April 27, 2024   11:38:17 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 18/01/2007 @ 11:10:35
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index
วันพุธที่ 17 ม.ค. ปิดที่ 651.47 จุด -4.43จุด มูลค่าการซื้อขาย 12,893ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 1,188.55 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 491.18 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิที่ 697.36 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 658.10จุด +2.20 จุด และ Low ที่ดัชนี 650.63จุด -5.27 จุด ดัชนีวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ สลับบวกและลบ ท่ามกลางการปรับลงของตลาดต่างประเทศและการอ่อนตัวลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ทั้งปัจจัยภายในที่ต่างจับตารอดูผลการประชุมของ กนง. ที่จะมีการพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (แบงค์ชาติคาดว่าธนาคารพาณิชย์จะลดอ.ด/บ เร็ว ๆ นี้ หลังเริ่มใช้ อ.ด/บ อาร์พี 1 วันเป็น ด/บ นโยบาย โดยกำหนดเป็น 4.75% จากเดิมที่ 4.9375%) รวมถึงค่าเงินบาทในช่วงเช้าทรงตัวจากเมื่อวันอังคารแม้ว่าสกุลเงินภูมิภาคอ่อนค่าทำให้ตลาดก็ยังไม่มั่นใจในการทำธุรกรรมเพราะต้องการดูความชัดเจนในเรื่องอัตราดอกเบี้ย ซึ่งค่าเงินเยนร่วงต่ำสุดในรอบ 13 เดือนหลังสื่อญี่ปุ่นรายงานว่า BOJ อาจไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ ทำให้ตลาดขาดปัจจัยบวกที่จะเข้ามาหนุนตลาดทั้งยังต้องเฝ้ารอผลเรื่องดอกเบี้ย วอลุ่มรวมจึงมีไม่มากและการเคลื่อนไหวของดัชนีไม่รุนแรงนักลงทุนส่วนใหญ่เลือกเข้าเก็งกำไรในหุ้นเล็กเพราะไม่ค่อยเชื่อมั่นในสถานการณ์สักเท่าไหร่ ตลาดจึงมีแรงขายออกมามากในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายดัชนีหลุดกรอบลดลงแตะจุดต่ำสุดของวันที่ดัชนี 650.63และดีดตัวขึ้นเล็กน้อยตอนปิดตลาด

IRPC ราคาเปิด 5.70 บาท ราคาปิด 5.65 บาท มูลค่าการซื้อขาย 135.995 ล้านบาท คาดการณ์ผลประกอบการปี50 จะเติบโต 13%YoY จากการใช้กำลังการผลิตอย่างเต็มที่หลังจากการหยุดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ที่ทำทุกๆ 3เดือน และจากโครงการความร่วมมือในกลุ่ม PTTที่จะมีส่วนช่วยเพิ่มยอดขายและการลดค่าใช้จ่ายที่เป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตในอนาคต และจากการศึกษา Synergy project ร่วมกับ TOPพบ17โครงการที่สามารถสร้างการเติบโตในอนาคตได้โดยมี13โครงการสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มทั้งนี้คาดการเติบโตในระยะสั้นของ IRPC จะมาจากการเข้าอยู่ในกลุ่ม PTTขณะที่โครงการในระยะยาวคือการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ที่สามารถประหยัดค่าไอน้ำได้กว่า70%และโครงการขุดท่าเรือน้ำลึกที่คาดว่าจะช่วยประหยัดค่าขนส่งได้ปีละ20ล้านเหรียญ ด้านสัญญาณทางเทคนิคกราฟรายวันสัญญาณยังดี แรงซื้อหนาแน่นK.KRAZIP แนะนำซื้อลงทุน แนวรับ 5.55 บาท แนวต้าน 6.10 บาท

