April 28, 2024   5:05:46 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้น
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 18/01/2007 @ 09:27:22
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.ซิกโก้แนะนำซื้อTSTHราคาเป้าหมาย 1.20 บาทบริษัท ประกาศ ผลการดำเนินงานใน 4Q06A มี รายได้ จากการขาย 4,512 ลบ. โดยมีปริมาณ ขาย 243,000 ตัน เพิ่มขึ้น 19.1% YoY เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจใน 4Q05Aชะลอตัวลงอย่างมากจากปัญหาราคาน้ำมันและอัตรดอกเบี้ย ขณะที่เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาปริมาณขายลดลง10.7% QoQ แต่อย่างไรก็ดี ราคาขายเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้น 6.3%YoYและ 1.1% QoQ มาอยู่ที่ระดับ 18,600 บาท/ตัน จึงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงเล็กน้อยจาก 12.7% ใน 3Q06A มาอยู่ ที่11.0% นอกจากนี้บริษัทยังมี กำไรจากส่วนลดดอกเบี้ยจากการ Refinance อีกประมาณ 273 ลบ. ส่งผลให้บริษัทมีกาไรสุทธิ 433ลบ. เพิ่มขึ้น 56.9% QoQ และมีกำไรสุทธิใน FY06A ที่ 708 ลบ.เพิ่มขึ้น 106.4% YoYบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการ FY06A ที่ 0.03 บาท/หุ้น(DividendPayout Ratio ที่ 35.7%) หรือคิดเป็น Dividend yield ที่ 2.8% โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 4 เมษายน 2550 และกาหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าววันที่ 15พฤษภาคม 2550 SSEC คาดการณ์กำไรสุทธิ ใน FY07E ที่ 1,002 ลบ. เติบโต 41.5%YoY โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากปริมาณขายในต่างประเทศที่คาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นจากเครือข่ายด้านการขายของทาทาสตีล ซึ่งเห็นได้ จากในช่วงครึ่งปีหลังที่ความต้องการใช้เหล็กในประเทศยังคงชะลอตัวแต่บริษัทไม่ได้ รัผลกระทบดังกล่าวมากนักจากการเพิ่มสัดส่วนของการส่งออกโดยยอดส่งออกที่ เพิ่มขึ้นเกิดจากการส่งออกไปสหรัฐอเมริกา ขณะที่ความต้องการใช้ภายในประเทศจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ นอกจากนี้ยังได้ รับผลดีจากอัตราดอกเบี้ยที่ ลดลงจากการ Refinance คือเงินกู้ใหม่ มี อัตราดอกเบี้ยที่ระดับ MLR-1.25% ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเดิมที่ระดับ MLR และคาดการณ์ เงินปันผลจ่ายสำหรับผลประกอบการFY07E ที่ 0.05บาท/หุ้น (Dividend Payout Ratio ที่ 40.0%) หรือคิดเป็น Dividend Yield ที่ 4.4%

บล.เอเซีย พลัสแนะนำซื้อ CENTELราคาเป้าหมาย 7.3 บาทงวด 4Q49 คาดรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท ขยายตัว 5.4% yoy จากธุรกิจโรงแรม (สัดส่วน 38.5%) ที่แม้จะมีการปิดปรับปรุงห้องพักบางส่วนในโรงแรมที่หัวหินและ สมุยบีช รีสอร์ท ซึ่งส่งผลให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 62% แต่อัตราห้องพักที่ปรับขึ้นได้ราว 17% yoy ส่วนหนึ่งมาจากโรงแรมใหม่ที่มีอัตราค่าห้องที่สูง น่าจะผลักดันให้ธุรกิจโรงแรมขยายตัว 11% yoy ขณะที่ธุรกิจอาหาร (สัดส่วน 62%) มีการขยายสาขาเพิ่มเป็น 465 แห่ง เพิ่มขึ้น 21 แห่งจาก 3Q49 แต่สาขาใหม่มีการดึงยอดขายของสาขาเดิม จึงคาดว่าจะทำให้รายได้จากธุรกิจอาหารลดลง 4% yoy แม้โรงแรมใหม่ การขยายสาขาและปรับปรุงรูปแบบร้านอาหาร อาจกดดันต่อต้นทุนให้เพิ่มขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายในการบริหารที่น่าจะลดลงเทียบกับงวด 3Q49 ที่มีค่าใช้จ่ายครั้งเดียวอย่างค่าธรรมเนียมการซื้อกิจการโรงแรมใหม่การเพิ่มทุน น่าจะส่งผลให้ Norm Profit งวด 4Q49 อยู่ที่ 80 ล้านบาท เติบโต 25.7%yoy และก้าวกระโดด 5.2 เท่าจาก 3Q49 หาก Norm Profit 4Q49 เป็นไปตามคาดจะทำให้ Norm Profit ปี 2549 อยู่ที่ 324 ล้านบาท ต่ำกว่าที่ประมาณการเดิมของฝ่ายวิจัย เนื่องจากจำนวนสาขาร้านอาหารที่ขยายไม่ได้ตามเป้าหมาย จึงมีการปรับลดเป้าหมายสาขาลง ส่งผลให้ Norm Profit ปี 2549 และ 2550 ลดลง 5% (ตารางด้านข้าง)สำหรับแนวโน้มปี 2550 ที่แม้ช่วงต้นปีใหม่จะมีเหตุระเบิดเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากมีโรงแรมในเครือที่กรุงเทพเพียงแห่งเดียว และมีการยกเลิกการจองห้องพัก 68 ห้อง ช่วง 2 วันแรกของเดือน ม.ค. เท่านั้น คิดเป็นการสูญเสียรายได้เพียง 3.5 แสนบาท ขณะที่โรงแรมในเครือตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอื่น ยังคงมีอัตราการเข้าพักในเกณฑ์ดี โดยรวมคาดการณ์ Norm Profit ปี 2550 เติบโต 28.5% yoy อย่างไรก็ตามในการกำหนด Fair Value อิงวิธี DCF ได้มีการปรับ Risk premium ขึ้นเป็น 8% เดิม7.6% สะท้อนภาวะตลาดที่อึมครึมและความเสี่ยงทางการเมือง ส่งผลให้ราคาเป้าหมายปี2550 ลดลง

