May 6, 2024   12:03:05 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้นค่ะ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 04/01/2007 @ 08:36:36
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.กิมเอ็งแนะนำซื้อ WORKราคาเป้าหมาย 26.00 บาทตั้งแต่เดือนมกราคม 2550 WORK ได้เวลาออกอากาศใหม่ทางช่อง 7 จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ ภายใต้การแบ่งกันขายเวลาโฆษณา (Time sharing) กับ บมจ. มีเดีย มีเดียออฟ มีเดียส์ (MEDIAS) โดยเป็นรายการวาไรตี้ ชื่อ มหานคร ออกอากาศคืนวันอังคารเวลา 22.30-24.30 น. ซึ่งมี คุณกนก รัตน์วงศ์สกุล เป็นหนึ่งในพิธีกร เราคาดว่ารายการใหม่จะช่วยเสริมรายได้ให้กับ WORK เป็นอย่างดีเนื่องจากค่าโฆษณาอยู่ในระดับสูง (320,000 บาท/นาที) และสามารถขายนาทีโฆษณาได้เกือบเต็มแล้ว ทางช่อง 3 WORK มีเวลาออกอากาศเพิ่ม 30 นาที/สัปดาห์สำหรับรายการอัจฉริยะข้ามคืน ซึ่งแม้จะไม่ได้รายได้เพิ่มเนื่องจากขายสปอนเซอร์ไปหมดแล้วแต่ต้นทุนของบริษัทจะลดลงจากการได้ส่วนลดค่าเช่าเวลาจากสถานี (เพราะช่อง 3 ได้ขายนาทีโฆษณาเพิ่ม) สำหรับทางช่อง 5 รายการแฟนพันธุ์แท้ได้เพิ่ม 30 นาที/สัปดาห์ ขณะที่ได้ยกเลิกรายการเอเชี่ยนบล็อค ดังนั้นรวมแล้วในปี 2550เวลาออกอากาศของบริษัทเพิ่มขึ้น 2 ชั่วโมงครึ่ง จาก 1,275 เป็น 1,425 นาที/สัปดาห์(ไม่รวมรายการวันนักขัตฤกษ์) นอกจากนั้นเรายังเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะได้เวลาเพิ่มตามที่บริษัทคาดการณ์ไว้อีก 2 ชั่วโมง/สัปดาห์เนื่องจากรายการของบริษัทเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งในแง่คุณภาพและเรทติ้ง เรายังคาดการณ์กำไรปี 2549 ที่ 297 ล้านบาท (1.48 บาท/หุ้น) ลดลง 2% yoy แต่คาดว่ากำไรจะฟื้นตัวขึ้น 17% เป็น 346 ล้านบาท (1.73 บาท/หุ้น) ในปี 2550 WORK มีความสามารถในการทำกำไรสูงจะเห็นได้จากอัตรากำไรสุทธิสูงกว่า 22% และอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) เกิน 30% นอกจากนั้นบริษัทยังมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง

บล.ซิกโก้แนะนำซื้อ KTBราคาเป้าหมาย 14.50 บาทเรามองว่าจากการใช้มาตรฐานบัญชีIAS39ซึ่งทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้กํ หนดให้ธนาคารพาณิชย์ เริ่มใช้กั บการกันสำรอง 100%ในส่วนของหนึ้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือNPLที่อยู่ในชั้นศาลก่อน และในเฟสที่ 2 จะเริ่มใช้ในเดือน Jun 07 กับNPLที่เกิน 6เดือน และในเฟสสุดท้ายใช้ ใน เดื อน Dec 07 กับ NPL ที่ เกิ น 3 เดือนจากข้อมูลที่เราได้จากธนาคาร ทำให้เราประเมินได้ว่าการตั้งสำรองที่ได้เกิดขึ้นในช่วง 9M06E จำนวน 4.9 พันลบ.คงจะไม่ เพียงพอต่อมาตรการในเฟสแรก นอกจากนั้นกำไรในงวด 9M06E ที่ ธนาคารทํได้กว่า 13.6พันลบ.ถือว่าเป็นจำนวนที่มาก เราจึงประเมินว่าใน 4Q06A ธนาคารจะตั้งสํรองมากขึ้นและเผื่อไวใช้ในเฟส 2 ต่อไปเพื่อให้กระทบต่อผลการดำเนินงานใน FY07Aน้อยลง โดยในเบื้องต้นเราคาดว่าใน 4Q06A ธนาคารจะกันสำรองสูงถึง 4.8 พันลบ.