ปี 2549 นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปี ที่ตลาดหุ้นไทยบ้านเราไม่คึกคักเท่าที่ควร เนื่องจากได้เผชิญกับปัจจัยลบต่างๆ ทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้แรงจูงใจของบริษัทที่ตั้งเป้าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ลดน้อยลง และมีหลายรายชะลอออกไป ถึงแม้จะมีมาตรการสิทธิพิเศษทางภาษีของบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในระยะเวลาที่กำหนด

สำหรับเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้บริษัทที่คิดจะเข้าตลาดหุ้น แต่ไม่ได้เข้า คงจะมาจากการมองเห็นโอกาสในการได้รับเม็ดเงินระดมทุนจากตลาดหุ้นที่น้อยลง และไม่คุ้มค่าต่อการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าตัวเลขเม็ดเงินที่ใช้สำหรับการเข้าตลาดหุ้นในแต่ละครั้งถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว

สิ่งเหล่านี้ถือเป็นประเด็นหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นมีบริษัทจดทะเบียนเข้ามาใหม่ต่ำกว่าที่คาดไว้อย่างมาก โดยที่ผ่านมาทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ต้องปรับเป้าหุ้นเข้าใหม่ถึง 2 ครั้ง 2 คราว จากเดิมที่เคยคาดเอาไว้ที่ 100 บริษัท

และปรับลดลงมาเหลือแค่ 40 บริษัทเท่านั้น

ถึงแม้จะปรับจำนวนบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ให้น้อยลงไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเป้าหมายดังกล่าวไม่ได้กระเตื้องขึ้นแม้แต่น้อย เพราะเมื่อนับจำนวนบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และตลาดmai ปีนี้ พบว่ามีหุ้นเพียง 18 ตัวเท่านั้น โดยแบ่งออกเป็นตลาดหลักทรัพย์(SET)จำนวน 12 บริษัท และตลาดmai จำนวน 6 บริษัท และถ้ามองอย่างตั้งใจจะเห็นว่ามีปีนี้มีหุ้นขนาดใหญ่ที่เข้าจดทะเบียนเพียง 3 บริษัทเท่านั้น คือ บมจ.จีสตีล หรือ GSTEEL บมจ.โรงกลั่นน้ำมันระยอง หรือ RRC และล่าสุด บมจ. รถไฟฟ้ากรุงเทพ หรือ BMCL

ข่าวหุ้นธุรกิจ ได้สำรวจหุ้นเข้าใหม่ปีนี้ทั้งหมด พบว่าหุ้นเข้าใหม่ตลาด(SET) มีหุ้นเหนือจอง 5 ราย ไม่เปลี่ยนแปลง 1 ราย และหลุดจอง 6 ราย โดยหุ้นเหนือจองได้แก่ RRC AKR RICHFORTHและBSEC ส่วนหุ้นที่หลุดจองได้แก่GSTEEL CITY SECC DSGT JTSและBMCL ส่วนราคาไม่เปลี่ยนแปลงคือ TOG ส่วนหุ้นตลาดหลักทรัพย์(Mai) มีหุ้นราคาเหนือจอง 2 ราย คือ ETG และDEMCO ส่วนหุ้นราคาหลุดจองคือTRTTIESUKEMและBROCK

อย่างไรก็ตามเริ่มจากรายแรกที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ คือ บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ GSTEEL เข้าซื้อขายเป็นตัวแรกและก็หลุดจองเป็นตัวแรกเช่นเดียวกัน ส่วนราคาปัจจุบันก็ยังอยู่ในสภาพหลุดจองอีกตามเคยที่ระดับ บาท

อันดับ 2 บริษัท ซิตี้ สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ CITY มูลค่าระดมทุน 264.60 ล้านบาท ราคาจองหุ้นละ 2.94 บาท หลุดจองเป็นรายที่ 2 ของปี จนถึงขณะนี้ราคาหุ้นก็ยังหลุดจองเช่นเคยที่ระดับ บาท ส่วนอันดับ 3 บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TOG มูลค่าระดมทุน 194.40 ล้านบาท ราคาจองหุ้นละ 2.80 เทรดวันแรกเท่ากับราคาจอง แต่ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นล่าสุดหลุดจองลงมาที่ระดับ บาท

อันดับ 4 บริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC มูลค่าระดมทุน300 ล้านบาท ราคาหุ้นละ 3.00 บาท หลุดจองเป็นรายที่3 ความเคลื่อนไหวราคาล่าสุดราคาหุ้นปรับตัวเหนือราคาจองอย่างชัดเจนที่ระดับ บาท

อันดับ 5 บริษัท โรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด (มหาชน) หรือ RRC เป็นหุ้นที่มีมูลค่าระดมทุนสูงสุดของปีนี้ที่ 27194.40 ล้านบาท ราคาจองหุ้นละ 18.00 บาท และเป็นหุ้นที่ยืนเหนือจองรายแรกของปี ล่าสุดราคายังยืนเหนือจอง ส่วนอันดับ 6 คือ บริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ AKR มูลค่าระดมทุน 491.40 ล้านหุ้น ราคาจองหุ้นละ 2.70 บาท แม้จะเป็นหุ้นที่เหนือจองเป็นรายที่ 2 แต่ล่าสุดหุ้นหลุดจองลงมาที่ระดับ

