โบรกเกอร์ชี้ทางสว่างนักลงทุน แนะถือเงินสดและชะลอเก็บหุ้นเพื่อถือยาว เหตุปัจจัยลบยังไม่คลี่คลายดัชนีมีโอกาสลงต่อ ระบุเจอกันใหม่ที่ระดับ 560-620 จุด เพื่อซื้อหุ้นถูกเชียร์เก็บหุ้นแบงก์ หลักทรัพย์ และดิวิเดนท์สต็อกในกลุ่มไฟฟ้า ซีเมนต์ ถ่านหิน เพราะดีดเร็วหากตลาดรีบาวน์ ส่วนนักเก็งกำไรแนะเทรดหุ้นมีข่าวหนุน

นายอดิพงษ์ ภัทรวิกรม ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์จำกัด กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้แนะนำให้นักลงทุนขายหุ้นออกมาเพื่อถือเงินสดและรอดูความชัดเจนของปัจจัยลบต่างๆที่กดดันตลาดอยู่ในขณะนี้ ทั้งเรื่องของมาตรการหักเงินสำรอง 30% ของแบงก์ชาติ เหตุระเบิดในเขตกรุงเทพฯและการแก้ไขกฎหมายประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว

ทั้งนี้ หากปัจจัยลบดังกล่าวมีความชัดเจนแล้วและดัชนีเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงจะแนะนำให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนได้ ซึ่งอาจจะได้ราคาหุ้นที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ความเสี่ยงก็ลดลงด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากปัจจัยลบดังกล่าวยังไม่คลี่คลายแนะนำให้นักลงทุนรอให้เกิดเหตุเลวร้ายมากๆขึ้นก่อนจึงค่อยเข้าไปเก็บหุ้น เนื่องจากจะทำให้ได้หุ้นในราคาถูกลงไปอีก ซึ่งจะช่วยตัดความเสี่ยงได้อีกทาง

อย่างไรก็ตามมองว่าระดับดัชนีที่น่าสนใจเข้าไปลงทุนควรอยู่บริเวณ 560-600 จุดหรือเฉลี่ยประมาณ 580 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ดัชนีลดลงไปต่ำสุดหลังจากที่แบงก์ชาติประกาศใช้เกณฑ์หักเงินสำรองของนักลงทุนต่างชาติ 30% เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.49 ที่ผ่านมา ส่วนหุ้นที่น่าสนใจลงทุนน่าจะเป็นหุ้นที่ดีดกลับขึ้นมาได้เร็วเมื่อภาวะตลาดกลับมาดีอีกครั้ง ซึ่งประกอบด้วย หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มหลักทรัพย์ เป็นต้น

ตอนนี้ในพอร์ตของนักลงทุนไม่ควรมีหุ้นอยู่ ควรจะถือเงินสดมากกว่าเพื่อความปลอดภัย โดยน่าจะรอจนชัวร์แล้วว่าปัจจัยลบคลี่คลายหรือมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นก่อนถึงจะเข้าไปลงทุนอีกครั้งนายอดิพงษ์ กล่าว

นายปรเมศร์ ทองบัว นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ไม่ควรลงทุนแบบถือยาว เนื่องจากข่าวร้ายต่างๆยังไม่นิ่ง แม้ว่าทิสโก้จะประเมินว่าโอกาสที่ดัชนีจะปรับลดลงอีกคงมีไม่มาก แต่แนะนำให้ลงทุนแบบเก็งกำไรไปก่อนในหุ้นที่มีข่าวสนับสนุน

ส่วนการลงทุนในระยะยาวควรรอเข้าซื้อในช่วงที่ดัชนีปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับ 600จุด หรือต่ำกว่า 600 จุด ซึ่งถือเป็นจุดที่ต่ำมากแล้ว โดยแนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์และหุ้นกลุ่มอุปโภคบริโภค เนื่องจากความสามารถในการบริโภคของประชาชนยังไม่ถูกกระทบมากนัก

ช่วงนี้คงไม่เหมาะที่จะลงทุนแบบ longterm เพราะข่าวรายยังไม่ชัดเจน ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลดลงได้อยู่ รอให้ดัชนีแตะ 600 จุดก่อนจึงจะเข้าไปเก็บหุ้นเพื่อถือยาวนายปรเมศร์ กล่าว

ด้านนายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ช่วงนี้ไม่แนะนำให้นักลงทุนขายหุ้นออกมาแล้วเนื่องจากปัจจุบันราคาหุ้นส่วนใหญ่ถือว่าต่ำกว่าพื้นฐาน ส่วนกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้แนะนำให้เก็งกำไรในหุ้นกลุ่มรับเหมา เนื่องจากมีปัจจัยบวกเรื่องการก่อสร้างรถไฟฟ้า หรือหุ้นกลุ่มอื่นๆที่มีข่าวสนับสนุน

ส่วนการลงทุนแบบถือยาวแนะนำให้ชะลอการลงทุนไว้ก่อน เพื่อรอดูความชัดเจนของสถานการร์ รอจนดัชนีลงมาอยู่ในบริเวณ 620 จุดแล้วจึงเข้าไปเก็บหุ้น อย่างไรก็ตามหากต้องการเข้าไปเก็บหุ้นช่วงนี้ แนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายปันผลดี(ดิวิเดนท์ สต็อก)ในกลุ่ม ไฟฟ้า ซีเมนต์ และถ่านหิน





.00020