Puu
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476 |  วันที่: 04/01/2007 @ 13:24:08 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต SET Index
วันพุธที่ 3 ม.ค. ปิดที่ 659.25 จุด -20.59จุด มูลค่าการซื้อขาย 15,460 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 249.3 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 473.77 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิที่ 723.08 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 677.55จุด -2.29จุด และ Low ที่ดัชนี 653.14 จุด -26.70 จุด ปีใหม่นี้ที่ว่าจะเป็นปีหมูทองหลังปีหมาดุผ่านพ้นไป เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นปีหมูไฟไปแล้วก็ได้ หลังเกิดเหตุในคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ คือได้เกิดการก่อวินาศกรรมในกรุงเทพมหานคร 8 จุด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 3 ศพและยอดบาดเจ็บกว่า 30 ราย โดยที่ยังจับมือใครดมไม่ได้ หลัง December Effects ผ่านพ้น (เรื่องมาตรการสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินบาทของแบงค์ชาติ) มาถึงช่วงของ January Effects กันแล้ว ก็ประเดิมเรื่องแรกด้วยการวางระเบิดในใจกลางเมืองกรุง ก่อให้เกิดความวุ่นวายและความสูญเสียตามมา ทำให้สภาวะของตลาดหุ้นไทยไม่ว่าทิศทางของเพื่อนบ้านจะดีแค่ไหนก็คงตามใครเค้าไม่ไหว.....หรอก เรื่องเดิมยังจะแย่เรื่องใหม่ที่เข้ามาสิแย่กว่าไม่รู้เท่าไหร่ นี่ยังดีที่ลงไปไม่ถึง 4% ถ้ามากกว่านี้ไม่รู้จะกลับมาดีได้เดือนไหน การเทรดก็มีช่วงเหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงบ้างในระหว่างวันสลับขึ้นลง แต่ก็มีมูลค่าการซื้อขายไม่มาก หุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือหุ้นกลุ่มโรงแรมและกลุ่มขนส่ง ส่วนกลุ่มหุ้นที่คาดว่าได้รับผลกระทบไม่มากนั้นจะเป็นหุ้นประเภทที่มีพื้นฐานดี ปันผลดี และหากค่าเงินบาทจะยังอ่อนค่าลงต่อเนื่องก็จะเป็นหุ้นกลุ่มส่งออกที่จะฟื้นตัวกลับมา ทางด้านประเด็นสำคัญรอบบ้านที่ต้องจับตาในเรื่องความผันผวนของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก การขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟด ค่าเงินUS และเรื่องสำคัญในบ้านที่พึ่งเกิดขึ้นอย่างการวางระเบิดกลางเมืองกรุง ตัวเลขจีดีพี ค่าเงินบาท มาตราการ 30%ของแบงค์ชาติ การเมือง และอัตราดอกเบี้ย
KTB
ราคาเปิด 11.50 บาท ราคาปิด 11.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 632.28 ล้านบาท KTB ได้เปิดเผยว่าจะมีการตั้งสำรองเพิ่มอีกจำนวนมากในQ 4/49 เพื่อรองรับ IAS39 แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นจำนวนเท่าไร ในเบื้องต้นประมาณว่า จะมีภาระสำรองเพิ่มจาก IAS39 ประมาณ 5.3 พันล้านบาทในQ 4/49 นอกจากนั้น ส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) น่าจะปรับลดลงจากไตรมาส 3/49 เนื่องจากไม่มีเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ และต้นทุนการเงินที่สูงขึ้นอันเป็นผลจากดอกเบี้ยเงินฝากประจำระยะยาวบางส่วนเริ่มหมดอายุและปรับตัวสูงขึ้น โดยรวมแล้วจึงคาดว่ากำไรสุทธิQ 4/49 ของ KTB ลดลงจากปีก่อน แต่กำไรหลักจากการดำเนินการ (Pre-tax