April 28, 2024   7:47:25 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 22/01/2007 @ 10:46:15
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index
วันศุกร์ที่ 19 ม.ค. ปิดที่ 658.17 จุด +3.28จุด มูลค่าการซื้อขาย 12,698ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 1,047.67ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 4.80 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิที่ 1,042.87 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 660.09จุด +5.20จุด และ Low ที่ดัชนี 653.96จุด -0.93 จุด แม้ผลประกอบการของแบงค์ใหญ่จะทยอยประกาศออกมีกำไรลดลงกันถ้วนหน้า (คงจะมาจากการกันไว้สำรองค่าหนี้ )ทำให้ SET Index มีเซลงไปบ้างหลังเปิดตลาดเช้า แต่จริง ๆ แล้วก็เป็นไปตามคาดการณ์ที่คาดกันไว้ล่วงหน้าแล้วนักลงทุนที่มีหุ้นแบงค์อยู่จึงไม่ค่อยตกใจเทขายหุ้นออกมา ซึ่งที่กำไรของธนาคารพาณิชย์ต่างลดลงกันถ้วนหน้านั้นเป็นผลมาจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นมากกำไรก็เลยลดลง โดยรวมแล้วสภาวะตลาดตอนนี้ยังขาดปัจจัยใดใดที่จะเข้ามาหนุนให้ดัชนีเคลื่อนไหวแบบแรง ๆ ระยะนี้จึงแกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ
รวมถึงมูลค่าการซื้อขายก็ยังมีไม่มากเพราะนักลงทุนหันมาเก็งกำไรในหุ้นเล็ก ๆแทน แต่จริงจริงแล้ว K.KRAZIP
ว่าก็ดีไปอีกแบบนะตื่นเต้นดีมีอะไรให้ลุ้นกันตลอดวัน

KH ราคาเปิด - ปิด 7.10 บาท มูลค่าการซื้อขาย 10.57 ล้านบาท หลังจากมีประกาศอัตราเหมาจ่ายรายหัวของโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า สำหรับงบประมาณปี 49/50 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 14.5%YoY ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2549ประกอบกับได้รับผลกระทบแง่บวกจากสภาพฝนที่มีต่อเนื่องส่งผลให้คาดรายได้จากการให้บริการ Q4/49 อยู่ที่ 892.5 ล้านบาทส่วนประมาณการกำไรสุทธิ Q4/49 อยู่ที่ 110.1 ล้านบาท ซึ่งเติบโตโดดเด่นกว่า22.9%YoY และทำให้ภาพรวมปี 2549 KH มีผลการดำเนินงานสุทธิขยายตัวก้าวกระโดดกว่า
63.4%YoY จาก 249.0 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 406 .0 ล้านบาทในปี 2549 จากจุดแข็งของ KH ที่มีโรงพยาบาลในเครือข่ายกว่า 6 แห่ง และKHได้ปรับกลยุทธ์เน้นจับลูกค้ากลุ่มเงินสดของ KH เพิ่มขึ้นทั้งในรูปการจัดสัดส่วนพื้นที่ให้บริการที่เป็นระบบมากขึ้นระหว่างลูกค้าเหมาจ่ายกับเงินสดและการปรับปรุงการรักษาที่มีความเป็นเฉพาะทางเพิ่มขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ?ทยอยซื้อ? จากผลประกอบการ Q4/49 ที่ยังขยายตัวโดดเด่นและได้ประมาณการเงินปันผลสำหรับครึ่งปีหลัง อีกอย่างน้อย 0.10 บาทต่อหุ้นแนวรับ7 บาท แนวต้าน7.45บาท

