May 3, 2024   11:54:23 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ฝรั่งยังขายต่อไม่ให้อภัยแบงก์ชาติ..(ก็เล่นตบหัวแล้วลูบหลัง)
 

arthor
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 803
วันที่: 21/12/2006 @ 10:00:26
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ฝรั่งยังขายต่อไม่ให้อภัยแบงก์ชาติ
วงการเรียกร้องหาคนรับผิดชอบ

ต่างชาติไม่ให้อภัยแบงก์ชาติ เดินหน้าขายสุทธิต่ออีก 2,872.67 ล้านบาท แม้ประกาศยกเลิกมาตรการสกัดค่าบาทสุดโหดเรียบร้อยแล้ว กูรูฟันธงนักลงทุนบางกลุ่มยังไม่ไว้วางใจ หลังมาตรการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ขณะที่วงการเรียกร้องให้เจ้าของมาตรการออกมาแสดงความรับผิดชอบ หลังทำตลาดฯเสียหายกว่า 8.2 แสนล้านบาทในวันเดียว ด้านผู้ว่าแบงก์ชาติบ่นน้อยใจที่มีผู้เรียกร้องให้ลาออก เผยทำทุกอย่างเพื่อประเทศชาติและทำดีที่สุดแล้ว
การปรับลดลงแบบวินาศสันตะโรกว่า 108 จุดของดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) วานนี้ ที่ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปของตลาดฯ หายไปทันทีกว่า 8.2 แสนล้านบาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขาย) ร่วม 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งกว่า 35,773 ล้านบาท เป็นแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ หรือขายสุทธิถึง 25,124 ล้านบาท หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศนำมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทด้วยการคุมเข้มธุรกรรมซื้อ-แลกเงินบาท มาใช้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ทำให้วานนี้ธปท.จำเป็นต้องกลับลำยกเลิกมาตรการคุมเข้มค่าเงินบาทดังกล่าวทันที หลังจากที่ประกาศใช้เพียงวันเดียว เนื่องจากมาตรการเข้มที่ว่าได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างโดยเฉพาะตลาดทุนของประเทศ ที่มีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 8.2 แสนล้านบาทในเวลาเพียง 1 วัน
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการยกเลิกมาตรการดังกล่าว แม้จะทำให้ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (20 ธ.ค.) ดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้นทันทีที่ตลาดฯเปิดทำการซื้อขายภาคเช้าและเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน จนปิดตลาดฯที่ระดับ 691.55 จุด เพิ่มขึ้น 64.41 จุดหรือ 11.16% โดยมีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นถึง 55,217.89 ล้านบาท แต่เมื่อพิจารณาจากการซื้อขายรายกลุ่มพบว่า แรงซื้อที่เข้ามาหนาแน่นวานนี้เป็นแรงซื้อสุทธิจากนักลงทุนสถาบัน 9,738.73 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติแม้จะมีแรงซื้อเข้ามามากถึง 21,481 ล้านบาท แต่ฝั่งแรงขายยังสูงถึง 24,311 ล้านบาท ทำให้ยังขายสุทธิถึง 2,872.67 ล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนทั่วไปที่ยังขายสุทธิสูงถึง 6,866.06 ล้านบาท
การขายสุทธิดังกล่าวถึงนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนทั่วไป สามารถบ่งบอกความหมายได้ได้ว่า ในกลุ่มของนักลงทุนดังกล่าว ยังมีจำนวนไม่น้อยที่ไม่ยอมรับมาตรการตบหัวแล้วลูบหลังของแบงก์ชาติ โดยนักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า นัยที่บ่งบอกผ่านแรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติวานนี้ ถือเป็นการชี้ให้เห็นว่ามีนักลงทุนต่างชาติไม่น้อยที่ยังไม่ไว้วางใจมาตรการของ ธปท. หลังจากที่งัดมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทออกมาใช้เมื่อวันก่อน และเปลี่ยนกลับทันทีในวันต่อมา โดยอาจจะทำให้เข้าใจได้ว่า นโยบายของรัฐบาลสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นช่วงลดพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติอยู่แล้วก่อนหน้านี้ ดังนั้น แม้จะมีการยกเลิกมาตรการเก็งกำไรค่าบาท ก็ยังมีนักลงทุนบางกลุ่มที่ยังขายต่อไป

