May 11, 2024   11:13:12 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > จับตาปฏิบัติการหุ้นจิ๋วยึดจอ
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 12/01/2007 @ 23:33:41
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

จับตาสัปดาห์นี้หุ้นจิ๋วกลับมายึดจอเทรด ฟันธง TRAF-PICNI-LIVE ไปต่อ หลังบิ๊กแคปเริ่มแผ่ว รายย่อยยังไม่มั่นใจแรงซื้อฝรั่งหวั่นเป็นแค่ช่วงสั้น บล.ทรีนีตี้ มองหุ้นฟื้นตัวแค่ระยะสั้นหลังราคาสะท้อนความเสี่ยงระดับหนึ่งแล้ว แต่จะร่วงแตะ 550-560 จุด ในช่วงQ2-3 ของปีนี้ เหตุเป็นไปตามแรงขายทั่วภูมิภาคหลังเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนตัว แถมประเทศยังเสี่ยงต่อภาวะเงินฝืด สอดคล้องกับ ซิตี้กรุ๊ป ที่หั่นเป้าดัชนีฯเหลือ 550 จุด ฟาก ทิสโก้ ยังมอง SET Index ปีนี้ 730 จุด

แม้ว่าตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จะมีการรีบาวน์พอให้ได้ชื่นใจกันบ้าง ดัชนีฯฟื้นตัวขึ้นจากที่ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 5 ม.ค. ที่อยู่ที่ 628.19 จุด มาปิดการซื้อขายล่าสุด (12 ม.ค.) ที่ระดับ 645.71 จุด หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.52 จุด นักลงทุนต่างชาติเริ่มพลิกกลับมาเป็นฝ่ายซื้อสุทธิในช่วง 2 วันสุดท้ายของสัปดาห์ โดยซื้อสุทธิรวม 5,870.79 ล้านบาท แต่หากดูจากบรรยากาศการซื้อขายในวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ม.ค.) ที่ช่วงเช้าดัชนีดีดตัวขึ้นบวกกว่า 10 จุด แต่ก็มีแรงทยอยขายทำกำไรออกมาต่อเนื่อง ส่งผลให้ปิดการซื้อขายดัชนีฯอยู่ที่ 645.71 จุด หรือปรับตัวขึ้น 8.08 จุด

ความเคลื่อนไหวหุ้นบิ๊กแคป แม้ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแรงซื้ออย่างต่อเนื่องของต่างชาติ แต่เริ่มเห็นว่ามีแรงซื้อขายหุ้นเก็งกำไรขนาดเล็กเข้ามาอย่างคึกคัก เรียกได้ว่าเวทีไม่ได้มีสำหรับหุ้นมาร์เก็ตแคปใหญ่เท่านั้น หุ้นจิ๋วก็เริ่มเข้ามายึดครองหน้าจอเทรด เนื่องจากส่วนหนึ่งยังไม่มั่นใจว่าแรงซื้อจากต่างชาติจะมีเข้ามาต่อเนื่อง ยาวนานเพียงใด เพราะหากประเมินจากปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นแล้วก็ยังไม่มีปัจจัยบวกอะไรใหม่ๆเข้ามา ประเด็นข่าวลบต่างๆยังคงกดดันตลาดอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาตรการกันสำรอง 30% ของแบงก์ชาติ การแก้ไข พ.ร.บ.ต่างด้าว ที่นักลงทุนต่างประเทศเองยังไม่ยอมรับ หรือแม้แต่การขู่วางระเบิดรายวันที่ยังไม่หายไป ดังนั้นในส่วนของนักลงทุนรายย่อยเอง เริ่มหันมาเล่นหุ้นเก็งกำไรแทนที่จะซื้อหุ้นใหญ่ตามฝรั่ง เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่การทำ Cover short จะสิ้นสุดลง ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นอาจเกิดแรงขายหุ้นออกมาอีกรอบก็ได้

