April 28, 2024   2:17:58 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้นค่ะ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 22/01/2007 @ 09:19:04
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.ซิกโก้แนะนำซื้อ TUFราคาเป้าหมาย 27.40 บาทหลังจากธปท. ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เราเห็นแนวโน้มค่าเงินบาทที่ อ่อนค่าลงชัดเจนซึ่งจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทใน FY07E หลังจากที่ปัญหาดังกล่าวกดดันกำไรสุทธิFY06E มาตลอดทั้งปี ทั้งนี้ แนวโน้มที่ชัดเจนน่าจะช่วยให้บริษัทควบคุมต้นทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ ลดลงทำใหต้นทุนทางการเงินของบริษัทปรับลดลงด้วยและสุดท้ายราคาน้ำมันที่ปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่องนอกจากจะทำให้ต้นทุนที่เกี่ยวกับน้ำมันของบริษัท (ประมาณ 5% ของต้นทุนรวม) ลดลงแล้วยังส่งผลดี ทางอ้อมต่อต้นทุนในการจับปลาด้วย เราจึงมองว่าต้นทุนราคาปลาทูน่าไม่น่าจะปรับขึ้นไปจากปัจจุบัน เราคาดรายได้FY07Eจะเติบโต 10.8% YoY มาจากกุ้งแช่แข็งส่งออก และ อาหารแมวที่เติบโต10% YoYขณะที่ปลาทูน่ กระป๋องส่งออกคาดว่าจะเติบโต 5% นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจในสหรัฐอเมริกาอย่าง Chicken of the Sea และEmpress ยังสามารถเติบโตได้โดยเรามองว่าการออกสินค้าที่เป็น ValueAdded จะช่วยให้ ยอดขายและกำไรเติบโต ทั้ งนี้เรามองว่าบริษัทยังสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 15.3% ได้เช่นเดียวกับ FY06E เป็นผลจากปัจจัยบวก 3 ประการข้างต้น ซึ่งเราคาดกำไรสุทธิไว้ ที่ 1,972ลบ. เติบโต 10% YoYด้วยทิศทางค่าเงินที่ชัดเจนขึ้น ส่งผลดีต่อการดำเนินงานบริษัท ขณะเดียวกันธุรกิจในแต่ละสายผลิตภัณฑ์ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่อง


บล.เอเซีย พลัสแนะนำถือKKราคาเป้าหมาย 30.03 บาทKK รายงานกำไรสุทธิงวด 4Q49 เท่ากับ 444 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.6% qoq ตามคาดเพราะแม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิจะลดลง 24% qoq จากผลของ NIM ที่ลดลงถึง 139 bpเหลือ 4.55% แต่สามารถชดเชยได้จากรายการที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย โดย 1) กลับรายการสำรองหนี้เป็นรายได้ 16 ล้านบาท จากที่ตั้งเป็นค่าใช้จ่าย 24 ล้านบาท ในงวดที่ผ่านมา (รวมผลกระทบจากการตั้งสำรองตามเกณฑ์ IAS 39 ซึ่ง KK ทำในคราวเดียว โดยมีการโอนสำรองส่วนเกินมาใช้) และ 2) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นถึง 1.5 เท่าตัว หลักๆ มาจากกำไรจากการปรับมูลค่าเงินลงทุน ในขณะที่ค่าใช้จ่ายดำเนินงานปรับเพิ่มขึ้นเพียง 5.1%qoq โดยรวมปี 2549 KK มีกำไรสุทธิ 2.03 พันล้านบาท ลดลง 16.5% yoy ฝ่ายวิจัยคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2550 ของ KK ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว เพราะแม้ว่าผลกระทบจาก IAS 39 ได้สะท้อนในงวด 4Q49 หมดแล้ว แต่การดำเนินงานปกติยังได้รับแรงกดดันจาก NIM ที่น่าจะปรับลดลง เนื่องจาก Yield จากธุรกิจบริหารลูกหนี้ด้อยคุณภาพยังน่าจะลดลงต่อเนื่อง ตามมูลค่าลูกหนี้ที่ลดลง แม้ว่าสินเชื่อมีแนวโน้มจะเติบโตอีก 13% yoyใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาก็ตาม อย่างไรก็ตามหากพิจารณาราคาหุ้น พบว่าปรับลดลงสะท้อนปัจจัยลบในตลาดไปมากแล้ว และเมื่อบวกกับเงินปันผลสำหรับงวด 2H49 ที่สามารถคาดหวังได้ในอัตรา 1.3 บาท/หุ้น คิดเป็น Div yield ถึง 5% (ทั้งปี 2549 คิดเป็น 8.3%)