- วงการเรียกร้องเจ้าของมาตรการโหดออกมาแสดงความรับผิดชอบ
ผู้บริหารจากบริษัทจดทะเบียนรายหนึ่งกล่าวว่า ทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ควรจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตลาดหลักทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมาได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า ทั้งสองหน่วยงานใช้มาตรการที่รุนแรงเกินไปมาใช้ในการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท ดังนั้น เมื่อเห็นว่ามาตรการที่นำมาใช้ส่งผลเสียต่อหลายภาคส่วนก็ควรจะแสดงความรับผิดชอบออกมา ไม่ใช่ว่าจะเห็นว่าผิดแล้วยังทำเฉย โดยไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใดๆ ออกมา
ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทจดทะเบียนอีกแห่งหนึ่งกล่าวว่าการนำมาตรการสกัดการแข็งค่าเงินบาทมาใช้ได้สร้างความเสียหายให้กับตลาดทุนอย่างมาก อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ดังนั้น ผู้กำหนดนโยบายควรจะแสดงความรับผิดชอบออกมาในเรื่องดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะมีการลาออกหรือแสดงความรับผิดชอบอื่นๆจากผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในเรื่องนี้ แต่คาดว่าคงไม่เกิดขึ้นในขณะนี้

- โบรกฯ เลี่ยงไม่ตอบ รัฐควรรับผิดชอบเรื่องตลาดหุ้นไทยเสียหาย ชี้ขึ้นอยู่กับจิตสำนึก
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (มหาชน) เปิดเผยว่า เรื่องที่แบงก์ชาติทำไม่ได้มีกฎหมายข้อใดที่ระบุว่า หากออกมาตรการเช่นนี้มาแล้ว จะมีความผิด หรือต้องรับผิดอย่างไรบ้าง แต่มองว่าเป็นความรับผิดชอบในด้านคุณธรรม และจริยธรรมมากกว่า ซึ่งจะออกมารับผิดชอบ หรือจะทำอย่างไรต่อไปนั้นขึ้นอยู่กับจิตสำนึก
มันเหมือนกับเราเดินชนคนล้ม แล้วเขาได้รับบาดเจ็บ ถามว่าเราจะเดินเฉยๆต่อไป ทำไม่รู้ไม่ชี้ หรือเราจะพาเขาไปส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษา มันก็ขึ้นอยู่กับที่จิตสำนึกของคนๆนั้นว่าควรจะทำอย่างไร นายอดิศักดิ์ กล่าว
ด้าน นายมงคล พ่วงเภตรา เจ้าหน้าที่วิเคราะห์อาวุโส บล.แอ๊ดคินซัน เปิดเผยว่า การที่จะให้รัฐบาลรับผิดชอบกับเรื่องดังกล่าวอย่างไรไม่ใช่เรื่องที่น่าจะพูด แต่มองว่ารัฐบาลควรร่วมกันหาแนวทางเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนกลับมา ด้วยการแถลง หรือประกาศให้ชัดเจนว่าจะไม่มีมาตรการเช่นนี้ ที่กระทบกับตลาดทุนออกมาอีก รวมทั้งต่อไปจะมีมาตรการอะไรออกมา ควรจะระวัง และมีความรับผิดชอบให้มากขึ้น
ส่วนจะให้รับผิดชอบด้วยการลาออกนั้น มองว่า ไม่ใช่ธรรมเนียมของประเทศไทย ที่คนในรัฐบาลต้องลาออก หลังได้ทำสิ่งที่ไม่เป็นที่พอใจของประชาชน
มาตรการ ธปท.เป็นสิ่งที่ออกไปแล้ว และรัฐก็ประกาศยกเลิกแก้กันไปแล้ว จะให้รับผิดชอบด้วยการคืนเงิน ชดใช้ให้หรือ ทำไม่ได้หรอก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของอดีต ถือว่าจบไปแล้ว เรียกกลับมาไม่ได้ สิ่งที่ทำได้ คือ อนาคต ควรมองอนาคตมากว่าว่าจะทำอย่างไรถึงจะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้ นายมงคลกล่าว