**ฟันธง TRAF-PICNI-LIVE ไปต่อ
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่ง กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ หุ้นพลังงานน่าจะมีการพักฐาน เป็นผลมาจากการที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงมามาก ในขณะที่หุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มอื่นๆจะมีการพักฐานหรือเคลื่อนไหวในช่วงสั้นๆ เช่นกัน เนื่องจากในสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นขนาดใหญ่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแรงต่อเนื่อง 2-3 วันทำการแล้ว ดังนั้น จึงส่งผลให้ราคาหุ้นมีแนวโน้มเข้าสู่ช่วงพักฐาน ทั้งนี้ อยู่ในสมมติฐานว่าไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นในวันเสาร์และวันอาทิตย์นี้เข้ามากระทบ ทำให้หุ้นเก็งกำไรกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง

ทั้งนี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหุ้นเก็งกำไรหลายตัวเริ่มมีแรงซื้อขายเข้ามาหนาแน่นและโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็น บมจ.ทราฟฟิกคอร์นเนอร์โฮลดิ้งส์ (TRAF) ที่ราคาปิดที่ 0.59 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท หรือ 3.51% มูลค่าการซื้อขาย 53.60 ล้านบาท บมจ. ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น (PICNI) ปิดที่ 0.34 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท หรือ 6.25% มูลค่าการซื้อขาย 92.27 ล้านบาท บมจ. พีเออี (ประเทศไทย) (PAE) ปิดที่ 1.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 5.56% มูลค่าการซื้อขาย 138.99 ล้านบาท และ บมจ.ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น (LIVE) ปิดที่ 1.43 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท หรือ 12.60% มูลค่าการซื้อขาย 421.81 ล้านบาท

โดยประเมินว่าในสัปดาห์นี้หุ้นเก็งกำไรส่วยนใหญ่น่าจะมีแรงซื้อขายเข้ามาต่อเนื่อง โดยสัญญาณทางเทคนิคหุ้น บมจ.ทราฟฟิกคอร์นเนอร์โฮลดิ้งส์ (TRAF) ยังสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้ ให้แนวต้านที่ 0.66 บาท และแนวรับที่ 0.58 บาท ส่วนหุ้น บมจ. ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น (PICNI) ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้เช่นกัน ให้แนวรับที่ 0.37 บาท และแนวรับที่ 1.31 บาท ในขณะที่หุ้น บมจ. พีเออี (ประเทศไทย) (PAE) มีแนวโน้มปรับลดลง ให้แนวต้านที่ 2.00 บาท และแนวรับที่ 1.82 บาท และ บมจ.ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น (LIVE) ให้แนวต้านที่ 1.68 บาท และแนวรับที่ 1.31 บาท

**ทรีนีตี้ มอง SET ฟื้นตัวช่วงสั้น ก่อนวูบเหลือ 550-560 ใน Q2
บล.ทรีนีตี้ ออกบทวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทย ระบุว่าคาดว่า SET จะมีการฟื้นตัวอย่างอ่อน ๆ โดยมีเป้าหมายที่ระดับ 640 ? 650 จุด ในระยะ 1-3 สัปดาห์ข้างหน้า โดยแม้ว่าเป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะไม่มี January Effect แต่จาก อัตราส่วน modified implied equity risk premiums แสดงให้เห็นว่าว่า บรรยากาศของการลงทุนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว i.e. effect of capital control and Foreign Business Act และมีอิทธิพลเหนือมูลค่าพื้นฐาน จากตัวเลขในอดีต แสดงให้เห็นว่า ณ ค่าอัตราส่วนดังกล่าวขึ้นมาถึงระดับนี้จะมีโอกาสมากที่ SET จะเกิดการ shortterm rebound เนื่องจากได้สะท้อนถึงความเสี่ยงในระยะสั้นแล้ว อีกทั้งระดับของ SET ได้ปรับตัวลดลงจนกระทั่ง SET Yields ในปัจจุบันให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอเมริกา 10 ปี อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจะเป็นตัวป้องกันการปรับตัวลดลงของ SET ในระยะสั้น และ earnings yields gap ในปัจจุบันอยู่ในระดับที่น่าดึงดูด

อย่างไรก็ตามคาดว่าา SET จะมีโอกาสลงไปที่ 550-560 จุดในช่วงไตรมาส 2 ถึง 3 ของปีนี้ เนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้

1) ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีโอกาสที่จะถูกเทขายทำกำไรอย่างหนักในช่วงปลาย 1Q07 ? 2Q07 เนื่องจากในปัจจุบันนี้ Asian ex-Japan Index ซื้อขายอยู่ที่ระดับสูงกว่า 2 เท่าของ มูลค่าทางบัญชี,14-16 เท่าของกำไรในอนาคต นอกจากนี้ จากดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ บ่งบอกว่าภาคการผลิตกำลังอยู่ในช่วงหดตัว

2) เศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงจากภาวะเงินฝืด (Deflation Risk) จากการที่ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการใช้จ่าย และ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยอยู่ในช่วงถูกปรับระดับลงมาเหลือ 3-3.5%

3) ผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของรัฐบาลของไทยและ U.S. มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แต่ พันธบัตรระยะยาวจะถูกกระทบมากกว่าพันธบัตรระยะสั้น จากการศึกษาของเราแสดงให้เห็นว่า Treasury Yield curve จะมีโอกาสเป็น Upward slopping เนื่องจากจะสะท้อนให้เห็นเศรษฐกิจที่ดีขึ้นใน ปลายปี 2550 และเมื่อ Fed Funds Rate เริ่มมีการลดดอกเบี้ยอย่างแท้จริง Bond Yield มักจะเป็นขาขึ้นเสมอ สำหรับในประเทศเราเอง ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะยาวเนื่องจากบริษัทจดทะเบียนมีแผนการออกหุ้นกู้ทั้งหมดประมาณ 3 แสนล้านบาท

4) ในขณะที่ ปัจจุบันมุมมองของตลาดคาดการณ์ว่าค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนลงตลอดทั้งปี เรามีมุมมองที่สวนกับทิศทางตลาด เราคาดว่าค่าเงินดอลลาร์จะแข็งแกร่งขึ้นในช่วงปลาย 1Q ? 2Q เนื่องจากการคาดว่าการตัดสินใจที่จะลดอัตราดอกเบี้ยของ FOMC จะยังไม่เกิดขึ้นเร็วนัก แม้ว่า มีความเป็นไปได้ที่ BoJ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในข่วงเดือนมกราคม ผลกระทบจากYen carry trade จะมีน้อย เนื่องจากยังมีส่วนต่างกับ Fed Funds Rate อยู่ที่ 4.75-5% นอกจากนี้ แนวโน้มของ อัตราเงินเฟ้อของ US อยู่ในระดับที่ลดลงในขณะที่อัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศอยู่ทิศทางขา ขึ้น ในทางทฤษฎี มูลค่าของเงินดอลลาร์จะแข็งขึ้นในเชิง Real Term ปัจจัยดังกล่าวเป็นสาเหตุที่ อาจทำให้กระแสเงินทุนไหลกลับไปยัง US

5) การอ่อนตัวของเศรษฐกิจโลกอาจเป็นสาเหตุนำไปสู่ช่วง Underperform ของ SET ตลอดทั้งปี เราคาดว่าการเคลื่อนตัวของ SET จะใกล้เคียงกับช่วงปี 2534

6) Emerging credit spread ยังคงอยู่ในระดับต่ำมาก บ่งบอกว่าความเสี่ยงในทุกปัจจัยยังคงไม่ถูกรวมเข้าไป

7) สภาพคล่องในตลาดโลก จะลดลงอย่างรุนแรง ในช่วง 2Q จาก จากการลดลงของกระแสเงินทุนจากตะวันออกกลางเนื่องจากระดับราคาน้ำมันที่ลดลง การเรียกเงินประกันมาร์จิ้นเพิ่มถ้าเกิดการปรับฐานในตลาดโลก การลดลงของหนี้ครัวเรือนของ US จาก US$1.33tn ใน 3Q05 เหลือUS$842bn 3Q06.

