May 2, 2024   8:57:23 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เคาะ เคาะ .....เรื่องของหุ้น LIVE
 

???
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 410
วันที่: 16/11/2006 @ 11:41:17
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

แนวโน้มการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระยะสั้นเริ่มมีทิศทางชะลอตัวและซื้อขายกันในกรอบแคบๆระหว่างดัชนี 717 -743 จุด สัญญาณระยะสั้นยังไม่ค่อยน่าไว้วางใจสำหรับการลงทุนแต่นักลงทุนที่เจนสนามยังสามารถเลือกลงทุนเป็นรายตัวในลักษณะเก็งกำไรระยะสั้นตามสภาพคล่องหรือตามข่าวสารที่เกิดขึ้นตลอดเวลาแต่ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหุ้นระยะสั้นมีแนวโน้มสูงขึ้น

ข้อสังเกตุทางเทคนิคสำหรับแนวโน้มตลาดระยะสั้นคาดว่าการปรับฐานราคายังไม่สิ้นสุดเนื่องจากดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ยังคงมีการทำจุดต่ำใหม่ต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า แต่เริ่มมีแรงรับในลักษณะการเข้ามาเก็งกำไรบริเวณแนวรับเพื่อเล่นราคาหุ้นตีกลับทางเทคนิคเนื่องจากลงเร็วเกินไป โดยเฉพาะบริเวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 25
วันจะเป็นจุดสำหรับการเข้าเก็งกำไรรอบถัดไป หากแนวโน้มตลาดที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบันยังรักษาแนวโน้ม กระทิง ต่อไปได้ ซึ่งหมายความว่าการปรับตัวของดัชนีรอบนี้ดัชนีปิดเมื่อสิ้นสุดกระบวนการปรับฐานราคาไม่ควรต่ำกว่าระดับ718 จุดจึงรักษาฟอร์มขาขึ้นได้

ดังนั้นพฤติกรรมการลงทุนระยะสั้นหากต้องการรักษาสถานะขาขึ้น น่าจะเป็นแนวทางการย้ายกลุ่มอุตสาหกรรม หรือย้ายตัวเล่นและปล่อยให้หุ้นกลุ่มที่เก็งกำไรเต็มที่มีการพักตัวของราคาตามสภาพตลาด ซึ่งพฤติกรรมที่เราพบเห็นคือ จะเลือกตัวหุ้นที่สามารถทำกำไรระยะสั้น ๆ ชนิดวัดผลตอบแทนเร็ว ๆ ยาก และมีความรู้สึกอึดอัดเมื่อเวลาซื้อหุ้นเพิ่มขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ตำแหน่งซื้อหุ้นปัจจุบันเป็นตำแหน่งที่มีความได้เปรียบน้อยเมื่อเทียบกับตลาด ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างวัดและตัดสินใจได้ยากสำหรับนักลงทุนประเภท ลงทุนในตลาดหุ้นโดยซื้อแล้วต้องรอให้หุ้นขึ้นสูงกว่าต้นทุนจึงจะสามารถทำอะไรได้ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว นักลงทุนสามารถปรับพฤติกรรมการลงทุนได้เพราะหากซื้อเพราะคิดว่าหุ้น ขึ้น แต่หุ้นไม่ขึ้น ความผิดน่าจะเกิดขึ้นได้เนื่องจาก 1. เราคิดผิด 2.ตลาดหุ้นผิด เพราะไม่เห็นด้วยกับเรา (ว่าไปนั่น) ดังนั้นคนที่จะต้องปรับตัว ควรจะเป็นเรา หรือเป็นตลาดหุ้น คำตอบนักลงทุนคงมีในตัวเอง