- ผู้ว่าฯ ธปท.ชี้นำมาตรการสกัดการเก็งค่าบาทมาใช้เพราะเชื่อกระทบต่อ นลท.น้อยมาก
ทั้งนี้ ภายหลังการนำมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทดังกล่าวออกมาใช้ นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาชี้แจงถึงเหตุผลการใช้มาตรการดังกล่าวว่า มาตรการสกัดค่าเงินบาทด้วยการให้สถาบันการเงินหักเงินนำเข้าไว้ 30%และให้แลกเป็นบาทได้แค่ 70% นั้น แม้ว่าตัวเลข 30% จะดูเหมือนเป็นตัวเลขที่สูง แต่หากคิดในแง่กลับกันสัดส่วนดังกล่าวมีผลทำให้ต้นทุนในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้นประมาณ 1.5% เท่านั้น แต่ถ้าเทียบกับกำไรที่ได้จากการลงทุนในไทยทั้งสองทาง คือ กำไรจากการลงทุนและกำไรจากค่าเงิน รวมกันประมาณ 20% จะส่งผลให้กำไรจากการลงทุนหายไปแค่ 1% กว่าเท่านั้น จึงทำให้เชื่อว่ามาตรการดังกล่าวไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการลงทุนอย่างรุนแรงมากนัก จึงทำให้ธปท.ตัดสินใจนำมาตรการดังกล่าวมาใช้
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการใช้มาตรการดังกล่าวผลตอบรับของนักลงทุนได้ต่างออกไปจากที่ได้คาดการณ์ไว้ ดังนั้น หลังจากนี้ไป ธปท.คงจะชะลอการออกมาตรการเพื่อสกัดการเก็งกำไรค่าบาทอีกสักระยะหนึ่ง เนื่องจากการออกมาตรการถี่จนเกินไปจะไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ตาม มาตรการล่าสุดที่ให้สถาบันการเงินสำรองเงินทุนไหลเข้าระยะสั้น 30% นั้นมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องประกาศใช้ เพราะค่าเงินแข็งค่าขึ้นมากเมื่อเทียบกับภูมิภาคเอเชีย แต่ก็ต้องยอมรับว่าเมื่อประกาศใช้แล้วได้ส่งผลให้นักลงทุนในตลาดหุ้นตื่นตระหนกและเทขายออกมาอย่างหนักเกินที่ ธปท.คาดไว้
เราคงหยุดออกมาตรการสักพักหนึ่ง เพราะออกมามากไม่ใช่เรื่องที่ดีและที่นักลงทุนในตลาดหุ้นตกใจมากเพราะคิดว่าเราจะออกมาตรการอะไรมาอีก ดังนั้นเราคงหยุดดูสถานการณ์สักพักก่อน นางธาริษา กล่าว

- เผยแม้ตลาดหุ้นพังแต่ค่าบาทอ่อนลงสมใจ
นางธาริษา กล่าวต่อถึง สถานการณ์ค่าเงินบาทวานนี้ (20 ธ.ค.) ว่า ถือว่าอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่ ธปท.ยังไม่ได้ออกมาตรการขั้นรุนแรง โดยค่าเงินบาทเริ่มนิ่งและมีความผันผวนน้อยลง ถือว่าเป็นสิ่งที่ธปท.พอใจแล้ว แต่ธปท.ไม่ได้วัดความพอใจจากระดับของค่าเงินบาทเพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทที่อ่อนลงในช่วงเช้าแต่เริ่มแข็งค่าขึ้นอีกเล็กน้อยในช่วงบ่ายนั้น เนื่องจากเงินที่ต่างชาติขายหุ้นอย่างหนักวานนี้ยังคงอยู่ในประเทศ เพราะยังไม่ถึงกำหนดวันชำระค่าหุ้นที่จะได้รับภายใน 3 วันหลังจากการขายหุ้น เมื่อต่างชาติยังไม่นำเงินออก ค่าเงินบาทจึงไม่ได้อ่อนค่าลงมาก ประกอบกับธปท.ได้ผ่อนคลายเกณฑ์ให้สถาบันการเงินไม่ต้องกักเงินทุนนำเข้า 30% สำหรับเงินที่นำมาลงทุนในตลาดหุ้น ทำให้ต่างชาติลดความแตกตื่นลงและไม่รีบขายหุ้น ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงน้อยกว่าที่ ธปท.คาดไว้