8) การเมืองยังคงไม่มีเสถียรภาพ การปฏิรูป รัฐธรรมนูญ เป็นกระบวนการที่ยาก

9) เราคาดว่า ธปท. จะลด RP Rate แต่ ธนาคารพาณิชย์ จะยังคงอัตราดอกเบี้ย MLR การที่อัตราดอกเบี้ย RP ที่คาดว่าลดลง เราคาดว่าตลาดได้คาดไว้แล้วและจะไม่ช่วยในเรื่องบรรยากาศการลงทุนมากนัก

10) มีความเป็นไปได้ที่ไทยจะสูญเสียเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) จากผลดังกล่าวจะทำให้เงินทุนที่ไหลเข้าประเทศที่เป็นเงินทุนประเภทพอร์ทการลงทุน (Portfolio Investment) กลายเป็นแหล่งเงินทุนหลักในบัญชีเงินทุน (Capital Accounts) ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวมีความผันผวนสูง การใช้กฎหมาย Foreign Business Act นี้อาจจะทำให้เงินลงทุนทางตรงลดลงไป ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้จะก่อให้เกิดความแปรปรวนหากประเทศประสบกับปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account Deficit

11) จากการศึกษาในอดีต พบว่าผลตอบแทนการลงทุนที่ตกต่ำในเดือน ม.ค. จะสะท้อนให้เห็นถึงผลตอบแทนการลงทุนที่ตกต่ำตลอดทั้งปี ในขณะที่ผลตอบแทนการลงทุนที่ดีของเดือน ม.ค.ไม่ได้เป็นสิ่งที่รับประกันถึงผลตอบแทนการลงทุนที่ดีตลอดทั้งปี

ทั้งนี้ประเมินว่า SET จะยังคงเคลื่อนที่ในลักษณะ sideway-down between 520-700ต่อไปเป็นระยะเวลา 12 ? 18 เดือน[/color:5f5634dc3d">[/size:5f5634dc3d">


.00020

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 12/01/2007 @ 23:35:26 : re: จับตาปฏิบัติการหุ้นจิ๋วยึดจอ
** Citigroup มองดัชนีแตะ 550 จุดแน่
ด้านบทวิเคราะห์การลงทุนโดย Citigroup เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2550 ระบุว่า Citigroup ยังคงคำแนะนำลดน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นไทย โดยมองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย หรือ SET Index มีแนวโน้มปรับลดลงสู่ระดับ 550 จุดในระยะสั้น อันเป็นผลจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่ถดถอย หลังคณะมนตรีไทยเห็นชอบให้มีการแก้ไขกฎหมายการประกอบกิจการของคนต่างด้าว

โดย Citigroup คาดว่า ในที่สุดสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะเห็นชอบการแก้ไขกฎหมายการประกอบกิจการต่างด้าว ซึ่งจะกดดันให้นักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทยลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทย และจากการที่ตลาดยังคงขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ คาดว่า SET Index จะปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดของปีให้ได้เห็นในระยะสั้น

ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้าไปลงทุนโดยตรงในไทยอาจเกิดความลังเลจากการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว โดย Citigroup มองว่า การแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ออกมาไม่เหมาะสมกับช่วงเวลาในปัจจุบัน เนื่องจากแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในระยะยาวอยู่ช่วงชะลอตัว ซึ่งยังต้องอาศัยเม็ดเงินลงทุนใหม่เพื่อกระตุ้นการขยายตัว นอกจากนี้ ยังออกมาในช่วงที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนของภาคธุรกิจกำลังชะลอตัว

ทั้งนี้ จากปัจจัยลบที่กล่าวมาข้างต้นทำให้ Citigroup ยังคงคำแนะนำ ลดน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นไทย เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยสนับสนุน และยังไม่มีโอกาสปรับขึ้นในระยะอันใกล้

อย่างไรก็ดี Citigroup ประเมินว่าแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติจะเริ่มชะลอลงในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า หลังทยอยเทขายเพื่อลดความเสี่ยงมาอย่างต่อเนื่อง

**บล.ทิสโก้ หั่นเป้าดัชนีฯ ปีนี้เหลือ 730 จุดจาก 780 จุด
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ในปี 2550 ได้ปรับลดประมาณการ SET Index ลงเหลือ 730 จุด จากเดิมที่คาดว่า SET Index จะอยู่ที่ 780 จุด แต่วอลุ่มการซื้อขายเฉลี่ยนปีนี้ยังคงประมาณการเดิมไว้ที่ 17,000 ล้านบาทต่อวัน ถึงแม้บรรยากาศการลงทุนจะซึมตัว แต่ยังคงมีวอลุ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ในปี 2550 ได้ปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เหลือ 1% จากเดิมที่ 7-8% เนื่องจากปัจจัยทางการเมืองยังคงเป็นปัจจัยหลักที่กดดันบรรยากาศการลงทุน รวมทั้งมาตรการและนโยบายของภาครัฐ