มีนักลงทุนบางท่านสอบถามไก่ทองเกี่ยวกับหุ้น LIVE ซึ่งจะมีการลดทุนจดทะเบียนจากทุนจดทะเบียนเดิม 2500 ล้านบาท พาร์ 1 บาท แต่เรียกชำระเพียง 2,280.11 ล้านบาท โดยจะลดทุนเหลือเพียง 230 ล้านบาท
และเพิ่มทุนจาก 230 ล้านบาทเป็น 460 ล้านบาทเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 1 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ราคาหุ้นละ 1.10 บาทและจะขึ้นเครื่องหมาย XR วันที่ 21/11/2006 โดยบริษัทจะปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2549 สำหรับสัดส่วนการลดทุนนั้นจะอยู่ในอัตรา 9.91 หุ้นเดิมต่อ 1
หุ้นใหม่ (2,280 หารด้วย 230) ซึ่งหมายความว่าผู้ที่ถือหุ้นตัวนี้จะถูกลดจำนวนหุ้นลงโดยอัตโนมัติ
ส่วนมูลค่าหุ้นนั้นไม่ต้องพูดถึง ผู้ที่ถือหุ้นตัวนี้ทั้งโดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ มูลค่าเงินลงทุนละลายจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
หลังจากขึ้นเครื่องหมายแล้วบริษัทยังจะขึ้นเครื่องหมาย SP ห้ามซื้อขายเพื่อดำเนินขั้นตอนการเพิ่มทุนให้แล้วเสร็จ โดยมีทางเลือกคือ หากเพิ่มทุนไม่ได้ตามที่กำหนด อาจจะมีการเสนอขายหุ้นให้กับผู้ลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงในราคาไม่ต่ำกว่าราคาเสนอขายผู้ถือหุ้นทั่วไป หรือ 90%ของราคาหุ้นเฉลี่ย 7 วันทำการก่อนที่ทางคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการจัดสรรหุ้นที่เหลือ โดยเหตุผลที่ให้ไว้เป็นคำมั่นสัญญานั้น คือต้องการใช้เงินเพื่อขยายธุรกิจของบริษัท และบริษัทในเครือ เพื่อขยายการลงทุนในอนาคต และเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับบริษัท และบริษัทย่อย ซึ่งฟังแล้วดูดี แต่ในทางปฏิบัติบริษัทนี้เข้าตลาดมามีแต่ขาดทุน ๆ ๆ เรียกว่าทำอะไรก็ไม่เจริญ เปลี่ยนชื่อบริษัทบริษัทจนจำชื่อเก่าไม่ได้ งานนี้ผู้ถือหุ้นจะร่วม สังฆกรรม กับบริษัทโดยการเพิ่มทุนเพราะหวังเงินปันผล หรือหวังบริษัทจะเติบโตขึ้นมาให้ดอกผล ต้องขอบอกให้ คิดดู ดี ๆ
เพราะตัวเลือกในตลาดหุ้นไทยยังมีตัวเลือกที่ ดี ๆ อีกเยอะครับทำไมต้องเปลืองสมองดี ๆ และเวลาดี ๆ ให้กับหุ้นประเภท สร้างความชอกช้ำให้กับผู้ลงทุน

ลองหยิบเอาทุนจดทะเบียนของบริษัทที่ผู้ถือหุ้นลงทุนไป แล้วเทียบกับรายได้ และสินทรัพย์ของบริษัทดูตั้งแต่ปี 2003 จนถึง ปี 2003 นักลงทุนก็จะพบความจริงว่า เอาเงินไปให้ร้านขายชายสี่บะหมี่เกี๊ยวลงทุนยังดีกว่า
เพราะบริษัทขาดทุนบักโกรกทุกปี และมีการเพิ่มทุนบ่อยครั้งมาก แต่เพิ่มหาย ๆ โดยไม่รู้ว่าเงินไปอยู่ไหนหมด สินทรัพย์ล่าสุดเมื่อ 30/06/2006 มีเพียง 537 ล้านบาท แต่เป็นหนี้เสีย 312 ล้านส่วนของผู้ถือหุ้นจริง ๆ เหลือเพียง 225 ล้านบาท ส่วนยอดขายมีรายได้เพียง 117 ล้านบาท ขาดทุน 341 ล้านบาท อย่างนี้จะให้หมายความว่าอย่างไร การลงทุนมีความเสี่ยงใช่ไหม? ส่วนหากมีแนวคิดว่า เจ้ามือ จะมาช่วยทำราคาหุ้น คาดว่ายังเป็นความหวังลม ๆ แล้ง ๆ เช่นกัน เพราะเจ้ามือคงกำลังมึนงงเช่นกันว่าจะทำอย่างไรกับอนาคตของหุ้นตัวนี้ดี แถมยังมีความเสี่ยงถูกแขวนป้าย SP แบบไม่มีกำหนดได้หากการเพิ่มทุนมีปัญหา ถ้าอย่างนี้ LIVE แปลว่า อาศัย หรือแปลว่ามีชีวิตอยู่ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้

เอาเป็นว่า LIVE คือ ฉากหนึ่งของวงจรหุ้นประเภท ไม่น่ารักในตลาดหลักทรัพย์ เพราะเข้ามาจดทะเบียนในสภาพ เสือหิว จึงต้อง เพิ่มทุน ๆ แต่ LIVE ในฐานะหุ้นตัวหนึ่งที่มีสีสรรค์การขึ้นลงรวดเร็วหวือหวา หากใครสามารถหยิบเอา โอกาสได้ ก็นับว่าโชคดี ส่วนใครที่หลงเข้าไปติดหุ้นตัวนี้ คงจะต้องเข้าตำรา

คิดใหม่ ทำใหม่? และต้องหาท่า แปลงวิกฤติให้เป็นโอกาส ก่อนที่อะไร ๆ จะสายเกินไป เพราะหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นั้นมีหลายเกรด ตั้งแต่เกรด ลายครามจนถึง ลายพร้อย อาจจะเจอประเภทหุ้นดี ซื้อง่ายขายคล่อง เล่นกันสนุก แต่อาจจะไม่เป็นบริษัทที่ดี คือ มีฐานะการเงินดี มีปันผลดี การบริหารงานโปร่งใส ดังนั้นคำตอบสุดท้ายจึงอยู่ที่ นักลงทุน ที่จะต้องตัดสินใจกันเอาเอง

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com