เราได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิใน 4Q06A จากเดิมเกือบ 3 พันลบ.เหลือเพียง 898ลบ.เนื่องจากภาระการตั้งสำรองค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าธนาคารจะต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้นอีกจํนวนมากเพื่อให้เพียงพอต่อมาตรการ IAS39 ซึ่งเมื่อรวมกำไรทั้งปีแล้วเราคาดว่าธนาคารจะมีกำไรสุทธิจำนวน 14,597 ลบ. ทั้งในปี 2006 และปี 2007 KTB มีปัจจัยเสี่ย้งที่ตองพึงระวังอยู่หลายด้านได้แก่ ความเสี่ยงจากการกันสำรองที่เพิ่ มขึ้นเพื่อให้ เพียงพอต่อมาตรการบัญชีใหม่ซึ่งธนาคารกรุงไทยยังมีภาระอยู่ค่อนข้างมาก สภาพคล่องในระบบเริ่มลดลงอาจมีผลกระทบต่อการแข่งขันด้านเงินฝากให้กลับมาปะทุอีกครั้งในช่วงกลางปีหน้า

บล. ยูโอบีเคย์เฮียนแนะนำถือ BECราคาเป้าหมาย 23.00 บาทเราคาดว่า BEC จะเป็นผู้รับประโยชน์โดยตรงจากการแพ้คดีสัญญาสัมปทานของITV ที่เริ่มทํการปรับลดผังรายการบันเทิงลงอยู่ที่ระดับ 30% และต้องเลื่อนรายการบันเทิงออกนอกช่วงเวลาไพร์มไทม์ ตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค.เป็นต้นไป เนื่องจากภายหลังที่ ITV เน้นรายการบันเทิงเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งรายการละครช่วงไพร์มไทม์ของ ITV ได้รับความนิยมทำให้ส่วนแบ่งผู้ชมของ BEC ลดลง โดยในช่วงไตรมาส 3/49 จะเห็นได้ว่า ส่วนแบ่งผู้ชมของ ITV เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนอยู่ที่ระดับ 15.2 ในเดือนก.ย. จากระดับเฉลี่ยประมาณ11.5 ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 49 และแม้ว่าส่วนแบ่งผู้ชมจะปรับลดลงในเดือนพ.ย.แต่ยังคงอยู่ในระดับ 13.7 ซึ่งสูงกว่าช่วงที่ไม่มีการฉายละคร จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 บริษัทมีกลุ่มผู้ชมเป้าหมายเดียวกัน ดังนั้นการลดรายการบันเทิงของ ITV คาดว่าจะทำให้ส่วนแบ่งผู้ชมของ BEC ปรับเพิ่มขึ้น จากแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในปี 50 ที่จะขยายตัวดีขึ้น นำมาสู่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งคาดว่าจะทำให้เม็ดเงินโฆษณาฟื้นตัวดีขึ้นขณะที่สถานการณ์ของกลุ่มสถานีโทรทัศน์ หลังจากไอทีวีต้องลดผังรายการบันเทิงลง จะส่งผลให้เม็ดเงินโฆษณากระจายไปสู่สถานีโทรทัศน์ช?องอื่นๆโดยเฉพาะ BEC มากขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนพ.ย. ผู้ใช้เม็ดเงินโฆษณารายใหญ่ที่สุดในตลาด ได้แก่ Unilever มีการใช้เม็ดเงินโฆษณาใน ITV 28.2% เป็นอันดับ 2 รองจากช?อง 7 ขณะที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาในช่อง3 เป?นอันดับ 3 19.5%แต่หากเทียบอัตราการเติบโตจะพบว่ามีการใช้เม็ดเงินโฆษณาในช่อง 3 เพิ่มขึ้นกว่า 75.5%YOY และเราคาดว่าแนวโน้มในอนาคตจะมีการเพิ่มการใช้อย่างต่อเนื่อง หลังจากการปรับผังของ ITV ซึ่งจะนำไปสู่อัตราการใช้นาทีโฆษณาที่สูงขึ้นและการปรับการให้ส่วนลดหรือการขึ้นค่าโฆษณาได้ โดยทางช่องคาดว่าอาจจะเห็นแนวโน้มในการย้ายเม็ดเงินโฆษณาชัดเจนขึ้นในช่วงต้นปี 50