เดิมคาดว่ากำไรบจ.ปีนี้จะอยู่ที่ 7-8% กว่าๆ แต่ก็มีการปรับลดลงเหลือ 1% กว่าๆ หรือ 1-2% ส่วนปี 2549 กำไรบจ.ติดลบ 10% สาเหตุหลักๆ ก็จะมาจากปัจจัยทางการเมือง ถ้าหากปัจจัยนี้นิ่งจะทำให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น นายไพบูลย์ กล่าว

อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้หุ้นในกลุ่มพลังงานมีความปลอดภัยมากที่สุด เนื่องจากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางการเมือง โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับขุดเจาะและสำรวจพลังงาน เช่น บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) เป็นหุ้นอีก 1 ตัวที่น่าสนใจและเหมาะสำหรับการลงทุน ดังนั้นถึงแม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะปรับลดลงก็ไม่มีนัยสำคัญ

สำหรับในช่วงนี้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นมากกว่าระยะยาว เนื่องจากยังคงกังวลเกี่ยวกับปัจจัยทางการเมืองที่ยังไม่นิ่ง รวมทั้งนโยบายต่างๆ ของภาครัฐ นอกจากนี้ประเมินว่าในช่วง 6 เดือนแรก SET Index ยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัว รวมทั้งเม็ดเงินลงทุนน่าจะอยู่ที่ 5-6 หมื่นล้านบาท ซึ่งลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้มีโอกาสที่จะได้เห็น SET Index ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 600 จุด หากปัจจัยทางการเมืองยังไม่นิ่ง เพราะจะเป็นแรงกดดันทำให้บรรยากาศการลงทุนไม่น่าสนใจ

ด้านนายธีระ ภู่ตระกูล ประธานบริหาร บลจ.ฟินันซ่า เปิดเผยว่า ปัจจัยหลักที่ยังคงกดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย คือ ปัจจัยทางการเมือง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวมีเสถียรภาพมากขึ้นจะทำให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเหมือนเดิม เพราะผลตอบแทนในตลาดหุ้นปี 2003-2006 เฉลี่ยในภูมิภาคอยู่ที่ 20% ต่อปี และตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 20% เช่นกัน แต่ปีนี้ผลตอบแทนปรับลดลงเพราะปัจจัยหลักปัจจัยเดียวที่กดดันคือการเมือง หากการเมืองนิ่งทุกอย่างก็คงจะดีขึ้น แต่การลงทุนนักลงทุนควรกระจายความเสี่ยง โดยควรมีการลงทุนในต่างประเทศด้วย

ด้านนายสมชัย ก่อสวัสดิกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดสถาบันต่างประเทศ บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า จากมาตรการของภาครัฐที่ออกมาและการเมืองที่ยังไม่นิ่งอาจจะเป็นปัจจัยที่กดดันบรรยากาศการลงทุน แต่ถ้าหากการเมืองเริ่มนิ่งและอัตราดอกเบี้ยที่มีการปรับลดลงจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุน

นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติยังเปลี่ยนพฤติกรรมการลงทุนจากการเลือกลงทุนในระยะยาวเป็นลงทุนระยะยาว เพราะสถานการณ์แวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อบรรยากาศการลงทุนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งคาดเดาค่อนข้างยาก ในขณะที่นักวิเคราะห์จากหลายค่ายประเมินว่า SET Index ในปีนี้จะอยู่ที่ 520-780 จุด [/color:a202ecb459">[/size:a202ecb459">


.00020
 กลับขึ้นบน
มิชิโกะ
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 288
#2 วันที่: 13/01/2007 @ 17:12:44 : re: จับตาปฏิบัติการหุ้นจิ๋วยึดจอ
.0008

TRAF เล่นได้สวยมาก[/color:7668b39c34">

แต่...[/color:7668b39c34">

จากกราฟ ...สูงจนน่ากลัวแล้ว นะ[/color:7668b39c34">

.0007 .0008
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com