งเติบโตค่อนข้างมากทั้งรายได้ และความสามารถในการทำกำไร เห็นได้จาก อัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับเพิ่มเป็น 12.5% และคาดว่าในปี 2549 SYNTEC จะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมด ซึ่งในงวด 9 เดือนของปี2549 SYNTECจะเหลือขาดทุนสะสมเพียง 37.9 ล้านบาท และในปัจจุบันมี Backlog ในมือ 15,702 ล้านบาท เป็นของโครงกรบ้านเอื้ออาทร 9,813 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้จากงานดังกล่าวที่เป็นค่าแรงการก่อสร้างประมาณ 4,000 ล้านบาท และยังคาดรับงานโครงการก่อสร้างตึกของPTT ที่มีมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท จะช่วยเพิ่มรายได้และบริษัทยังมีสิทธิทางภาษีเหลืออยู่ประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งสามารถใช้ได้ถึงปี 2550 K.KRAZIP แนะนำ ?ซื้อเก็งกำไร? มีแนวรับที่ราคา 0.84 บาท แนวต้านที่ราคา 0.94 บาท

EGCOMP
ราคาเปิดที่ 91.50 บาท ราคาปิดที่ 92.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 68.95 ล้านบาท ผลประกอบการ Q3/49 ของ EGCOMP สูงกว่าที่ประมาณการไว้ โดยกำไรจากการดำเนินธุรกิจปกติอยู่ที่ 1,226 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 13% yoy เนื่องจากอัตราค่าไฟที่เพิ่มขึ้นในปี 2549 ซึ่งเป็นตามที่กำหนดไว้ในสูตรค่าพลังงานไฟฟ้าตามสัญญา PPA อย่างไรก็ตามกำไรจากการดำเนินธุรกิจปกติลดลง 20% qoq เนื่องจากค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าระยองและขนอมที่เพิ่มขึ้นใน Q3/49 เนื่องจากส่วนใหญ่ EGCOMP จะมีการซ่อมบำรุงที่มากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ส่วนโรงไฟฟ้า BLCP จะสนับสนุนให้ผลประกอบการในปี 2550 ของ EGCOMP เติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปี 2549 ส่วนหนึ่งมาจากการเริ่มดำเนินการของ BLCP เต็มปีในปี 2550 ที่ขนาดกำลังการผลิต 1,400 เมกะวัตต์ หลังจากที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4/2549 เฉพาะในส่วนที่ 1 ขนาดกำลังการผลิต 700 เมกะวัตต์ รวมทั้งการเปิดดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าแก่นคอย 2 ในไตรมาส 1/2550 K.KRAZIP มองว่า EGCOMP เป็นหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงสุดในกลุ่มผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แนะนำ ซื้อลงทุน โดยมีแนวรับที่ 90.00 บาท แนวต้านที่ 95.00 บาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:7f3e1b4a9b"> .000007 .000007

 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#1 วันที่: 15/11/2006 @ 22:12:55 : re: กระซิบหน้าจอ ( วันนี้ มาช้าคงไม่ว่ากันนะค้า )
ไม่เป็นไรค่ะ (ดีกว่าไม่มา)

.0003
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com