หัวคอลัมน์ : เริ่มต้นปีหมูก็ทำท่าไม่หมูเสียแล้ว

แค่ผลัดเปลี่ยนปีจอกำลังเข้าสู่ปีหมู ก็เจอเหตุการณ์วางระเบิดทั่วกรุงเทพฯ ถึง 8 จุดในช่วง Count Dow ยิ่งเพิ่มความกังวลให้กับนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะไม่รุนแรงมากนักเมื่อเทียบกับมาตรการของ ธปท. เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากในช่วงเกิดเหตุการณ์อยู่ในช่วงวันหยุดของเทศกาลปีใหม่ ทำให้ความตื่นตระหนกค่อนข้างน้อย แต่ถ้ามีเหตุการณ์ในชั่วโมงซื้อขายเชื่อว่าความผันผวนตลาดหุ้นจะมีค่อนข้างสูง ซึ่งก็ไม่มีหลักประกันว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ ดังนั้นในช่วงที่ไม่มีหลักประกันแน่นอน คาดว่าน่าจะบั่นทอนความรู้สึกในการลงทุนในช่วงนี้ นอกเหนือจากความกังวลเรื่องแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติต่อมาตรการในการกันสำรอง 30% แม้ว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ และรมว.คลัง ระบุเหตุระเบิดหลายจุดใน กทม. คืนวันที่ 31 ธ.ค. 49 เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้มากนัก โดยมองว่าน่ากระทบเพียงระยะสั้นต่อภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก และหากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) สามารถสรุปสถานการณ์ได้เร็ว และจับตัวผู้กระทำผิดได้ ความเชื่อมั่นก็น่าจะกลับคืนมา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ตรงกันข้ามในช่วงที่เกิดเหตุระเบิดในค่ำคืนดังกล่าว สำนักข่าว สื่อมวลชนในต่างประเทศทั้ง CNN CNBC Newyork Times รวมถึง สำนักข่าว Bloomberg ต่างเผยแพร่ข้อมูลกันอย่างรวดเร็ว และฉับไวเจาะลึกกว่าที่เราท่านนักลงทุนในประเทศได้รับทราบกัน ต่างมองเหตุการณ์ในเชิงลบและเชื่อว่าน่าจะยืดเยื้อ ตราบใดที่ยังหาผู้กระทำความผิดไม่ได้ รวมทั้งการที่รัฐบาลของเราด่วนสรุปเพียงค่ำคืนว่าเป็นการกระทำของใคร อย่างเลื่อนลอย ขาดเหตุผลหลักฐานที่แน่ชัด ก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้ความเชื่อมั่นที่จะเข้ามาลงทุนในไทยที่มีโอกาสน้อยอยู่แล้ว จากมาตรการสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงิน คราวนี้สกัด.....กั้นของจริง ด้วยเพราะด้วยเหตุการณ์นี้ได้ลามไปถึงทำให้สถานทูตต่าง ๆ เร่งประชาสัมพันธ์แจ้งนักท่องเที่ยวของประเทศตนเอง เร่งเดินทางกลับประเทศ เพื่อความปลอดภัย เรื่องนี้ต่างชาติเห็นว่าสำคัญยิ่ง เพราะทันทีที่เกิดเหตุการณ์รัฐบาลเราเร่งเน้นแต่หาแพะ!!! .....เอ๊ยหาตัวการก่อนโดยไม่ได้คิดถึงแผนต่อไป ว่าจะช่วยเหลือประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยว ที่ขณะนี้ยังพำนักในเมืองไทย ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร ทางสถานทูตเค้าก็ต้องดูแล คนของเค้าไว้ก่อน เรื่องนี้ว่าไม่ได้ที่ต่างชาติเค้าต้องทำเช่นนี้

นอกจากนี้ รองนายกฯ และรมว. คลัง ยังมองว่าจากเหตุการณ์ระเบิดทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย แสดงว่านักลงทุนไม่ได้ตื่นตระหนกหรือตกใจ แต่ส่วนตัวผมมองว่าที่ตลาดปรับตัวลงถึง 20 จุดนั้นถือว่าไม่น้อย ในสายตาของนักวิเคราะห์ และถือว่าสาหัสในหัวจิตหัวใจนักลงทุนที่เป็นเจ้าของเงิน และที่เห็นว่าตลาดไม่ปรับตัวลงในทันที 30 จุด หรือ 50 จุดก็ไม่ใช่นักลงทุนมั่นใจในตลาดหุ้นไทย ผมกลับมองอย่างเห็นใจ เข้าใจว่าเป็นเพราะนักลงทุน เจ็บตัว เจ็บใจ จนตั้งตัวทำอะไรยังไม่ถูก ยังงง และเฝ้าภาวนาขอให้ปาฏิหาริย์มีจริง เหมือนตลาด FTSE ที่ LONDON ทันทีที่มีเหตุการณ์ ร้าย ๆ อย่างเมื่อวันที่ 7 ก.ค.05 นั้นตลาดเค้าปรับตัวลงถึง 4 % แต่ก็กลับมาปิดตลาดติดลบเพียง 1.3 % และก็สามารถทำจุดสูงสุดขึ้นได้ใหม่ แต่สำหรับตลาดหุ้นไทยผมมองว่า....... ยากซ์ ตราบใดที่เรายังต้องลุ้น รอ....รอคอยอย่างที่คาดเดา หรือหา Logic เพื่อมาช่วยวิเคราะห์ และเก็งสถานการณ์ไม่ได้เช่นภาวะปัจจุบันนี้ ที่แน่ๆ ที่เห็นได้ชัดก็คือ ช่วงวันหยุดปีใหม่ปกติจะเห็นการใช้จ่าย อุปโภค บริโภค มากกว่านี้ แต่นี่เดินห้างแทบจะนับคนเดินได้เลย แย่..แย่ ตรงนี้สำคัญตราบใดที่การบริโภคภาคเอกชนอย่างเราๆ ลด GDP ของประเทศเราจะไปได้ 4-5 เปอร์เซนต์ได้อย่างไร (Private Consumption ถือได้ว่าเท่ากับ 57% ของ GDP) แค่ต้นปีที่เคยคาด January Effect หมดหวังซะแล้ว วานนี้ SET INDEX ปิด 659.25 ลดลง 20.59 จุด หรือ 3.03% ต่างชาติขายสุทธิ 249 ล้านบาท ผมเชื่อว่านี้แค่การเริ่มต้นเกมส์ทางการเงินที่จะเป็นอีกปีที่ต้องระมัดระวังอย่างมาก และยังไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่านักลงทุนต่างชาติจะมีการปรับพอร์ตการลงทุนหรือไม่ สำหรับแนวโน้มตลาดในแง่ทางเทคนิค เชื่อว่ายังมีโอกาสปรับตัวลงทดสอบแนวรับที่ 640 จุด เมื่อพิจารณา Bar Chart ที่เกิด Dead cross และเครื่องมือ MACD แสดง Negative ในระยะกลาง จึงมองว่าแนวโน้มตลาดคงต้องใช้เวลาในการตั้งหลัก โดยมองกรอบตลาดไว้ที่ 640 จุด แนวต้านที่ 670 จุด กลยุทธ์ : รอ แล้วก็รอ รอจนกว่าเหตุการณ์จะมีความชัดเจน และเน้นถือเงินสดให้มากที่สุด
*** บทความนี้ทำขึ้นด้วยหลักวิชาการทางเทคนิค และข้อมูลพื้นฐาน มิได้มีเจตนาชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด ***



.00020