บล.เคจีไอแนะนำซื้อ MCOTราคาเป้าหมาย 30.00 บาทศาลฎีกายกคำร้องขอถอนหุ้นออกจากตลาดของ People Network against Corruptionตามคาด คำตัดสินนี้ทำให้ MCOT (MCOT.BK Bt23.4 OP) หมดปัญหาทางการเมืองและเป็นปัจจัยบวกสำหรับ MCOT ทำให้หุ้นปรับตัวสูงขึ้นในสองสามวันที่ผ่านมาตั้งแต่การลาออกของนายมิ่งขวัญ (อดีตกรรมการผู้จัดการ) ในมุมมองของตลาด บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากข่าวลือที่ว่า MCOT มีแผนปรับนโยบาย 1) จาก Edutainment เป็น Education & News, 2) การยกเลิกรายการของนายสรยุทธและการขอถอนหุ้นออกจากตลาด อย่างไรก็ดี เราเห็นตรงข้ามกับตลาดและเชื่อว่าบริษัทฯ ยังมีพื้นฐานที่มั่นคงและราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงเกิดจากปัจจัยลบทางด้านการเมือง เราคาดว่าราคาหุ้นได้ปรับตัวลงตามความกังวลของตลาดและความเสี่ยงมีอยู่อย่างจำกัด เหตุระเบิดในกรุงเทพกดดันความมั่นใจของผู้บริโภคและค่าใช้จ่ายในการโฆษณา (ADEX) ในระยะสั้น อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่า MCOT จะได้รับผลกระทบน้อยมากเมื่อเทียบกับ BEC World (BEC.BK;Bt20.1; N) และ iTV (ITV.BK; Bt1.15; U) ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ 1)ระหว่างช่วงความไม่มั่นคง รายรับของ MCOT ถูกกระตุ้นจากค่าใช้จ่ายในการโฆษณาของรัฐบาล คิดเป็น 30% ของรายรับ และช่วยบรรเทาผลกระทบจากความไม่มั่นใจของผู้บริโภค2)บริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบจากการลดลงใน ConsumerProduct Spending อย่าง BEC เนื่องจากรายรับจากค่าโฆษณาสินค้าอุปโภคบริโภคของMCOT เป็นเพียง 9% ของรายรับทั้งหมด (ตารางที่ 1)3)ไม่เหมือน iTV และ BEC (ทั้งสองบริษัทฯ เป็นคู่แข่งในตลาดโฆษณาสินค้าอุปโภคบริโภค) MCOT ให้บริการกลุ่มผู้ชมและตลาดที่แตกต่าง 4)รายการที่มาแทนรายการของนายสรยุทธได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ชม สาธารณชน และ Utilization Rates ของโฆษณาในรายการเหล่านี้ยังคงสูงถึง 80% เราคาดว่าความไม่มั่นคงทั้งปวงจะหมดไปเมื่อมีกรรมการผู้จัดการใหม่ เรายังเห็นว่ากรรมการผู้จัดการใหม่จะคงการปฏิรูปส่วนมากซึ่งนายมิ่งขวัญได้ริเริ่มไว้ และบริษัทฯ จะเลือกกรรมการผู้จัดการจากนักการตลาดที่มีความสามารถในภาคเอกชน เราเห็นว่าราคาหุ้นของบริษัทฯ ในตลาดค่อนข้างถูกเมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นของบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่ม






[/color:c2045ba934">[/size:c2045ba934">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com