May 3, 2024   7:07:21 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ใครจะรับผิด เพราะไม่มีชอบให้รับ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 21/12/2006 @ 11:54:14
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ขอคุยเรื่องมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ออกมาต่อนะครับ เพราะต้องถือว่าเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2549 เป็นเหตุการณ์ที่จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ทางการเงินของประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว เมื่อวานก็ได้อ่านและฟังข้อมูลจากหลาย ๆ ด้าน ก็พอจะเริ่มเข้าใจว่า ฝ่ายที่กระทำมีเหตุผลพอสมควร แต่ฝ่ายที่ถูกกระทำก็มีสิทธิตำหนิเช่นกัน วันนี้ผมจะเลือกเอาเฉพาะประเด็นที่น่าสนใจ ประเด็นที่ผมไม่เข้าใจ และเหตุผลของทางรัฐบาลที่อธิบายไว้ มาประติดประต่อ ทำไมรอบนี้ผมต้องใช้คำว่ารัฐบาลแทนที่จะใช้คำว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะว่าก่อนที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะตัดสินใจอะไรลงไป ย่อมได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายกรัฐมนตรีก่อนอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าการตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ เรื่องใดก็ตาม ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นมาอย่างไร คนที่กล้าตัดสินใจ ก็ต้องรับผิดและรับชอบ มีหลายรัฐบาลที่ตัดสินใจผิดพลาดแต่ไม่เคยยอมรับ ผมจะเล่าย้อนความหลังยาวหน่อยนะครับ
คือ เรื่องมันมีเค้ามาตั้งแต่การทำการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เอ..รู้สึกว่าเลข 19 จะเป็นเลขไม่เป็นมงคลสำหรับตลาดหุ้นไทยนะ ทำให้รัฐบาลคุณทักษิณต้องกระเด็นออกไป ผู้คนก็ออกมาดีใจ รวมทั้งผมด้วยนะ พอเราได้รัฐบาลใหม่ที่เป็นรัฐบาลชั่วคราว ที่เกิดจากการแต่งตั้งจาก คมช. ก็เข้ามาทำงาน แต่สิ่งที่ผมสังเกตได้ คือ รัฐบาลชุดใหม่ รวมทั้ง คมช. ค่อนข้างกังวลกับกลุ่มอำนาจเก่า สังเกตได้จากการไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก และมักมีมาตรการที่ดูเหมือนจะเป็นกระต่ายตื่นตูมออกมาบ่อย ๆ มาตรการบางมาตรการรู้เลยว่าไม่ศึกษาให้ละเอียดก่อน ทำให้หลายครั้ง และก็โดยเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงเช่นกัน จนผมคิดว่าถ้ารัฐบาลไม่กลัวมากจนเกินไป น่าจะทำอะไรได้ดีและรอบคอบกว่านี้ แต่ถ้ารัฐบาลบอกว่าไม่ได้กลัวเกินไป แล้วทำงานอย่างรอบคอยที่สุดแล้ว ผมก็เห็นว่า ท่านอาจจะมือไม่ถึงในการแก้ไขวิกฤตชาติขณะนี้
เรามาคุยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมาตรการนี้อย่างเดียวก็พอ ผมเองได้ข้อมูลส่วนใหญ่จากพรรคพวกที่เป็นนักหนังสือพิมพ์ เขาบอกมาว่าอย่างนี้ คือ มันมีข้อมูลบางอย่างที่พอจะเชื่อได้ว่า การที่ค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วมากที่สุดในทวีปเอเชีย คือ ชาวบ้านเขาแข็งค่ากันประมาณไม่เกิน 10 % ของเรานี่กว่า 15 % แล้ว คาดว่าจะเกิดจากการเข้ามาโจมตีค่าเงินของกองทุนเก็งกำไรจากต่างประเทศ และอาจจะมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนบางกลุ่มของรัฐบาลชุดเก่าก็ได้ ถ้าไม่รีบแก้ไข เงินบาทจะแข็งค่าลงไป จาก 35 บาท ลงไป 32-33 บาท อย่างรวดเร็ว ข้อมูลพวกนี้ ผมฟังเขามาอีกทีนะครับ ดังนั้นวิธีการแก้ไขก็คือ ต้องทำให้ผลตอบแทนจากการเก็งกำไรลดลง หรือไม่ก็ทำให้การเคลื่อนย้ายเงินดอลลาร์เข้ามาเดือนละเกือบ 1,000 ล้านหยุดชะงักอย่างรวดเร็ว ทำให้นักเก็งกำไรค่าเงินเสียหาย เพื่อให้ค่าเงินอ่อนค่าไปสู่ระดับปกติ ซึ่งทางการประเมินว่า น่าจะอยู่ที่ 36-37 บาท แต่ก็มีวิธีแก้ทั้งวิธีที่แก้แบบเบา ๆ หน่อย และวิธีการแก้ไขปัญหาแบบแข็งกร้าว สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด รัฐบาลเลือกใช้วิธีแข็งกร้าว และก็รู้ด้วยว่าหุ้นจะตกแรง แต่ประเมินไว้ที่ 10% ซึ่งก็คือประมาณ 70 จุด แต่ก็คาดการณ์ผิด เพราะตลาดหุ้นตกลงมา 20% กระนั้นเอง รัฐบาลก็รอถึงค่ำของวันที่ 19 ธันวาคม 2549 จึงจะเปลี่ยนใจยกเลิกมาตรการที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดทุนซะ ส่วนตลาดเงินคงไว้ คิดได้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ก็คงไม่โดนอัดขนาดนี้
ผมต้องขอชม กลต. กับ ตลท. ที่รอบนี้ ใช้ความพยายามอย่างหนัก ในการชี้แจงให้รัฐบาลเข้าใจ แต่ผมสงสัยว่าทำไม ธปท. ไม่คุยกับ กลต. , ตลท. และ ศศก. ก่อนจะทำ สงสัย กลัวความลับจะรั่วไหล จะไม่ทำให้กองทุนเก็งกำไรเจ็บตัว หรือไม่ก็กลัวมาแย่งความดีความชอบ
ตัวอย่างผลเสียหาย ใน วันที่ 19 ธันวาคม 2549 เฉพาะช่วงเปิด ? ปิดตลาด มีกลุ่มเดียวที่ได้กำไร คือ คนที่ขายหุ้นออกในวันที่ 18 แล้วมาซื้อหุ้นคืนวันที่ 19 คนผู้นั้นไม่รู้ทำบุญด้วยอะไร
1. พอร์ตลงทุนในตลาดหุ้น Broker แห่งหนึ่ง ทั้งปีสามารถทำกำไร 100 กว่าล้าน ปรากฏว่าหายไปหมดภายในวันเดียว
2. กองทุนบางกองทุนที่เมื่อราคาหุ้นตกลง 10% หรือ 20% ก็ต้องขายหุ้นออกไป ตามที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนเสียหายอย่างหนัก
3. ลูกค้าบัญชี Credit Balance และ คนที่เล่น SET 50 Index Future ต้องขายทิ้ง เพื่อรักษาชีวิต
4. นักลงทุนต่างประเทศ ต้องขายหุ้นออกมาก่อน เพราะไม่แน่ใจว่า จะมีมาตรการอะไรออกมาอีก โดยเฉพาะลูกค้าเก่าที่ขายหุ้นออกไปแล้ว และลูกค้าที่มีหุ้นอยู่ ขายแล้วจะโดนล๊อกเงินไว้ไหม ส่วนลูกค้าใหม่ที่จะซื้อหุ้น จะไปอธิบายได้อย่างไรว่าโอนเงินมาซื้อหุ้น 100 US$ ซื้อหุ้นได้ 70 US$
5. นักลงทุนรายย่อย ขายตกใจ ตามตลาด ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ลูกค้ารายย่อยมีหุ้นชั้นดี เช่น ธนาคารและพลังงาน ขาดทุน 15% ภายในวันเดียว โทรด่า Broker ระนาว
ส่วนการประกาศแก้ไขระเบียบในคืนวันที่ 19 ธันวาคม 2549 ช่วยอะไรพวกที่ขายหุ้นออกไปแล้วไม่ได้เลย[/color:46f89ebc77">

ที่มา ทันหุ้น
.0002 .0002

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com