หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมติดร่างแห เข้าข่ายกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากระเบิดป่วนเมืองรับปีหมูเขี้ยวตัน ฉุด ราคาหุ้นร่วงกราว โบรกมองจังหวะดีรอช้อนหุ้นราคาถูก แนะหุ้นเด่นในกลุ่ม ROJANA พื้นฐาน 16.05 บาท AMATA พื้นฐาน 15.00 บาท และ HEMRAJ พื้นฐาน 1.20 บาท ด้าน ?ไว เชง ควร? ผู้บริหาร TICON ยืนยันได้ผลบวกสวนกระแสข่าวร้ายเหตุนักลงทุนไม่กล้าลงทุนมากหันมาเช่าโรงงานเพิ่มขึ้น

บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า การลอบวางระเบิดจะส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมโดยตรง จากความเชื่อมั่นการเข้ามาลงทุนในไทยอาจจะชะลอตัวลงได้ ด้านความเสี่ยงจากปัจจัยทางการเมืองเพิ่มขึ้น และเป็นการซ้ำเติมจากข่าวลบเดิม ทั้งมาตรการตั้งสำรอง 30% สำหรับเงินกู้จากต่างประเทศส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศเกิดความกังวลใจมากขึ้น รวมถึงกฎหมายใหม่เกี่ยวกับนอมินีที่เน้นการออกเสียงมากกว่าสัดส่วนการถือหุ้นส่งผลให้บริษัทต่างประเทศต้องปรับตัว

ทั้งนี้หากเหตุการณ์วางระเบิดไม่บานปลายมากกว่านี้ และมาตรการจากภาครัฐสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้น่าจะทำให้ผลกระทบด้านลบเป็นเพียงระยะสั้น ส่วนมาตรการตั้งสำรองจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังมีทางออก ผู้กู้เงินต้องไปชี้แจงกับ ธปท.ว่าเป็นการลงทุนระยะยาว ซึ่งไม่กระทบต่อการเก็งกำไรค่าเงินบาท

ประกอบกับเรื่องกฎหมายใหม่เกี่ยวกับนอมินี บริษัทต่างประเทศก็ต้องปรับโครงสร้างการถือหุ้นและสิทธิในการออกเสียงให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่ ดังนั้นมีแนวโน้มค่อนข้างสูงว่าราคาซื้อขายหลักทรัพย์ในหมวดนิคมอุตสาหกรรมจะปรับตัวลดลง

แต่คงแนะนำว่าถ้าหากเหตุการณ์ไม่บานปลายถือเป็นจังหวะซื้อเพื่อการลงทุนระยะยาว โดยหุ้นที่คงแนะนำ คือ ROJANA ราคาพื้นฐาน 16.05 บาท AMATA ราคาพื้นฐาน 15.00 บาท และ HEMRAJ ราคาพื้นฐาน 1.20 บาท

นาย ไว เชง ควร ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) TICON เปิดเผยว่า เหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศจะทำให้ลูกค้าต่างประเทศ

หันมาเช่าโรงงานเพิ่มขึ้น เพราะไม่มั่นใจในการลงทุนซื้อหรือสร้างโรงงานใหม่

ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าสนใจเช่าโรงงานในปีนี้เพิ่มขึ้น ทั้งจากลูกค้ารายเดิมและรายใหม่ที่มาจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และยุโรป นอกจากนี้ลูกค้าสนใจเช่าโครงการพัฒนาสวนการขนส่งและคลังสินค้า (TICON Logistics Park) แหลมฉบังจำนวนมาก ส่วนโครงการโลจิสติกส์ พาร์ก บริเวณถนนบางนา-ตราด กม.39 โดยมีอาคารคลังสินค้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 2 อาคาร ซึ่งคาดว่าจะสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปีนี้