Puu สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 476 | วันที่: 25/12/2006 @ 09:02:48 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ.2549 เมอร์รี่ คริสต์มาสต์ ส่งฝรั่งกลับบ้าน แปลงตลาดหุ้นไทยให้กลายเป็นตลาดหุ้นพอเพียง ซื้อๆขายๆในหมู่คนไทยกันเอง
*แบงก์ชาติยอมคลายล็อคที่ตลาดหุ้นให้แล้ว แต่อีก 2 ตลาด คือ ตลาดตราสารหนี้ กับ ตลาดกองทุนรวม ยังคงล็อคแน่น เงินทุนต่างประเทศ ห้ามเข้ามาเพ่นพาน
* ไม่ปิดประตูรับแขกก็เหมือนปิด เพราะเงินทุนเข้ามา 100 เอาไปลงทุนแค่ 70 ที่เหลือฝากไว้ 30 หากเอาเงินออกไปก่อน 1 ปี ก็ต้องถูกปรับไหมซะ10
* ถามว่า ตลาดตราสารหนี้ไทย และตลาดกองทุนรวมไทย มันมีสเน่ห์แรงเย้ายวนกว่าตลาดอื่นมากหรือไง ถึงต้องมีต้นทุนแพงขนาดนี้ ปัจจัยความเสี่ยงในการลงทุนเป็น0หรือไร ถึงต้องก่อกำแพงเสริมเหล็กกันเงินเข้ากันขนาดนี้
*สรุปว่า จากนี้ไป ไม่ต้องการเงินทุนใหม่จากต่างประเทศเข้ามาอีกแล้วใช่ไหม คุณชายขา
คุณธาริษาจ๋า
* โถ! ตลาดตราสารหนี้ไทยขนาด 3.7 ล้านล้านบาท ตลาดกองทุนรวมขนาด
1 ล้านล้านบาท กว่าจะสร้างขึ้นมาเป็นเสาที่2 เสาที่3ของตลาดทุนได้ขนาดนี้ เลือดตาแทบกระเด็น! แต่อยู่ๆ แบงก์ชาติให้ยาคุมกำเนิด เสาหลัก 2 เสาตลาดทุน ที่กำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง ก็มีอันต้องเป็นเสาแกรน เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้
* อย่าหาว่าดาวเขียวสอนหนังสือสังฆราชเลยนะ ตลาดทุน ไม่ใช่มีแค่ตลาดหุ้น มันยังมีอีก 2 ตลาดดังที่ว่า เงินทุนที่เข้ามา ก็เข้าไปทั้ง 3 ตลาดนั่นแหละ เมื่อไปลั่นดาล 2 ตลาด เปิดให้เข้าแค่ตลาดเดียว ก็เท่ากับไปจำกัดการลงทุนเขา เรื่องมากจริง(วุ้ย) โยกเงินไปหาตลาดอื่นดีกว่า
* ดาวเขียวถึงกล้าทำตัวเป็นหมอดูแม่นๆฟันธงไงว่า ต่อไปนี้ เลิกหวังตลาดหุ้นได้แล้ว เพราะต่างชาติหมดอารมณ์ รอวันเล็กลงๆไปทุกวัน ตลาดตราสารหนี้ก็พัง ตลาดกองทุนรวมก็พัง น่าเสียดายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ จากดาวรุ่งพุ่งแรง ต้องตกชะตาดาวรุ่งพุ่งสู่เมรุ เรียบร้อยโรงเรียนธาริษาไปซะแล้ว
* ดาวเขียวยกเหตุผลถล่มใส่เป็นชุด ก็ไม่ได้มองด้านเดียวแค่ผลเสียหายตลาดทุนหรอกนะ ในแง่ของการรักษาเสถียรภาพเงินบาทก็คำนึงถึงอยู่ และก็มองเห็นทางเลือกอีกตั้งมากมาย ก่อนแบงก์ชาติจะตัดสินใจใช้ยาแรง
* ยืดเวลาแปลงดอลลาร์เป็นบาทของผู้ส่งออก ก็ใช่ เพิ่มแรงแทรกแซงตลาดอีกสัก30%ก็ยังพอไหว ลดดอกเบี้ยลงก็ดีเสียอีก เศรษฐกิจจะได้สะพัดขึ้นอีกด้วย หรือแม้กระทั่งการเก็บภาษีเงินทุนตอนขาออก เป็นทางจำเป็นสุดท้าย ก็ยังดีกว่ามาตรการฉีดคีโมคราวนี้
* ช่วงนี้ เมฆหมอกปกคลุมตลาดทุนมืดมิดกว่าครั้งใดๆ ดัชนีปิด730จุด ก่อนวันหุ้นร่วงถล่มทลาย 108 จุด คงจะเป็นสถิติสูงสุด ที่จะไม่ได้เห็นอีกเลยทั้งในปีนี้และปีหน้า ตราบใดที่ยังไม่ยกเลิกมาตรการคุมเงินทุนแบบไร้เดียงสาเยี่ยงนี้
* ปัจจัยเสี่ยง สูงยิ่งในตลาดหุ้น แม้จะเห็นบางวันขึ้น แต่ก็นั่นแหละ เป็นการขึ้นเพื่อจะลงโดยแม่นมั่น ควรรอการปรับตัวของตลาดหุ้นให้เป็นตลาดหุ้นไทยแท้อยู่ตัวเสียก่อน ค่อยคิดเข้าลงทุน หรือกะเก็งเวลา ที่แบงก์ชาติจะยอมถอย นั่นแหละจะเป็นข่าวดีที่สุดแห่งปีเลย[/color:9426947a35">[/size:9426947a35">
|