May 11, 2024   5:19:14 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ตลาดหุ้นไทยเจ็บตัวฟรี
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 11/01/2007 @ 09:57:59
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ตลาดหุ้นไทยโงหัวขึ้นมาได้ หลังมรว.ปรีดิยาธร ออกโรงชี้แจงนักลงทุนต่างชาติให้เข้าใจกันชัดๆถึงผลกระทบจากการแก้ไขพรบ.คนต่างด้าว ดึงดัชนีกระเตื้องขึ้นมาได้แค่ในช่วงข้ามวัน เผยมีบริษัทจดทะเบียนแค่ 6 รายที่กระทบ และบริษัทต่างชาติ 1,337 บริษัท จากวันก่อนหน้าที่เจ็บตัวฟรีถูกแรงขายถล่มหลัก ท่ามกลางการคาดการณ์ของผู้ที่เกี่ยวข้องถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา โบรกประเมินหุ้นเข้าข่ายหุ้นกลุ่มชินมาทั้งยวง SHIN-ADVANC-SATTEL-CSL และ UCOM ส่วน GOLD}BLAND ติดโผมาด้วยเหมือนกัน ด้านบล.นครหลวงไทย แนะทางออกลงทุนท่ามกลางปัจจัยลบรุมเร้า หุ้นแบงก์โดดเด่นสุดหลังราคาร่วงจนถูกแสนถูก เหมาะ เก็งกำไรดักผลประกอบการที่ใกล้จะประกาศออกมา ส่วนนักลงทุนระยะยาวแนะสะสมกลุ่มไฟฟ้าและพลังงาน

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นักลงทุนต่างชาติเข้าใจเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจคนต่างด้าวมากขึ้น หลังจากที่ได้รับฟังคำชี้แจงวานนี้(10ม.ค.) โดยพรบ.ฉบับนี้จะไม่กระทบต่อธุรกิจของต่างชาติที่อยู่ในไทยมาก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากการแก้ไขครั้งนี้ เพื่อทำให้กฎหมายมีความชัดเจนมากขึ้น

?นักลงทุนต่างชาติเข้าใจดีขึ้น ว่าเราทำเพื่อผ่อนคลาย และให้กฎหมายมีความชัดเจนขึ้น และหลังจากรับฟังคำชี้แจงจะกลับไปประเมินผลกระทบจากการแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว?ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว

สำหรับสัดส่วนการถือหุ้น หากเกินกว่ากฎหมายกำหนด จะต้องลดสัดส่วนการถือหุ้นลงภายใน 2 ปี ทั้งนี้การแก้ไขกฏหมายดังกล่าว จึงไม่น่าจะมีส่วนสร้างความรู้สึกปิดกั้นทางธุรกิจกับต่างชาติแต่อย่างใด
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมจะรับข้อเสนอจากนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องของการทยอยลดสัดส่วนหุ้นภายใน 1 ปี แต่ข้อเสนอต้องมีความยุติธรรม และขั้นตอนของกฎหมายในขณะนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้

กระทบบจ.6ราย
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวต่อว่า จะมีบริษัทประมาณ 1,337 บริษัท ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการออกกฎหมายธุรกิจต่างด้าว โดยมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 6 แห่ง ที่อาจได้รับผลกระทบจากกฎหมายธุรกิจต่างด้าว เพราะบริษัทอื่นที่เข้าข่ายได้รับการส่งสเริมการลงทุนย

ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ได้ให้ข้อมูลก่อนหน้านี้ว่า จากการประเมินในเบื้องต้นพบว่าบริษัทจดทะเบียนจำนวนไม่เกิน 15 บริษัทที่อาจต้องมีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นให้สอดคล้องกับการแก้ไขตาม

ยืนกรานเลิกสำรอง30%
ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ผู้อำนวยการฝ่ายหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ซิตี้คอร์ป (ประเทศไทย) กล่าวว่า หลังจากกระทรวงการคลังชี้แจงต่อนักลงทุนต่างชาติให้มีความเข้าใจมากขึ้น จะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นเริ่มกระเตื้องขึ้น จึงมองว่านักลงทุนต่างชาติไม่ค่อยมีความกังวลกับพ.ร.บ.ประกอบธุรกิจต่างด้าวมากนัก เพราะหุ้นกลุ่มหลักที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมีเพียงกลุ่มสื่อสาร และอสังหาริมทรัพย์

อย่างไรก็ตามจากมุมมองนักลงทุนต่างชาติในขณะนี้ยังคงมีการจับตาถึงมาตรการของกระทรวงการคลัง และเชื่อว่าอาจจะต้องมีการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% เพราะมาตรการดังกล่าวไม่เป็นการสนับสนุนการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ และทำให้ขาดความเชื่อมั่นในการลงทุน โดยตั้งแต่วันที่19 ธันวาคม 2549 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิกว่า 3 หมื่นล้านบาท

หั่นดัชนีเหลือ740จุด
ม.ล.ทองมกุฎ กล่าวอีกว่า ในระยะยาวหากเหตุการณ์ภายในประเทศสามารถคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นก็จะส่งผลให้เม็ดเงินมีโอกาสที่จะไหลกลับมาในตลาดหุ้นอีกครั้ง เพราะขณะนี้ต้องยอมรับว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย รวมถึงราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวได้มีการปรับตัวลดลงมาในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นจึงมองว่านักลงทุนสามารถที่จะหาจังหวะทยอยเข้าไปลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี เพื่อรองรับผลตอบแทนในอนาคตได้ แต่ในระยะสั้นโดยเฉพาะในไตรมาส1/2550 คาดว่าเม็ดเงินต่างชาติอาจจะยังไม่เข้ามาลงทุนอย่างแน่นอน

