May 10, 2024   5:36:39 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบ ...กระซิบ...
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 23/01/2007 @ 10:42:10
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index วันจันทร์ที่ 22 ม.ค. ปิดที่ 658.17 จุด +3.28จุด มูลค่าการซื้อขาย 12,698ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 1,047.67ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 4.80 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิที่ 1,042.87 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 661.03จุด +2.86จุด และ Low ที่ดัชนี 655.47จุด -2.70 จุด ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยวันแรกของสัปดาห์ใหม่ที่ผ่านมาเปิดตลาดที่แดนบวกตามตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ที่ปรับตัวขึ้น แต่แล้วตลาดบ้านเราก็อ่อนตัวลงไม่สนตลาดบ้านไหนๆที่ขึ้นกัน สาเหตุใหญ่คือยังไร้ประเด็นบวก แต่ก็มิได้มีประเด็นร้ายรุนแรงใดใดเข้ามากระทบ ขออีกแต่แล้วกันเรื่องเหตุบ้านการเมืองก็ยังไม่สงบยังมีอีกหลายประเด็นเข้ามาให้เคืองใจ (กระทบต่อจิตวิทยาการลงทุน) อยู่ทุกวันตลาดไม่ค่อยมีแรงเทรดเท่าไหร่ ดีนะที่หุ้นบิ๊กแคปอย่าง BBL, KTB พอมีแรงซื้อพยุงดัชนีไม่ให้ปรับลดลงมากกว่าที่เป็น สภาวะตลาดเป็นเยี่ยงนี้ K.KRAZIP ล่ะเห็นจ๊ายเห็นจัยทั้งนักลงทุนทั้งมาร์เก็ตติ้งตาดำดำ เพราะยังมองไม่เห็นว่าเมื่อไหร่ SET จะฟื้นจริง ๆ เสียที หวังแต่ว่าวันนี้ SET ลงอีกหน่อยแล้วจะปรับขึ้นไปแถว 692 จุดได้

SCC ราคาเปิด-ปิด 234 บาท มูลค่าการซื้อขาย 255.411 ล้านบาท คาดผลการดำเนินงานQ 4/49 SCC จะมีกำไรสุทธิ 5,602 ล้านบาท ลดลง 26.3% QoQ จากปริมาณการขายปูนซีเมนต์ในประเทศที่ลดลงจากภาวะน้ำท่วม และผลการดำเนินงานในธุรกิจปิโตรเคมีที่ลดลง จากราคาสินค้าและ Spread ที่อ่อนตัวลง แต่หากเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนแล้วเพิ่มขึ้น 41.2% YoYเนื่องจากปีก่อนมีการปิดซ่อมโรงงาน ROC คาดการณ์กำไรปกติจากการดำเนินงานปี 2549 ที่ 32,557 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1% YoY จากธุรกิจปิโตรเคมีในปีนี้ที่เป็นตัวหนุน จากราคาและ Spread ที่ทรงตัวในระดับสูง สำหรับธุรกิจกระดาษโครงการ Coal ? Fired Boiler ของ UPPC และของ TCP น่าจะชดเชยกับต้นทุนวัตถุดิบเยื่อกระดาษที่ปรับตัวขึ้น ทำให้ผลการดำเนินงานในกลุ่มกระดาษทรงตัว แม้จะคาดการณ์ผลการดำเนินงานในQ 4/49 จะไม่โดดเด่นมากนัก แต่จากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สูงถึง 40,000 ล้านบาท/ปี ทำให้คาดว่า SCC จะยังคงรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 15 บาทต่อหุ้นได้ K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ มองว่าราคาหุ้นมีโอกาสปรับขึ้นได้อีกและรอรับปันผลท่าจะดี แนวรับราคา 230 บาท แนวต้านราคา 242 บาท