CCET ราคาเปิด 4.38 บาท ราคาปิด 4.42บาท มูลค่าการซื้อขาย 9.90 ล้านบาท แนวโน้มธุรกิจของ CCET เชื่อว่ายอดขายในQ 4/49 ยังคงแข็งแกร่งด้วยการเติบโตของธุรกิจ PCBA มีลูกค้ารายใหญ่ใหม่
เมื่อปีที่แล้วเป็นผู้ผลิตฮาร์ดดิสค์ไดร์ฟรายใหญ่ของโลก อีกทั้งธุรกิจ Set-Top box และเครื่องพิมพ์ multifunction คงเติบโตต่อเนื่อง ประมาณการยอดขายในQ 4/49 เติบโตถึง 29% yoy เป็น 2.03 หมื่นล้านบาท แม้ CCETจะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินบาทแต่ก็มีแนวโน้มได้รับการชดเชยจากการประหยัดต่อขนาดและการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี คาดว่ากำไรสุทธิจะขยายตัว 22% yoy เป็น 624 ล้านบาท
ด้วยลูกค้ารายใหญ่รายใหม่อีกทั้งการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของหลายธุรกิจหลัก
CCET จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ 2 ครั้ง/ปี ได้จ่าย 0.20 บาท/หุ้น ไปแล้วสำหรับการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2549 คาดว่าจะจ่ายอีก 0.15-0.20 บาท/หุ้น ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ แนวรับ 4.36 บาท แนวต้าน4.50บาท

LH ราคาเปิด 6.20 บาท ราคาปิด 6.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 262.21 ล้านบาท คาดการณ์การเติบโตรายได้ในปี50ที่15% จากปัจจัยบวกหลายประการที่จะกระตุ้นผู้บริโภคซื้อที่อยู่อาศัจมากขึ้น เช่น
แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและราคาน้ำมันที่ลดลงและถึงแม้ว่าเหตุการณ์ระเบิดในกรุงเทพจะทำให้ความมั่นใจผู้บริโภคมีแนวโน้มลดลงก็ตามแต่จะเป็นเพียงช่วงสั้นเท่านั้นกอปรกับความพยายามในการพัฒนาโครงการระดับกลางของ LH ได้แก่ บ้านเดี่ยว 4-5 ล้านบาท,ทาวส์เฮ้าส์ 3 ล้านบาทและคอนโดมิเนียม 2 ล้านบาท
จะช่วงเพิ่มช่องทางการเติบโตจากปีก่อนที่เน้นบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมระดับกลางถึงบนเป็นหลัก
ยิ่งไปกว่านั้นจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มลดลงยังจะช่วยให้ต้นทุนการก่อสร้างลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ทั้งนี้คาดว่ารายได้จากการขายบ้านของ LH ในปี 50 จะมีการเติบโตขึ้นประมาณ
13%YoYเป็น 19,452 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นประมาณ 11% เป็น 3,852 ล้านบาท K.KRAZIP แนะนำ ซื้อลงทุน แนวรับ 6.10 บาท แนวต้าน 6.70 บาท

AP ราคาเปิดที่ 3.76 บาท ราคาปิดที่ 3.88 บาท มูลค่าการซื้อขาย 60.08 ล้านบาท จากการเปิดตัว 6 โครงการในช่วง 4Q49 ที่ผ่านมา ค่อนข้างได้รับการตอบรับที่ดี โดยโครงการคอนโดมิเนียมจาก Life๑ Ratchada ที่มียอดขาย 90% และ The Address @ สุขุมวิท 42 มียอดขาย 40% จากมูลค่าโครงการรวมที่ 1,650 ล้านบาท รวมถึงโครงการแนวราบอีก 4 โครงการที่มียอดขาย 3 โครงการ ทำได้ 30% และอีก 1 โครงการที่ 10% ของมูลค่าโครงการทั้ง 4 โครงการที่ 4,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้ในปี 49 บริษัทมียอด Backlog รอรับรู้รายได้ประมาณ 8,800 ล้านบาท โดยสัดส่วน 65% มาจากคอนโดมีเนียม และ 45% เป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ นอกจากนั้นในปี 2550 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 4 โครงการ เป็นทาวน์เฮาส์ 3
โครงการ และเป็นคอนโดมีเนียม 1 โครงการ จึงคาดว่าในปี 50 บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากการขายคอนโดมิเนียม และหลัก ๆมาจากโครงการปทุมวัน แนวโน้มในอนาคตบริษัทมียอดขายเติบโตต่อเนื่อง
คาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผล 0.18 บาทต่อหุ้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ โดยมีแนวรับ 3.82 บาท แนวต้าน 3.98 บาท[/size:827df65c7a">[/color:827df65c7a">

ที่มา ทันหุ้น
.0008 .0008

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com