PPOP) เพิ่มขึ้นกว่า 25% จากปีก่อน ถึงแม้ว่าในระยะสั้นจะยังมีปัจจัยถ่วงเรื่องการตั้งสำรองแต่ระยะยาวแล้วจะมีพื้นฐานที่แกร่งขึ้น จะดูได้จากสัดส่วนสำรองต่อหนี้สูญที่ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำที่ 40% คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเกือบ 70% ในปี 2551 ทีเดียว เมื่อไม่นานมานี้ราคาหุ้นตกลงมาเร็วมาก เนื่องจากมาตรการของ ธปท. ในการควบคุมเงินทุนไหลเข้า ดังนั้นถือว่าเป็นช่วงจังหวะที่ดี เหมาะต่อการทยอยซื้อ K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ โดยมีแนวรับ 11.20 บาท แนวต้าน 11.80 บาท
PSL
ราคาเปิด 47.25 บาท ราคาปิด 48.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 67.89 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2006 PSL มีเรือที่ทำสัญญาระยะยาวไว้ถึงปี 2010 โดยเมื่อเปรียบเทียบกับกองเรือทั้งหมด PSLได้ทำสัญญาระยะยาวไว้ 57% ในปี 2007, 35% ในปี 2008, 28% ในปี 2009 และ 12% ในปี 2010 เชื่อว่าการที่มีสัดส่วนเรือที่ทำสัญญาระยะยาว จะส่งผลให้ PSLมีรายได้ค่าระวางเรือที่แน่นอน และลดความผันผวนของรายได้ นอกจากนี้คาดว่าสัดส่วนเรือที่ยังไม่ได้ทำสัญญาระยะยาว จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มค่าระวางเรือเทกองที่เป็นขาขึ้น ซึ่งทำให้PSLมีรายได้ค่าระวางเพิ่มขึ้นเป็น 9,577 ล้านบาท ในปี 2007 และ 9,902 ล้านบาท ในปี 2008 PSL มีแผนในการขายเรือเก่า 10 ลำ เนื่องจากรายได้ไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเรือ คิดเป็นรายได้จากการขายเรือ 1,603 ล้านบาท และ กำไรจากการขายเรือ 1,255 ล้านบาท โดยผู้ซื้อชำระเงินไปแล้ว 10% ส่วนที่เหลือจะชำระเมื่อมีการนำส่งเรือทั้งหมด ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อลงทุน แนวรับ 47.50 บาท แนวต้าน 50 บาท
TPIPL
ราคาเปิด 10.70 บาท ราคาปิด 10.90 บาท มูลค่าการซื้อขาย 174.82 ล้านบาท หลังจากที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ และบริษัท ทีพีไอ คอนกรีต จำกัด ในฐานะเป็นบริษัทย่อย ออกไปอีก 1 ปี จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 และTPIPLต่ออายุสัญญาเช่าเดิมที่จะหมดอายุลงและทำสัญญา เช่าพื้นที่ เพิ่มเติมในอาคารสำนักงานทีพีไอ มีมูลค่ารายการเท่ากับ 3,756,675 บาท ซึ่งเมื่อรวมกับรายการที่ TPIPLได้ทำสัญญาเช่าอาคารสำนักงานจากบริษัท พรชัยวิสาหกิจ จำกัด เมื่อวัน ที่ 29 กันยายน 2549 จัดเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันในลักษณะเดียวกันซึ่งมีมูลค่ารายการเท่ากับ 4,738,500 บาท คิดเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันซึ่งเกิดขึ้นภายใน 6 เดือน เป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 8,495,175 บาท ซึ่งน้อยกว่าร้อยละ 0.03 (14,736,120 บาท) ของมูลค่าสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 จึงไม่เข้าเกณฑ์ต้องรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกทั้งยังเป็นรายการสนับสนุนธุรกิจปกติที่มีเงื่อนไขทางการค้าโดยทั่วไป ส่งผลให้การดำเนินการมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ แนวรับ 10.60 บาท แนวต้าน 11.60 บาท[/color:6b46cbb514">
ที่มา ทันหุ้น
.0008 .0008
|