BSBM ราคาเปิด 1.17 บาท ราคาปิด 1.15 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1.119 ล้านบาท คาดว่าผลประกอบการQ 4/49 จะกลับมาโดดเด่นใหม่ จะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6 เท่าจากไตรมาสก่อน และ ดีขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุน 175 ล้านบาท โดยผลประกอบการในไตรมาสสี่จะได้แรงหนุนจากปริมาณขาย 52,986 ตัน ส่วนต้นทุนวัตถุดิบ Billet อ่อนตัวลงเล็กน้อย ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นพุ่งขึ้นเป็น 9.1% จาก 3.1% ในไตรมาสก่อน และ -23% ในปีก่อน นอกจากนี้คาดว่า BSBM จะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอีกประมาณ 5 ล้านบาท จากการแข็งค่ามากขึ้นของค่าเงินบาท สเปรดในไตรมาสแรกยังอยู่ในเกณฑ์ดี จะช่วยหนุนผลประกอบการโดดเด่นต่อ เมื่อพิจารณาดูราคาเหล็กเส้นในจีนปรากฏว่าได้ค่อยๆปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังอีก 0.05 บาทต่อหุ้น ดังนั้น K.KRAZIPแนะนำ ซื้อ แต่ต้องซื้อแบบระมัดระวัง เพราะผลประกอบการในอดีตค่อนข้างผันผวนขึ้นกับราคาเหล็ก แนวรับราคา 1.13 บาท แนวต้านราคา 1.20 บาท

SPALI ราคาเปิดที่ 3.48 บาท ราคาปิดที่ 3.44 บาท มูลค่าการซื้อขาย 47.394 ล้านบาท ยอด Presales 4Q49 ของ SPALI ออกมาค่อนข้างดี เพิ่มขึ้นจากระดับ 770 ล้านบาทใน 3Q49 แม้ว่าจะมีการเปิดโครงการใน 4Q49 เพียง 2 โครงการก็ตาม แต่จากการตอบรับที่ดีของโครงการ Supalai Park Srinakarin-Bangna ส่งผลให้ยอด Presales จากโครงการดังกล่าวสูงขึ้น ในขณะที่โครงการแนวราบอื่น ๆ ทำได้ประมาณ 500 ล้านบาท โดย SPALI ตั้งเป้ายอด Presales ปี 50 ไว้ที่ 8,800 ล้านบาท แต่จากแนวโน้มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะมีการแข่งขันกันสูงขึ้น ในขณะที่ความเชื่อมันของผู้บริโภคยังชะลอตัวลง ส่งผลให้ SPALI อาจมีการปรับลดเป้าลงในช่วงกลางปี 50 ได้ ปัจจุบัน SPALI มียอด Backlog ประมาณ 8,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในอีก 3 ปีข้างหน้า อีกทั้งยังมีมูลค่าโครงการเหลือขายอีกประมาณ 10,566 ล้านบาท แต่ก็ไม่ทำให้ SPALI ขาดความต่อเนื่องในการเลือกหาที่ดินในทำเลที่มีศักยภาพมาพัฒนาโครงการใหม่ ๆ จะเห็นได้จากแผนการเปิดโครงการใหม่ 8 โครงการในปี 50 ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการแล้ว 4 แปลง ซึ่งหากโครงการใหม่ ๆ ประสบความสำเร็จก็จะช่วยสร้างฐานการรับรู้รายได้ของ SPALI ให้เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ โดยมีแนวรับ 3.42 บาท แนวต้าน 3.60 บาท

TOP ราคาเปิด-ปิด 55 บาท มูลค่าการซื้อขาย 88.062 ล้านบาท คาดการณ์ 4Q06จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่4,229ล้านบาท เพิ่มขึ้น12%QoQ จากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นเป็น4เหรียญ/บาร์เรล จาก2.7เหรียญ/บาร์เรล ใน3Q06 สำหรับปี 07 ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 49เหรียญ/บาร์เรล และค่าการกลั่นจะอยู่ที่ 5.2 เหรียญ/บาร์เรล จากราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวลดลงในช่วงปลายปี06 ซึ่งเกิดจากการปรับฐานของราคาที่เกิดจากการเก็งกำไรของ Hedge Funds แต่ในปัจจุบันชี้ให้เห็นแล้วว่าแม้กลุ่มโอเปกจะปรับลดปริมาณการผลิตลงไม่มีผลทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นได้ จึงคาดว่าแนวโน้มราคาน้ำมันในปี 07 จะต่ำกว่าปี 06และส่งผลให้ค่าการกลั่นในปีนี้ลดลงราว 1-2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อีกทั้งยังมีกำลังผลิตใหม่จะเข้ามาในปี 08 จึงคาดว่าค่าการกลั่นน่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง 5-5.5เหรียญ/บาร์เรลในปี 07-08 แต่อย่างไรก็ตาม TOP ยังมีธุรกิจพาราไซลีนและLube Base ที่มีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว อีกทั้ง Margin มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยให้กำไรของ TOPค่อนข้างมีเสถียรภาพมากขึ้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ แนวรับ 54 บาท แนวต้าน 57 บาท
KRAZIP 23/01/2550






[/color:8acf0c46f0">[/size:8acf0c46f0">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com