- ผู้ว่า ธปท.ยันไม่ลาออก เหตุทำเพื่อประเทศชาติ
นางธาริษา ยังได้เปิดเผยถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายเรียกร้องให้ผู้ว่าการ ธปท.รับผิดชอบด้วยการลาออกหลังออกมาตรการสกัดค่าเงินบาทจนส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อตลาดทุนอย่างรุนแรงว่า สิ่งที่ธปท.ทำลงไปเพราะต้องการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติไม่ใช่ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้น จึงไม่ขอตอบว่าจะลาออกหรือไม่ แต่ให้ไปคิดพิจารณาดูเองถึงเจตนาของ ธปท.ว่าทำไปเพื่ออะไร
ก็ไปคิดเอาเองว่าเราปกป้องผลประโยชน์เพื่อใคร ไม่อยากจะตอบในคำถามนี้นางธาริษา กล่าว
ทั้งนี้ นางธาริษาได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่ามาตรการที่ออกไปส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อนักลงทุนต่างชาติมากที่สุด โดยเฉพาะพวกที่เข้ามาเก็งกำไรในระยะสั้นๆ เห็นได้จากการเทขายหุ้นเมื่อวันก่อน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นต่างชาติ เพราะตกใจกับมาตรการ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องแยกแยะให้ชัดเจนว่ามาตรการดังกล่าวสร้างความเสียหายให้ใครและเกณฑ์ทุกอย่างที่ประกาศออกไป เพราะต้องการดูแลค่าเงินบาทไม่ใช่ปล่อยให้ต่างชาติมาเก็งกำไร 2 ขาจนทำให้ค่าบาทแข็งเกินกว่าพื้นฐานเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน ธปท.ไม่ได้ออกมาตรการตามใจชอบ แต่มีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว รวมทั้งมีการปรึกษากับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอยู่ตลอด และ ธปท.ก็ไม่จำเป็นต้องหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. รวมทั้ง ตลท. เพราะเป็นเรื่องนโยบายภายในที่ไม่สมควรจะแพร่งพรายให้คนภายนอกได้รับรู้
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจาก ธปท.มีการผ่อนคลายเกณฑ์สำหรับนักลงทุนที่นำเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นจะไม่ถูกหัก 30% มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เชื่อว่าจะทำให้นักลงทุนต่างชาติคลายความกังวลและกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากวานนี้ที่ตลาดหุ้นเริ่มรีบาวน์ขึ้น แต่ยอมรับว่ามาตรการผ่อนคลายดังกล่าวจะทำให้ผลที่จะได้จากการดูแลค่าเงินบาทอาจจะลดน้อยลงไปบ้าง

-ธปท. ระบุอีก 1-2 วัน จะออกประกาศให้มีบัญชี NRBA ใช้เฉพาะเบิก-ถอนเงินบาทในการซื้อขายหุ้นเท่านั้น
นายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกำกับแลกเปลี่ยนเงินและสินเชื่อ ธปท. กล่าวว่า คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ ธปท.จะประกาศให้ NR มีบัญชีเงินบาทใช้สำหรับซื้อขายหุ้นโดยเฉพาะชื่อว่าบัญชี NRBA ซึ่งจะเป็นอีก 1 บัญชีที่แยกออกมาจากบัญชีเงินบาทของ NR ตามปกติหลังจากแยกบัญชี NR ได้แล้ว ธปท.อาจจะมีการทบทวนมาตรการดูแลบัญชีเงินบาทของ NR โดยอาจจะกลับมาใช้วิธีจำกัดวงเงินบาทโดยให้มียอดคงค้าง ณ สิ้นวันได้ไม่เกิน 300 ล้านบาท ต่อ 1 บัญชี หลังจากที่วานนี้ ธปท.เพิ่งยกเลิกข้อจำกัดวงเงินฝากของบัญชี NR เพราะ ธปท.มองว่าการผ่อนคลายเกณฑ์โดยยกเว้นการหักเงิน 30% ในส่วนที่มาลงทุนหุ้นจะทำให้ต่างชาติต้องการลงทุนต่อ และไม่จำเป็นต้องพักเงินไว้มากกว่า 300 ล้านบาท

