Puu
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476 |  วันที่: 24/01/2007 @ 13:02:24 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต SET index
วันอังคารที่ 23 มกราคม ปิดที่ 650.76 จุด -4.36 จุด มูลค่าการซื้อขาย 10,411 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 46.60 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 278.68 ล้านบาท นักลงทุน ทั่วไปซื้อสุทธิที่ 232.07 ล้านบาท SET index ทำ High ที่ดัชนี 651.99 จุด -3.13 จุด และ Low mujfy=ou 647.35 จุด -7.77 จุด
ลางไม่ดีมาแต่คทืนวาน เนื่องจากดัชนีของตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวลดลงถ้วนหน้า จากความกังวลเรื่องผลประกอบการของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจะประกาศออกมาต่ำกว่าท คาดการณ์ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังอ่อนตัว ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยวานนี้อ่อนตัวลงค่อนข้างแรงทั้งที่วอลุ่มตลาดมีไม่มากเท่าไหร่ ตลาดบ้านเรายังไม่มีปัจจัยบวกใหม่และหุ้นกฃลุ่มแบงก์ก็ประกาศผลประกบอการไปแล้วจึงอาจเป็นแรงขาย เพื่อปรับพอร์ตกัน บวกกับเรื่องเก่าหลายที่จะเล่าใหม่คือ นักลงทุนต่างมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องการเมืองว่าจะประทุเรื่องรุนแรงขึ้นมาวันไหน และยังจะเรื่องมาตรการกันสำรอง 30% ของแบงก์ชาติอีก K.KRAZIP ก็ขอฝากไว้ว่าจังหวะอย่างนี้ที่หุ้นปรับลงมากๆ อย่าพลาดพลิกวิกฤติเป็นโอกาส หุ้นใหญ่พื้นฐานดีปันผลดีที่ปรับลงแรงหรือลงมามากๆ อย่างไรเสียโอกาสที่จะปรบขึ้นก็มีมากเช่นกัน
BEC ราคาเปิด 19.50 บาท ราคาปิด 20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 59.975 ล้านบาท จากการปรับผังรายการโดยเน้นรายการข่าวมากขึ้น พร้อมนำสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา เสริมทีมข่าวโดยในวันจันทร์-ศุกร์ จะมีรายการข่าวประมาณ 20 รายการ และในวันเสาร์-อาทิตย์อีก 2 รายการ นอกจากนี้ ยังได้ปรับราคาค่าโฆษณาได้แก่ ?เรื่องเล่าเช้านี้? จากนาทีละ 1.55 แสนบาท เป็น 1.75 แสนบาท ?เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์? จากนาทีละ 1.5 แสนบาท เป็น 2.3 แสนบาท ทั้ง 2 รายการมีผลตั้งแต่ต้นม.ค. 50 ?เรื่องเด่นเย็นนี้? จากนาทีละ 1 แสนบาท เป็น 1.75 แสนบาท ?เก็บตก? จากนาทีละ 2.9 แสบาท เป็น 3.3 แสนบาท ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นผลบวกกับ BEC เนื่องจากการปรับผังโดยเน้นรายการข่าวพร้อมดึงคุณสรยุทธ์ ที่ประสบความสำเร็จกับการทำรายการข่าวจนได้รับความนิยมจากผู้ชมอย่างมาก น่าจะช่วยเพิ่มเรทติ้งของรายการ รวมถึงเม็ดเงินโฆษณาที่จะเข้ามามาก เสริมรายได้หลักที่ส่วนใหญ่มาจากช่วง primetime ทำให้รายได้รวมมีโอกาสโตได้มากขึ้น จึงมีโอกาสที่จะรปับประมาณการกำไรปี 50 ของ BEC ขึ้นอีกจากเดิมที่จะมีกำไรปี 50 เติบโต 14% YoY K.KRAZIP แนะนำ ?ซื้อ? แนวรับ 19.70 บาท แนวต้าน 20.50 บาท
BSEC ราคาเปิด 2.66 บาท ราคาปิด 2.64 บาท มูลค่าการซื้อขาย 88.41 ล้านบาท ผลประกอบการของ BSEC ในปี 2549 มีกำไรสุทธิ 247 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YoY ทั้งนี้แม้มูลค่าการซื้อขายของตลาดเฉลี่ยต่อวันลดลง แต่จากส่วนแบ่งตลาดของ BSEC ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายผ่าน BSEC เพิ่มขึ้น 12% YoY ทำให้รายได้ค่านายหน้าปรับตัวสูงขึ้น 15% YoY สำหรับปี 2550 นี้ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 4% ล่าสุดยังได้ทีมวานิชธนกิจจาก ZMICO เข้ามาคาดว่าจะมี deal ประมาณ 2-3 deal ซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่อิงแต่รายได้ค่านายหน้าเกือบทั้งหมด K.KRAZIP แนะนำ ?ซื้อ? โดยมีแนวรับ 2.58 บาท แนวต้าน 2.82 บาท
SOLAR ราคาเปิด 4.08 บาท ราคาปิด 4.06 บาท มุลค่าการซื้อขาย 30.97 ล้านบาท จากที่ SOLAR จับมือกับบริษัท กรุนด์ฟอส(ประเทศไทย) จำกัด พัฒนาระบบสูบน้ำพลังแสงอาทิตย์ และการสับสนุนอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลประเทศเดนมาร์ก ทำให้ SOLAR มั่นใจว่าจะขยายโครงการได้มากกว่า 500 ระบบ คิดเป็นรายได้รวม 250 ล้านบาท และ SOLAR~ มีนโยบายขยายการดำเนินโครงการไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะเริ่มที่ประเทศพม่าและกัมพูชาก่อน ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ?ซื้อเก็งกำไร? แนวรับ 4.02 บาท แนวต้าน 4.44 บาท
MK ราคาเปิด 2.56 บาท ราคาปิด 2.54 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1.56 ล้านบาท จากกระแสข่าวกรณีสนามบินสุวรรณภูมิอาจต้องปิดทำการชั่วคราว หลังจากตรวจพบปัญหาการแตกร้าวบริเวณแท็กซี่เวย์และรันเวย์ หากสนามบินสุวรรณภูมิต้องปิดทำการก็ไม่ได้รับผลกระทบกับ MK เนื่องจากเชื่อว่าภาครัฐจะสามาถซ่อมแซมส่วนที่เสียหายได้รวดเร็วโดยไม่ต้องปิดทำการ หรือหากปิดทำการจะเป็นระยะสั้นเท่านั้น ขณะที่ MK จะเปิด 1 โครงการใหม่ย่านสุวรรณภูมิมูลค่าประมาณ 300-400 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว และบ้านแฝด ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ?ซื้อ? แนวรับ 2.50 แนวต้าน 2.70 บาท
ที่มา ทันหุ้น[/color:600ec1b9cc">
|