บล.กิมเอ็งแนะนำ ซื้อ CCETราคาเป้าหมาย 4.96 บาทจากการสอบถามแนวโน้มธุรกิจจากผู้บริหารของ CCET เมื่อต้นสัปดาห์ เราเชื่อว่ายอดขายในไตรมาส 4/49 ยังคงแข็งแกร่ง ด้วยการเติบโตของธุรกิจ PCBA มีลูกค้ารายใหญ่ใหม่เมื่อปีที่แล้วเป็นผู้ผลิตฮาร์ดดิสค์ไดร์ฟรายใหญ่ของโลก อีกทั้งธุรกิจ set-top boxและเครื่องพิมพ์ multifunction คงโตต่อเนื่อง เราประมาณการว่ายอดขายในไตรมาส4/49 เติบโตถึง 29% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า (yoy) เป็น 2.03 หมื่นล้านบาท แม้บริษัทจะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินบาท แต่ก็มีแนวโน้มได้รับการชดเชยจากการประหยัดต่อขนาดและการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี ดังนั้น เราจึงประมาณการว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจาก 3.3% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็น 3.5%ในไตรมาส 4/49 ภายใต้สมมติฐานนี้ เราคาดว่ากำไรสุทธิจะขยายตัว 22% yoy เป็น 624ล้านบาท ด้วยลูกค้ารายใหญ่รายใหม่อีกทั้งการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของหลายธุรกิจหลักเราคาดว่ากำไรสุทธิของ CCET ในปี 2549 ขยายตัวถึง35% เป็น 2.38 พันล้านบาทหรือ 0.60 บาท/หุ้น บริษัทจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ 2 ครั้ง/ปี โดยได้จ่าย 0.20 บาท/หุ้นแล้วสำหรับการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2549 ทั้งนี้ผู้บริหารยังไม่ได้แจ้งถึงเงินปันผลส่วนที่เหลือ ภายใต้สมมติฐานการจ่ายอีก 0.15-0.20 บาท/หุ้นจะทำให้อัตราเงินปันผลตอบแทน (จากการดำเนินงานปี 2548 ทั้งปี) เป็น 8.0-9.2% ณ ราคาหุ้นปัจจุบัน จากการเติบโตอย่างน่าประทับใจของธุรกิจ PCBA อีกทั้งการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจเครื่องพิมพ์multifunction และ set-top box เราประมาณการว่ายอดขายในไตรมาส 4/49ขยายตัวถึง 28% yoy เป็น 2.03 หมื่นล้านบาท แต่ต่ำกว่าไตรมาสก่อนหน้าซึ่งเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดราว 6% ด้วยเหตุผลส่วนหนึ่งจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น แม้การแข็งค่าของเงินบาทจะกดดันอัตรากำไร แต่เราเชื่อว่ามีการชดเชยจากการประหยัดต่อขนาด เราจึงประมาณการว่าอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 4/49 ไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้านักโดยอยู่ที่ 5.0% นอกจากนี้ ด้วยแนวโน้มการควบคุมค่าใช้จ่ายได้


บล.ยูไนเต็ดแนะนำถือ BHราคาเป้าหมาย 35.47 บาทเนื่องจากผ่านพ้นช่วง High Season ไปแล้วประกอบกับได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการปฏิวัติช่วงปลาย 3Q49 ส่งผลคาดรายได้รวม 4Q49 ชะลอตัวลงราว 5.6%QoQมาอยู่ที่1,928ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวใกล้เคียง 3Q49 ที่ระดับ 34.0% จึงส่งผลให้กำไรสุทธิ 4Q49 ชะลอตัวอยู่ที่ 272 ล้านบาทหรือลดลงราว 11.8%QoQ และทำให้ภาพรวมปี 49รายได้เติบโตราว 15.7%YoY ขณะที่กำไรปกติปี 49 จะขยายตัวเพียง 6.9%YoYเนื่องจากถูกกดดันด้วยสาเหตุหลัก 2 ประการ คือ 1.สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นจากระดับ 14.8%เป?น 15.4% และ 2. ผลจากการกลับมาเสียภาษีในอัตราปกติที่ราว 30% ตั้งแต่ต้นปี 49 สำหรับปี 50 BH มีแผนขยายพื้นที่การให้บริการที่ตึกใหม่เพิ่มขึ้น 3 ชั้นใน 2H50 ส่งผลทำให้ความสามารถในการรองรับผู้ป่วย OPD เพิ่มขึ้นจาก 3,500 คนเป็น 4,000 คนต่อวันและรองรับผู้ป่วยใน (IPD) เพิ่มขึ้นจาก 458 เตียงเป็น 477เตียง อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เบื้องต้นก็ส่งผลลบให้จำนวนผู้ป่วยต่างชาติลดลงราว 10% จากปกติ ประกอบกับเราคาดสัดส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารยังคงมีเนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการปรับปรุงและเคลื่อนพื้นที่ให้เปิดบริการจึงทำให้เราคาดผลการดำเนินงานทั้งปี 50 เติบโตเพียง9.2%YoY มาอยู่ที่ 1,192 ล้านบาทด้วยภาพรวมกำไรสุทธิปี 49 และ 50 ที่เติบโตไม่มากเฉลี่ย8.0%ต่อปี โดยเราประเมินราคาเป้าหมายที่เหมาะสมปี 50 ที่ 35.47 บาทอ้างอิงวิธีส่วนลดกระแสเงินสดด้วย WACC ที่ 10.5% และมีอัตราการเติบโตที่ 5%

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com