- ยันไม่ลด ดบ.เพื่อกดดันค่าเงิน
นางธาริษา กล่าวยืนยันว่า ธปท.จะไม่ใช้วิธีลดดอกเบี้ยเพื่อลดแรงกดดันในการแข็งค่าของเงินบาทเพราะเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกันโดยตรง และแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะไม่ใช่ประเด็นที่น่ากังวลแล้ว แต่ในภาวะที่ราคาน้ำมันยังไม่นิ่งและสินค้าหลายรายการมีแนวโน้มจะปรับขึ้นราคา อาจทำให้เงินเฟ้อกลับมาพุ่งขึ้นอีก ขณะที่เศรษฐกิจก็ยังขยายตัวดีจึงไม่มีเหตุผลที่จะลดดอกเบี้ย
จากการดำเนินนโยบายดังกล่าวเชื่อว่านักลงทุนในต่างประเทศส่วนใหญ่ต่างเข้าใจในมาตรการของ ธปท.เห็นได้จากบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ต่างชาติได้แสดงมุมมองใน 2 แง่มุม ไม่ใช่มองในเชิงลบอย่างเดียว แต่นักลงทุนในไทยส่วนใหญ่จะไม่พอใจมาตรการดังกล่าว
สำหรับเงินทุนที่ไหลเข้ามาอย่างรุนแรงในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ธปท.ไม่พบว่ามีเงินของกลุ่มชินที่ไหลเข้ามาในไทยเพื่อเสียภาษีตามที่มีข่าวลือแต่อย่างใดทราบข้อมูลเพียงว่าเป็นเงินในจำนวนที่มากพอสมควร ซึ่งก็น่าจะถือได้ว่าเข้ามาเก็งกำไรแน่นอน
เรารู้แค่ว่ามีเงินก้อนโตไหลเข้ามา แต่ถามว่ามีเงินของนักการเมืองชื่อคุ้นๆไหลเข้ามาด้วยหรือไม่ ก็ไม่เห็นมีและที่มีข่าวลือว่ามีการโอนเงินมาเสียภาษีก็ไม่มีแต่อย่างใด นางธาริษา กล่าว

- รมช.คลัง เชื่อธปท.จะมีมาตรการถาวรเรื่องการดูแลค่าเงินบาทออกมาแน่ หากมาตรการเดิมต้องยกเลิกไป
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทจะอยู่ไปอีกระยะหนึ่ง เพราะเฮดจ์ฟันด์ ยังมีอยู่ เพราะฉะนั้นหากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยกเลิกมาตรการดังกล่าวออกไป ควรมีมาตรการถาวรออกมารองรับและดูแลเรื่องการเก็งกำไรค่าเงินบาทในอนาคตด้วย

 กลับขึ้นบน
nikei
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 692
#1 วันที่: 21/12/2006 @ 14:07:38 : re: ฝรั่งยังขายต่อไม่ให้อภัยแบงก์ชาติ..(ก็เล่นตบหัวแล้วลูบหล
.000003 .000003 ไอ้ถุย ทำประเทศพัง รัฐบาลหมา ๆ .000003 .000003
 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#2 วันที่: 22/12/2006 @ 10:01:48 : re: ฝรั่งยังขายต่อไม่ให้อภัยแบงก์ชาติ..(ก็เล่นตบหัวแล้วลูบหล
ถ้าขาดความรู้ ความชำนาญ และความสามารถ ก็น่าจะปรึกษาผู้รู้ ไม่ใช่บุ่มบ่ามตัดสินใจกันเองเช่นนี้

กว่าจะปั้นมาได้ ใช้เวลาตั้งหลายปี หม่อมและคุณธาริษา ทำอะไรกันนี่ แค่วันเดียวพังหมดเลย สุดยอดจริงๆ
ไม่ทราบจะสรรหาคำพูดใดมาเปรียบเทียบได้อีกแล้ว กรรมของประเทศไทยจริงๆ
.000003 .000003 .000003 .000003 .000003 .000003 .000003
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com