บล.เอเซีบพลัสแนะนำซื้อ RATCHราคาเป้าหมาย 48.00 บาทคาดว่าจะมีกำไรปกติที่ 6,649 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% YoYเนื่องจากในปี 49 มีจำนวนวันหยุดซ่อมบำรุงและหยุดเดินเครื่องน้อยกว่าปี 48 และมีค่าใช้จ่ายในการบริหารงานที่ตำกว่าป48 ที่มีค่าใช้จ่ายในการจัดหาเงินกู้ใหม่ในขณะที่ปี 49 ไม่มีค่าใชจ่ายนี้ คาดว่าปี 50 จะมีกาไรปกติ 5,694 ล้านบาท ลด14% YoY เป็นการปรับประมาณการลงจากเดิม 10% เนื่องจากในปี 50 จะมีการหยุดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกๆ 6 ปี โดยหยุดซ่อมบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมและโรงไฟฟ้าพลังความร้อนรวม 4เครื่องในช่วง 3Q50 และ 4Q50 ทำให้จำนวนวันในการเดินเครื่องน้อยลง รวมทั้งจะมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงสูงขึ้นด้วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่ 2.9% สำหรับผลประกอบ 2H49 และคาดว่าเงินปันผลรวมของปี 49 จะอยู่ที่ 2.25 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราเงินปันผลที่ 5.3%ต่อป จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตรวม 3,995 เมกะวัตต์ ดังนั้น RATCH จะต้องเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1,205เมกะวัตต์ โดยจะเป็นโครงการลงทุนใหม่ทั้งหมด ใช้เงินลงทุนประมาณ 3.9 หมื่นล้านบาททั้งนี้RATCH ได้ลงทุนไปแล้ว 3 โครงการ คือ ราชบุรีพาวเวอร์ นำงึม 2 และนางึม 3 ที่อยู่ระหว่างการเจรจาเซ็นสัญญาซื้อขายกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (EGAT) โดยสรุปมีกำลังการผลิตจัดหาแล้ว 619 เมกะวัตต์ ส่วนอีก586 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังนำในลาว ซึ่งเงินลงทุนจะค่อนข้างสูงประมาณ 1-1.2ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเมกะวัตต์เมื่อเทียบกับการสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่มีต้นทุนประมาณ 5แสนดอลลาร์สหรัฐฯต่อเมกะวัตต์แผนลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าระยะ 5 ปีข้างหน้าโรงไฟฟ้า ประเภทกำลังการผลิตติดตั้ง%ถือหุ้นกำลังการผลิต สำหรับโครงการลงทุนในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าที่เป็นโครงการที่ชัดเจนแล้ว RATCH คาดว่าจะใช้กระแสเงินสดที่มีอยู่ประมาณ 8 พันล้านบาทในการลงทุน และคาดว่า จะยังไม่มีการการกู้เงินเพิ่มหรือออกหุ้นกู้ในระยะ 2-3 ปีนี้ แม้จะยังไม่มีกำหนดเวลาการเปิดประมูลที่แน่นอนแต่ RATCH ก็เตรียมพร้อมในการเข้าประมูลโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซฯ เป็นเชื้อเพลิงเป็นหลัก โดยมีความพร้อมในด้านสถานที่ สายส่ง และท่อก๊าซฯที่ทำให้ต้นทุนในการก่อสร้างอยูในอัตราที่แข่งขันได้






[/color:aa212a5ea4">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com