?ทางบล.ซิตี้คอร์ป มีการปรับลดดัชนีหุ้นไทยปีนี้ที่ 740 จุด จากเดิม 799 จุด จากปัจจัยลบที่เข้ามากระทบโดยเฉพาะมาตรการหักสำรอง 30% ดังนั้นหากว่ากระทรวงการคลังสั่งยกเลิกมาตรการดังกล่าวโอกาสที่เม็ดเงินจะไหลเข้ามาก็เพิ่มขึ้น ? ม.ล. ทองมกุฎ กล่าว

ฝรั่งยังทยอยเก็บของถูก
นายไพบูลย์ นรินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า พระราชบัญญัติประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวหุ้นกระทบต่อตลาดหุ้นเพียงเล็กน้อยหรือระยะสั้นเท่านั้น และเชื่อว่าไม่กระทบต่อการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นอย่างแน่นอน เพราะจะเห็นได้จากที่ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมายืนยันว่าบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเพียง 6 บริษัทเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจากพ.ร.บ.ดังกล่าว

ทั้งนี้เชื่อว่ามุมมองของนักลงทุนต่างชาติแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกอาจจะชะลอการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย ในระยะเวลา 6 เดือน เพื่อรอให้สถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายรวมถึงมาตรการต่างๆให้มีความชัดเจนมากขึ้นขณะที่นักลงทุนอีกกลุ่มก็หาช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการทยอยลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี หลังจากที่ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่อง

?สิ่งที่นักลงทุนต่างชาติกังวลที่สุดคือเป็นมาตรการสกัดเก็งกำไรค่าเงินบาท ส่วนเหตุการณ์ระเบิดและพ.ร.บ.ต่างด้าวเป็นปัจจัยเสริมเท่านั้น โดยในเบื้องต้นทางบล.ทิสโก้ได้ประมาณการณ์ดัชนีตลาดหุ้นในปี2550ที่ระดับ 780 จุด แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับประมาณการณ์ดัชนีลด?นายไพบูลย์ กล่าว
ตังเก็งเข้าข่าย6บจ.

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์แอ็ดคินซัน จำกัด(มหาชน)กล่าวว่า จากการประเมินบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่เข้าข่ายต้องมีการแก้ไขร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 6บริษัท คาดว่าจะเป็นหุ้นในกลุ่มสื่อสารที่มีผู้ถือหุ้นต่างชาติเข้าถือหุ้นรายใหญ่ ประกอบด้วยบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น(SHIN) ,บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด(มหาชน)หรือ ADVANC , บริษัทชินแซทเทิลไลท์ จำกัด(มหาชน)หรือ SATTEL

นอกจากนี้ บริษัทไอทีวี จำกัด(มหาชน)หรือ ITV , บริษัท ซีเอส ล็อกซ์อินโฟ จำกัด (มหาชน) หรือ CSL ขณะที่กลุ่มเทเลนอร์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในหุ้นบริษัทยูไนเต็ดคอมมูนิเกชั่น อินดัสตรี จำกัด(มหาชน)หรือUCOM

อย่างไรก็ตาม มองว่าหุ้นดังกล่าวมีความเลี่ยงในการเข้าไปลงทุนในขณะนี้ ดังนั้นจึงแนะนำหลีกเลี่ยง เนื่องจากเกรงว่าราคาหุ้นอาจจะมีการปรับตัวลดลงได้ต่อ หากว่ามีการประกาศรายชื่อบริษัทเข้าข่ายพ.ร.บ.ต่างด้าว

นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ไซรัส จำกัด กล่าวว่า ทางบล.ไซรัส ได้มีการประเมินหุ้นบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะเข้าข่ายแก้ไขร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจต่างด้าวได้แก่ หุ้นUCOM เนื่องจากมีกลุ่มเทเลนอร์ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ส่วนหุ้น SHIN , ADVANC , ITV มีกลุ่มเทมาเส็ก เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ส่วนอีก2บริษัท เราประเมินว่าน่าจะเป็นหุ้นGOLD , BLAND เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาทยอยซื้อหุ้นดังกล่าวดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

แนะลงทุนแบงก์-ไฟฟ้า-ถ่านหิน
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้เริ่มมีทิศทางที่ทรงตัวมากขึ้น โดยมองกรอบดัชนีจะเคลื่อนไหวที่แนวรับ 615-610 จุด และแนวต้านที่ 625-630 จุด จากแนวโน้มราคาหุ้นในแต่ละกลุ่มเริ่มมีการฟื้นตัว

ทั้งนี้ประเมินว่าหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะมีการปรับตัวอย่างโดดเด่นมากที่สุด จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างมากแล้วในช่วงก่อนหน้า และอยู่ระหว่างการประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาสสุดท้ายของปี 2549 จึงส่งผลให้มีแรงเก็งกำไรเพิ่มขึ้น และรองลงมาจะเป็นหุ้นในกลุ่มถ่านหิน และไฟฟ้าจังเป็นจังหวะที่ดีที่จะลงทุนในระยะยาว เพราะแนวโน้มการเติบโตด้านผลการดำเนินงานของทั้งสามกลุ่มยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com