PTTEP ราคาเปิด 94.00 บาท ราคาปิด 93.00บาท มูลค่าการซื้อขาย 390.918ล้านบาท จากแผนการลงทุนใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนมากขึ้นและประมาณการปริมาณการผลิตปิโตรเลียมใหม่ที่สูงขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น ทำให้การเติบโตในปี 2551เป็นผลมาจากปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมที่จะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 28%โดยมาจากโครงการอาทิตย์, อาทิตย์เหนือและโครงการเวียดนาม 9-2 เป็นหลัก ราคาหุ้นในปัจจุบันยังคงมีราคาไม่แพงนัก ซึ่งอัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ที่ 2.8% แม้ในระยะสั้นผลกำไรของบริษัทจะไม่มีการเติบโตมากนักทั้งจากปัจจัยเรื่องของราคาปิโตรเลียมและปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมที่คาดว่าจะทรงตัวในปีนี้แต่ระยะยาวแล้วผลกำไรของบริษัทยังมีการเติบโตสูงจากปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมที่จะเพิ่มขึ้นของโครงการที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาอีกหลายโครงการ ที่จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ในอนาคต K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร โดยมีแนวรับ 92.50 บาท แนวต้าน 96.00 บาท

SCB ราคาเปิด 58.50 บาท ราคาปิด 59 บาท มูลค่าการซื้อขาย 706.07 ล้านบาท ได้ประมาณการกำไรสุทธิปี2550ไว้ที่ 17.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% YoY จากประมาณการกำไรสุทธิปี49เนื่องจากคาดว่าSCBจะหมดภาระการกันสำรองหนี้สูญตามเกณฑ์IAS39 ภายในQ4/49และSCBจะมีนโยบายการตั้งสำรองหนี้สูญทั่วไปเพิ่มขึ้นเป็น 3.6 พันล้านบาทต่อปี นอกจากนี้คาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นได้ราว 0.12%
ซึ่งเกิดจากส่วนผสมของพอร์ตสินเชื่อที่มีสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยและSMEsมากขึ้น โดยมีอัตราการเติบโตของสินเชื่อราว 20% YoY คาดว่ารายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกันซึ่งส่วนหนึ่งเป็นรายได้ที่สืบเนื่องมาจากสินเชื่อ ซึ่งSCBสามารถก้าวขึ้นสู่ธนาคารที่มีสินทรัพย์สูงสุดเป็นอันดับ3ได้ในปี2549 และคาดว่าSCBจะจ่ายเงินปันผลจากกำไรปี2549หุ้นละ 1.40 บาท ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ?ซื้อ? โดยมีแนวรับ57.50 บาท แนวต้าน 61 บาท

DRT ราคาเปิด ? ปิด 8.60 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3.92 ล้านบาท การที่ DRT ได้ร่วมลงนามเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ กับPLEในการก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทรรังสิต คลอง 10/1-3ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการของกคช. ซึ่งDRTเป็นตัวแทนจัดส่งสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ผนังเจียระไนมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นประมาณ 120 ล้านบาท การร่วมทุนน่าจะมาจากตราสินค้ารวมทั้งผลิตภัณฑ์ของDRT เป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ในส่วนของการส่งออกยังคงเติบโตได้ดี ยังคงเดินหน้างานภาคโครงการสาธารณูปโภค และงานภาคเอกชนที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ทำให้สามารถรักษาระดับยอดขายทั้งในและต่างประเทศไว้ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน DRTยังได้เริ่มทำการสำรวจตลาดใหม่ในแถบตะวันออกกลางร่วมกับ PLEโดยการส่งออกจะช่วยทำให้ DRTสามารถรักษาอัตรากำลังการผลิตแบบเต็มกำลังจะทำให้มีการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ DRTมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปี 2550จากโครงการขยายกำลังการผลิตและเพิ่มสายการผลิตใหม่ ได้ประเมินยอดขายรวมในปี2550 จะอยู่ที่ 2,574 ล้านบาท และคาดการณ์ว่า DRT จะปันผลจ่ายที่ 0.90บาท/หุ้น ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ โดยมีแนวรับ8.50 บาท แนวต้าน 9 บาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:3a55fcb87f"> .0008 .0008

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com