May 12, 2024   4:49:48 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สังคมหุ้น....
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 10/01/2007 @ 08:47:53
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หนังสือพิมพ์ ข่าวหุ้นธุรกิจ ฉบับประจำวันพุธที่ 10 มกราคม 2550 แล้วตลาดหุ้นก็ทำนบแต่อีกครั้งเมื่อวานนี้ เมื่อต่างชาติถล่มขายทิ้งหุ้นต่อเนื่องอีกวัน หลังจากร่างกฎหมายแก้ไขเรื่องนอมินีต่างชาติ ผ่านมติครม. เป็นเอกฉันท์

* กฎหมายนี้ รัฐบาลชี้แจงว่า ต้องการปิดจุดอ่อนเรื่องนักลงทุนต่างชาติหลีกเลี่ยงกฎหมายในการถือหุ้นธุรกิจในประเทศไทย หลังจากมีการร้องเรียนกรณีการถือหุ้นแทนหรือนอมีนีในบริษัทกุหลาบแก้ว จำกัด เกิดขึ้น

* วันนี้ รัฐบาลก็จะจัดฉากให้มีการแถลงข่าวโดยเชิญตัวแทนบริษัทต่างชาติเข้ามาฟังคำอธิบาย ซึ่งไม่ต้องอธิบายมาก ก็จะได้ภาพผักชีโรยหน้าเกิดขึ้นอย่างสวยงามผ่านสื่อต่างๆ

* เช่นกัน เกียรติก้องไม่ต้องเดา ก็จะเห็นภาพประธานสภาอุตสาหกรรมฯ ประธานสภาหอการค้าไทย และตัวแทนหอการค้าต่างชาติ ออกมาให้สัมภาษณ์สรรเสริญรัฐบาลว่าทำถูกแล้ว ดีแล้ว อย่างไม่ต้องสงสัย ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมไทย

* สาระสำคัญของร่างแก้ไขที่ผ่านครม. ได้แก่ การแก้ไขคำจำกัดความของคำว่าบริษัทต่างชาติให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า บริษัทต่างชาติ คือ บริษัทใดที่ต่างชาติถือหุ้นเกิน50% ก็แปลว่าเป็นบริษัทต่างชาติ ซึ่งรวมถึงที่ให้คนไทยถือหุ้นแทนด้วย และ 2.กรณีต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 50% แต่ใช้สิทธิออกเสียงเกิน 50% หรือเรียกว่า votingrights ซึ่งสามารถครอบงำบริษัทได้เหมือนเดิม วิธีนี้ก็คือ ให้สิทธิออกเสียงก็ไม่เกิน 50%เช่นกัน ให้เวลา 2 ปีดำเนินการสำหรับบจ.ในตลาดที่ผิดกติกานี้

* อย่างที่รู้กัน ธงใหญ่ของร่างกฎหมายนี้ คือ กรณีดีลกลุ่มชิน และ กุหลาบแก้ว แต่เมื่อรัฐบาลตัดสินใจโยน เดอร์ตี้ บอมบ์ ถล่มให้ตายหมู่ มันก็เลยออกมาอย่างที่เห็น

* ปรากฎการณ์อย่างนี้ ฝรั่งเขาเรียกว่า ปฏิบัติการรักชาติอย่างตาบอด หรือ blindpatriotism ซึ่งรัฐบาลประเทศกำลังพัฒนาซึ่งเป็นทุนนิยมหลังเขา ชอบกระทำกันนัก และบทเรียนท้ายที่สุด ก็คือ อีกไม่นานผ่านไป ก็จะมีการแก้ไขกลับคืนดังเดิม ไม่ว่าที่ไหนๆ...เพราะแรงกดดันของต่างชาติ มันสูงยิ่งนักในกระแสโลกาภิวัฒน์

* สิ่งที่ต้องติดตามต่อไปก็คือ นับจากนี้ไป คำขู่ของหอการค้าต่างประเทศ 28 สถาบันหรือ JFCCT ที่เคยบอกเอาไว้ว่า อาจถอนการลงทุนออกจากไทยไปยังประเทศอื่น เช่นจีนและเวียดนามหากรัฐบาลจะเดินหน้าพิจารณาร่างกฏหมายดังกล่าวโดยไม่ฟังความเห็นจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ จะเป็นจริงแค่ไหน

* แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ก็ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอีกของตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยเพิ่มเติมจาก เรื่องมาตรการสำรอง 30% และ ระเบิดส่งท้ายปีเก่า ทั้งหมดล้วนเป็นท่าทีไม่เป็นมิตรกับต่างชาติโจ่งแจ้งเสียเหลือเกิน ราวกับว่า ไทยเรามีแรงมากมายในการต่อรองระหว่างประเทศ

* ที่แน่นอนสุดๆ หุ้นกลุ่มสื่อสาร ได้รับผลรุนแรงแน่นอน โดยเฉพาะตัวที่ไม่มีใครพูดถึงคือ TRUE เพราะ จากนี้ไป ศุภชัย เจียรวนนท์ จะระดมทุนมารีไฟแนนซจากไหนที่ต้นทุนต่ำๆ เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องของบริษัท

* น่าสงสารก็แม่สาวตาคม ภัทรียา เบญจพลชัย ต้องกล้ำกลืนออกมาแถลงข่าวพร้อมฉีกยิ้มปลอบประโชมนักลงทุนว่า มีบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในตลาดหุ้นไทยไม่เกิน 15 รายที่ได้รับผลกระทบจากการแก้ไขกฎหมาย และ แต่ละบริษัทก็ต้องไปปรับตัวตามมารยาท...จะให้พูดเป็นอื่นได้กระไรหรือ?

* ไม่อยากบอกหนังสือสังฆราชแบบศรีธนญชัย แต่เกียรติก้องเพิ่งอ่านหนังสือเรื่องThe Lexus and The Olive Tree โดยโธมัส ฟรีดแมน เขาระบุว่า โลกกำลังต่อสู้กัน 2ขั้วระหว่าง กลุ่มที่ต้องการก้าวไปข้างหน้า(แบบรถยนต์เล็กซัส) กับกลุ่มที่ทะเลาะแย่งต้นมะกอก เพื่อหาอัตลักษณ์ของตนเองอย่างไม่รู้อนาคต...คำถามคือ ไทยเราจะเลือกยุทธศาสตร์แบบไหนในอนาคต? อยากส่งให้ ครม.ขิงแก่ อ่านเสียเหลือเกิน...

* บอกกันให้ชัด ว่านี่คือระเบิดเวลาอีกลูกหนึ่ง ที่อาจจะบึมเมื่อใดก็ได้ในทางการเมืองในระยะต่อไป อำนาจนั้นหาความแน่นอนไม่ได้ หากว่าขาดฐานรองรับจากประชาชน

* ผลพวงจากนี้ไป อยู่ที่ยอดการจัดเก็บภาษีของกระทรวงการคลังในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะพิสูจน์ผลพวงของมาตรการและนโยบายที่รัฐบาลชุดนี้ได้กระทำมาชัดเจนยิ่งกว่าชัด ไม่ต้องบอกด้วยการวินิจฉัยเชิงคุณค่าใดๆทั้งสิ้น...แล้วจะได้เห็นกัน..พูดได้แค่นี้เอง

.0000013

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com