บาท

อันดับ 7 คือ บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

หรือ DSGT มูลค่าระดมทุน 240.64 ล้านบาท ราคาจองหุ้นละ 3.20 บาท วันแรกราคาหุ้นหลุดจอง ส่วนราคาหุ้นล่าสุดปรับตัวเหนือราคาจองที่ระดับ บาท

อันดับ 8 บริษัท ริช เอเชีย สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ RICH มีมูลค่าระดมทุน 225.00 ล้านบาท ราคาจองหุ้นละ 2.25 บาท ส่วนล่าสุดราคาหุ้นหลุดจองลงมาที่ บาท ส่วนอันดับ 9 บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FORTH ราคาจองหุ้นละ 5.00 บาท ราคาหุ้นยืนเหนือตั้งแต่เข้าซื้อขายวันแรก ซึ่งราคาหุ้นล่าสุดอยู่ที่ระดับ บาท

อันดับ 10 บริษัท จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JTS มูลค่าระดมทุน 560 ล้านบาท ราคาจองหุ้นละ 3.20 บาท ราคาหุ้นหลุดจองตั้งแต่เข้าตลาด

โดยราคาหุ้นล่าสุดอยู่ที่ระดับ บาท ส่วนอันดับ11 บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

หรือ BMCL มูลค่าระดมทุน 3913.62 ล้านบาท ราคาจองละ 1.31 บาท โดยราคาจองหุ้นหลุดจองตั้งแต่เข้าตลาดเช่นกันที่ระดับ บาท

ส่วนตลาดหลักทรัพย์ (mai) รายแรก บริษัท ถิรไทย จำกัด ( มหาชน) หรือ TRT มูลค่าที่ระดมทุน 582.60 ล้าน ราคาจองหุ้นละ 5.75 บาท ซึ่งเป็นรายแรกที่หลุดจองตั้งแต่เข้าตลาด ราคาหุ้นล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ บาท

อันดับ 2 คือ บริษัท ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TIES มีมูลค่าระดมทุน 378 ล้านบาท ราคาจองหุ้นละ 2.80 บาท ราคาหุ้นหลุดจองตั้งแต่เข้าตลาดเป็นรายที่ 2 โดยราคาหุ้นล่าสุดอยู่ที่ระดับ บาท

อันดับ 3 บริษัท ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จำกัด (มหาชน) หรือ UKEM มีมูลค่าการระดมทุน415.80 ล้านบาท ราคาจองหุ้นละ2.52บาท ราคาหุ้นหลุดจองวันแรก แต่หลังจากนั้นราคาหุ้นก็ปรับตัวเหนือราคาจองมาโดยตลอด ล่าสุดราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ บาท

อันดับ 4 บริษัท บ้านร็อคการ์เด้น จำกัด (มหาชน) หรือ BROCK มีมูลค่าการระดมทุน1200 ล้านบาท ราคาจองหุ้นละ6.00บาท ราคาหุ้นหลุดจองวันแรก แต่หลังจากนั้นราคาหุ้นก็ปรับตัวเหนือราคาจองมาโดยตลอด ล่าสุดราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ บาท

อันดับ 5 บริษัท อีเทอร์นิตี้ แกรนด์ โลจิสติคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETG มูลค่าระดมทุน391.00 ล้านบาท ราคาจองหุ้นละ3.40บาท ส่วนราคาหุ้นล่าสุดปรับตัวเหนือจองตั้งแต่เข้าตลาด มาที่อันดับ 6 บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ DEMCO เป็นหุ้นส่งท้ายปี49 มูลค่าระดมทุน 640.50 ล้านบาท ราคาจองหุ้นละ3.05 บาท ส่วนราคาหุ้นล่าสุดยังยืนเหนือจองได้อย่างมั่นคงที่ระดับ บาท

เมื่อดูจำนวนบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด ส่วนใหญ่มักหลุดจอง ซึ่งประเด็นดังกล่าวคงจะมีเหตุผลหลากหลายเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดราคาจองซื้อหุ้นไอพีโอ ที่อาจอยู่ในลักษณะที่สูงเกินกว่าพื้นฐานความเป็นจริง แต่ประเด็นดังกล่าวคงจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของเรื่องนี้ เพราะการกำหนดราคาจองไอพีโอในช่วงที่ผ่านมาล้วนมีส่วนลดให้กับนักลงทุนมากน้อยตามสภาวะดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ในช่วงนั้น ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงของการหลุดจองของหุ้นไอพีโอ ยังเป็นสิ่งที่ยังฟันธงลงไปไม่ได้ว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้หุ้นไอพีโอหลุดจอง


.00020