ทยอยซื้อ TUF เป้าหมาย 28.10 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด แนะ ทยอยซื้อ TUF มองว่าปี 2549 น่าจะเป็นปีที่ตกต่ำสุดในรอบ 4 ปี โดยปี 2550 นี้น่าจะเริ่มกระเตื้องขึ้นได้จากการผลักดันของยอดขายกุ้ง (คาดโต 10%) และอาหารสัตว์ (คาดขยายตัว 10-15%) แต่

สำหรับทูน่าซึ่งเป็นสินค้าหลัก (คิดเป็น 44% ของยอดขายรวม) คงไม่เติบโตแบบหวือหวา (เฉลี่ยปีละ 4%) โดยในส่วนของธุรกิจกุ้ง (22% ของรายได้รวม) จะหันมาทำแบบครบวงจรโดยทำฟาร์มเลี้ยงลูกกุ้งขึ้นมาเองที่พังงาเริ่มไตรมาสนี้ และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้กว่า 100 ล้านบาทในไตรมาส 2/2550 ส่วนธุรกิจอาหารสัตว์ (10% ของรายได้รวม) นอกจากช่วยเพิ่มยอดขายแล้ว ยังช่วยกระตุ้น GPM โดยรวมได้อีกด้วย (จาก 15.7% ปี 06 เป็น 16.2% ปี 07) เพราะถือเป็น By-product ที่ทำจากเศษปลาแล้วเอามาสร้างมูลค่าเพิ่ม โดย TUF ได้เจรจากับคู่ค้ารายใหญ่จากอเมริกาเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามจากการศึกษาพบว่า ทุกๆค่าเงินบาทที่เปลี่ยนแปลงไป 1 บาท จะมีผลกระทบในทางตรงข้ามต่อ EPS และราคาเป้าหมายประมาณ 5% แนะนำ ?ทยอยซื้อ?ซื้อ TSTH เป้าหมาย 1.37 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด แนะนำ ซื้อ TSTH แนวโน้มธุรกิจที่จะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

เนื่องจากอุปสงค์การใช้เหล็กเส้นภายในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาหุ้นปัจจุบันยังอยู่ต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 1.37 บาท/หุ้นภายใต้วิธี DCF, WACC 12.6% Growth 3% ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตน้ำเหล็กเพียง 1.2ล้านตันต่อปี ในขณะที่มีความสามารถในการรีดเป็นเหล็กเส้นที่ 1.7 ล้านตันต่อปี ดังนั้นบริษัทจึงไม่สามารถที่จะใช้กำลังการผลิตของเครื่องรีดได้เต็มที่จากข้อจำกัดของกำลังการผลิตน้ำเหล็ก ดังนั้น การมีโรงถลุง จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 5 แสนตันต่อปี จะช่วยให้บริษัทผลิตสินค้าได้มากขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาดการผลิตในอนาคต นอกจากนี้บริษัทยังบริหารอัตรากำไรขั้นต้นได้มีประสิทธิภาพ โดยปัจจุบันบริษัทต้องทำการสั่ง Scrap คิดเป็น 70% ของต้นทุนวัตถุดิบรวม ซึ่งราคา Scrap มีความผันผวนสูง ดังนั้นหากบริษัทมีโรงถลุงเหล็กจะใช้เครือข่ายของ TATA ในการนำเข้าสินแร่เหล็ก ซึ่งมีความผันผวนต่ำ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงประมาณ 1,000บาทต่อตัน เก็งกำไร ATC เป้าหมาย 40 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) แนะนำ เก็งกำไร ATC ราคาหุ้นปัจจุบันมี discount อยู่ 10% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 50 เท่ากับ 40 บาท โดยประเมินว่า Spread อะโรเมติกส์สดใส โดย Spread ของพาราไซลีนในไตรมาส 1/50 ปรับเพิ่มจาก 450 เหรียญต่อตันในไตรมาส 4/49 เป็น 600 เหรียญต่อตันในปัจจุบัน และ Spread ของเบนซีนในไตรมาส 1/50 ปรับเพิ่มจาก 300 กว่าเหรียญต่อตันในไตรมาส 4/49 เป็น 500 กว่าเหรียญต่อตันในปัจจุบัน ปรับประมาณการกำไรปี 50 เพิ่มขึ้น 38% จากเดิม 5.32 พันล้านบาท เป็น 7.37 พันล้านบาท (+23% จากปี 49) จากการปรับประมาณการ Spread เพิ่มขึ้น 17% จากเดิม 127 เหรียญต่อตัน เป็น 145 เหรียญต่อตัน สำหรับปี 49 คาดกำไรปกติโต 5% จากปีก่อนหน้า เป็น 6.0 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 6.5 พันล้านบาท (+24%) คาดไตรมาส 4/49 กำไรปกติโต 2.3 เท่าจากช่วงเดียวกันปีก่อนเพราะ Spread ที่ยังทรงตัวสูงและดีกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว โดยประมาณการกำไรจากการดำเนินงานสุทธิ 2.2 พันล้านบาท คาดอัตราเงินปันผลตอบแทน 6.5% สำหรับปี 49 จากเงินปันผล 2.33 บาทต่อหุ้นซื้อ HANA เป้าหมาย 35 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) แนะนำ ซื้อ HANA บริษัทเป็นผู้ผลิตแป้นสัมผัสของไอพ็อตนี้ซึ่งคาดว่าคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 7-10% ของรายได้รวมของ HANA น่าจะได้รับผลดีในผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/49 ที่อุตสาหกรรมโดยรวมยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ฝ่ายวิจัยคาดว่า HANA จะมีกำไรสุทธิในปี 2549 เท่ากับ 2,248 ล้านบาท หรือ 2.76 บาทต่อหุ้น คิดเป็นการเติบโต 7% จากปี 2548 HANA นับเป็นบริษัทที่มีโครงสร้างสินค้าราคาที่กระจายความเสี่ยงและยังมีการเติบโตในอนาคต ขณะที่เป็นบริษัทที่ไม่มีภาระหนี้และมีเงินสดในมือ 2.53 บาทต่อหุ้น ทำให้มีความสามารถจ่ายเงินปันผลได้ดี จึงยังคงคำแนะนำ ?ซื้อ? ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 35 บาท