May 12, 2024   2:14:18 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > โบรกแนะเก็บหุ้นปลอดความเสี่ยง
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 12/01/2007 @ 10:49:26
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

โบรกแนะมองมุมใหม่อย่าวิ่งหนีหุ้น หลังให้น้ำหนักความเสี่ยงสูงเกินมูลค่าหุ้น แนะพิจารณา TOP- BBL- BANPUจะฟื้นตัวดีกว่าตลาดจากแนวโน้มการเติบโตยังแจ๋ว มั่นใจราคากระเตื้องขึ้นตามภาวะดัชนีตลาดหุ้นที่เริ่มสางไข้ ชี้เก็บก่อนฝรั่งตั้งตัวหวนกลับ ให้เป้าหมาย TOP- BBLและ BANPU ที่ 60-137 และ 186 บาทตามลำดับ

นายกิตติ นทีสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทีเอ็มบี แมคควอรี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ถึงแม้แนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังมีความเสี่ยงกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติหลังจากมาตราการสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินบาทของแบงก์ชาติ เหตุการณ์วางระเบิดกรุงเทพในช่วงต้นปี และการที่คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติการแก้ไขกฎหมายประกอบธุรกิจต่างด้าว ทำให้มองว่ามูลค่าหุ้นที่ปรับตัวลดลงมาอาจจะสะท้อนถึงความเสี่ยงที่สูงขึ้น (Risk Premium)มากเกินไป

?ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมาต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาคงต้องกลับมาพิจารณากันว่าเราให้น้ำหนักกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นสูงเกินไปหรือเปล่า และคงจะกลับมาหามูลค่าพื้นฐานที่แท้จริงของหุ้นตัวนั้น ซึ่งการมองที่อัตราการความเสี่ยงที่สูงขึ้นอาจจะ เป็นอีกมุมที่สามารถแสดงให้เห็นถึงมูลค่าหุ้นที่ซ่อนอยู่ได้?นายกิตติกล่าว

ทั้งนี้ปัจจุบันราคาหุ้นที่ซื้อขายกันอยู่ที่ Risk Premiumระดับสูงมากทั้งในกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคาดว่ายังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี แต่ราคาปรับตัวลดลงมามากซึ่งน่าจะ Outperform ในช่วงที่ตลาดฟื้นตัว

ทั้งนี้คาดว่า Risk Premium ในระดับสูงดังกล่าวนั้นจะอยู่ในระดับสูงไปอีกซักพักหนึ่งจากความเสี่ยงของนักลงทุนต่างชาติที่อาจจะถอนทุน รวมถึงการตัดสินใจของรัฐบาลชุดนี้ที่เกินคาดเดา ซึ่งคาดว่าจุดต่ำสุดของตลาดจะอยู่ที่ระดับ 510-520 จุด

นายกิตติกล่าวว่า นักลงทุนอาจจะเริ่มมองหาหุ้นกลุ่มดังกล่าวหากตลาดยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เช่น BBL โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 137 บาท ,SCIB ราคาเหมาะสม 25 บาท,LH ราคาเหมาะสม 6 บาท,BANPU ราคาเหมาะสม 186 บาท,SCC ราคาเหมาะสม 299 บาท และTOP ราคาเหมาะสม 60 บาท

นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการที่ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงอย่างมากในช่วงเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมาจากหลายปัจจัยที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทำให้ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังคงเผชิญกับปัจจัยเสี่ยง

?เชื่อว่าตลาดหุ้นยังมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งจากประเด็นทางการเมือง รวมถึงปัญหาความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติก็ยังคงกดดันตลาดหุ้นไทยอยู่ ทำให้การเคลื่อนไหวหรือทิศทางของตลาดยังคงทรงตัวไม่ไหนได้ๆไม่ๆไกลนักหากปัจจัยหลายอย่างยังไม่นิ่ง?นายอดิศักดิ์กล่าว

อย่างไรก็ตามจากการพิจารณาค่า PE ของรายอุตสาหกรรมกลับมีหุ้นบางกลุ่มปรับลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งของกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นขนาดกลางที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจนอกประเทศ

ดังนั้นนักลงทุนควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มการเติบโของกำไรในปีนี้สูง เช่นหุ้นในกลุ่ม อิเล็กทรอนิกส์ เกษตรกรรม เดินเรือ และยานยนต์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่พึ่งพิงปัจจัยจากภายนอกประเทศด้วยทำให้ความเสี่ยงจากปัจจัยภายในลดลงไป

สำหรับหุ้นเด่นที่มีความเสียงต่ำจากการคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรในปี 2550 คือ CCET, DELTA, HANA ,CPF, TTA และSTANLY







.00020

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 12/01/2007 @ 11:00:05 : re: โบรกแนะเก็บหุ้นปลอดความเสี่ยง
โบรกแนะ?ซื้อ?หุ้นเล็ก?L&E?

ที่มา : ทันหุ้น
โบรกส่งซิก?L&E?หุ้นจิ๋วตลาดmaiเหมาะลงทุนในสภาวะตลาดผันผวนคาดกำไรต่อหุ้นปีนี้อยู่ที่18.4%เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาส่วนยอดขายประมาณการไว้ที่ 11.6%และประมาณการกำไรสุทธิเท่ากับ112ล้านบาทเติบโต18.4%จากงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ไม่เลื่อนแผนการก่อสร้าง ขณะที่การลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่ช่วยลดต้นทุนและให้ประโยชน์ทางภาษีคาดสามารถจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปี2549 ได้ที่ 1.38บาทต่อหุ้นเทียบจากราคาหุ้นปัจจุบันที่ 16.0 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง8.8%แนะนำ?ซื้อ?เป้าราคาเหมาะสม20.4 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ซิกโก้ จำกัด ประเมินหุ้นบริษัทไลท์ติ้งแอนด์อีควิปเมนท์จำกัด(มหาชน)หรือ L&E ว่าแม้จะเป็นหุ้นเล็กที่มีสภาพคล่องต่ำแต่ทางฝ่ายยังคงคำแนะนำให้?ซื้อ?โดยให้มูลค่าเหมาะสม20.4 บาท Prospective PE ณสิ้นประมาณการปี2550 ที่ 5เท่า เพราะ L&Eเป็นหุ้นที่ยังมีการเติบโตสูงจากการลดต้นทุนและผลประโยชน์ทางภาษี

ทั้งนี้ทางฝ่ายคาดกำไรต่อหุ้น(EPSGrowth)ปีนี้ที่18.4%เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาซึ่งยังคงประมาณการเติบโตของยอดขายในปี2550 ไว้ที่ 11.6% นัยสำคัญยังคงเชื่อว่างานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่เช่นธุรกิจโรงแรมต่างๆจะยังไม่เลื่อนแผนการก่อสร้างออกไปจากแผนเดิม ขณะเดียวกันมองว่าการลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่นอกจากจะให้ผลบวกในเชิงต้นทุนการผลิตที่ลดลงแล้ว ที่สำคัญยังให้ผลประโยชน์ในเชิงภาษีอย่างมาก

อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี49สูง8.8%
ดังนั้นจึงคาดว่าEffective Tax Rateจะลดลงจากประมาณการปี2549 ที่ 26.2%เป็น 22.2%ในปี 2550นี้และคาดว่าจะสามารถลดลงเป็น17.5% ได้ในปี 2551เมื่อมีการใช้กำลังการผลิตของโรงงานใหม่เต็มปีส่งผลให้คาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิเท่ากับ112ล้านบาทเติบโต18.4%เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามจากการให้สัมภาษณ์ของผู้บริหารมีแนวคิดที่จะจ่ายปันผลในอัตราที่สูงกว่านโยบายเดิมหากได้รับการอนุมัติจากบอร์ดขณะที่ทางฝ่ายยังคงประมาณการจ่ายปันผลอย่างConservativeที่ 40%ตามนโยบายขั้นต่ำของบริษัทโดยคาดว่าบริษัทจะสามารถจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการในปี 2549 ได้ที่ 1.38บาทต่อหุ้นซึ่งเมื่อเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบันที่16.0 บาทคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 8.8%ดังนั้นทางฝ่ายจึงมองหุ้นL&Eเป็นหุ้นเล็กที่น่าสนใจลงทุนในภาวะตลาดเช่นนี้





.00020
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com