May 10, 2024   4:43:03 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้น
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 25/01/2007 @ 10:25:27
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.ยูไนเต็ดแนะนำซื้อ PHATRAราคาเป้าหมาย 33.20 บาทผลประกอบการ 4Q49 มีกำไรสุทธิ 133 ล้านบาท ลดลง 15% QoQ แม้ว่าส่วนแบ่งตลาดของPHATRA จะเพิ่มขึ้นจาก 5.46% ใน 3Q49 เป็น 5.56% ในไตรมาสนี้ ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายผ่าน PHATRA เพิ่มขึ้น 24% QoQ แต่จากไตรมาสนี้ไม่มีรายได้ค่าธรรมเนียมเข้ามามากเหมือนไตรมาสก่อน จึงมีผลทำให้กำไรลดลง 15% จากไตรมาสก่อน แต่หากเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน จะเห็นว่ามีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 36% YoY เป็นผลมาจากมูลค่าการซื้อขายตลาดเฉลี่ยต่อวันที่มากขึ้นพลอยทำให้มูลค่าการซื้อขายผ่าน PHATRA เพิ่มขึ้น 22% สำหรับผลประกอบการทั้งปี 2549 มีกำไรสุทธิ 720 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% YoY ทั้งนี้แม้มูลค่าการซื้อขายของตลาดเฉลี่ยต่อวันที่ลดลงจาก 16,601 ล้านบาทในปี 2548 เหลือ16,260 ล้านบาท ในปี 2549 แต่จากส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ของ PHATRA ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 4.97% ในปี 2548 เป็น 5.79% ในปี 2549 ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายผ่านPHATRA เพิ่มขึ้น 14% YoY ทำให้รายได้ค่านายหน้าปรับตัวสูงขึ้นถึง 22% YoY ด้วยประกอบกับมีรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นมากถึง 136% YoY ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการจัดจำหน่ายหุ้น RRC และเบียร์ช้าง รวมถึงรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นถึง 161% YoYเป็นผลมาจากยอดเงินฝากและเงินลงทุนในหลักทรัพย์มากขึ้น ส่งผลให้รายได้ธุรกิจหลักทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้น 50% YoY แม้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะเพิ่มมากขึ้นในส่วนค่าใช้จ่ายพนักงานที่ผันแปรตามมูลค่าการซื้อขาย แต่ยังทำให้มีกำไรสุทธิทั้งปีเพิ่มขึ้นถึง 72%


บล.ธนชาตแนะนำขาย AOTราคาเป้าหมาย 57.00 บาทปัญหาที่เกิดขึ้นของ AOT ก่อให้เกิดประเด็นสงสัยต่อการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารโดยประเด็นที่จะให้มีการตรวจสอบคือ การก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ, การให้เช่าพื้นที่แก่บริษัทคิงเพาเวอร์ และข้อตกลงเกี่ยวกับการoutsourcing รวมถึงข้อกล่าวหาว่ามีการแต่งตั้งบุคคลภายนอกมาดำรงตำแหน่งผู้บริหาร และการกระทำผิดเกี่ยวกับการใช้งบประมาณของAOT ไปในการจ้างผู้ช่วยส่วนตัว AOT ได้รับผลกระทบจากข่าวเชิงลบนี้ต่อเนื่อง และน่าจะกดดันราคาหุ้นAOT ลง และแม้ว่าปริมาณ traffic ที่สนามบินสุวรรณภูมิยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ รวมทั้งราคาหุ้นที่ปรับลดลงกว่า 18% จากวันที่ประกาศมาตรการสำรอง 30% จนต่ำกว่ามูลค่าทางปัจจัยพื้นฐานที่เราประเมินที่ 57 บาทราว 8% แต่เราเชื่อว่าข่าวร้ายที่เข้ามากระทบเป็นระยะๆ และยังน่าจะมีเข้ามาอีกต่อเนื่องในช่วงนับจากนี้ จึงน่าจะทำให้ราคาหุ้นยากที่จะปรับตัวขึ้นในระยะนี้ นอกเหนือจากข่าวลบดังกล่าวแล้ว การลงทุนใน AOT ในขณะนี้ยังจะไม่ได้รับเงินปันผลเนื่องจากปีบัญชีของ AOT ปิด 30 ก.ย. และบริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปีที่ผ่านมา (สิ้นสุด ก.ย.06) ไปแล้วในอัตรา 2.75บาทโดยเงินปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลัง (เม.ย.-ก.ย.06) ในอัตราหุ้นละ 1.8บาทนั้น กำหนด XD ไปแล้วเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.06


บล.กิมเอ็งแนะนำถือ CPFราคาเป้าหมาย 5.00 บาทเราได้ปรับลดประมาณการปี 2549 และ 2550 ของ CPF ลง 19% และ 15% ตามลำดับเพื่อสะท้อนถึงการลดลงของความต้องการบริโภคและราคาเนื้อสัตว์ในประเทศที่ตกต่ำลงหลังจากปรับประมาณการแล้วเราคาดว่า CPF จะมีกำไรปกติ 2,230 ล้านบาท (0.30 บาท/หุ้น) ในปี 2549 ลดลง 61% yoy แต่กำไรของบริษัทคาดว่าจะฟื้นตัว 41% ในปีนี้เป็น 3,135 ล้านบาท (0.42 บาท/หุ้น) คาดการณ์ว่า CPF จะมีกำไรไตรมาส 4/49 เท่ากับ 324ล้านบาท ลดลง 41%yoy เนื่องจากการหดตัวของผลประกอบการธุรกิจเนื้อสัตว์ในประเทศคือ ไก่ หมู และไข่ไก่ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 25% ของยอดขายรวมของบริษัท การฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยของราคาเนื้อไก่จะถูกบั่นทอนจากราคาเนื้อหมูที่ตกต่ำซึ่งทำให้ธุรกิจเนื้อหมูมีผลขาดทุนในขณะที่ธุรกิจไก่ที่ตุรกีก็ยังคงขาดทุนต่อผลประกอบการของธุรกิจสัตว์น้ำและส่งออกก็คาดว่าจะลดลงเช่นกันเนื่องจากโลว์ซีซั่น เราคาดการณ์เงินปันผลไตรมาส 4/49 ที่ 0.04 บาท/หุ้น ทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของปี 2549 เท่ากับ 4.5% การลดลงของความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาวะการท่องเที่ยวหลังเหตุระเบิดช่วงปีใหม่จะกระทบต่อภาวะการบริโภคและราคาเนื้อสัตว์ในประเทศ นอกจากนั้นการระบาดของไข้หวัดนกก็บั่นทอนความต้องการบริโภคเนื้อไก่ กดดันราคาลงไปที่ 22 บาท/กิโลกรัมเมื่อวานนี้ (ต้นทุนอยู่ที่ 27-28 บาท/กิโลกรัม) อย่างไรก็ดีราคาเนื้อหมูน่าจะฟื้นตัวขึ้นได้หลังจากภาวะ oversupply เริ่มคลี่คลายลง


บล.เกียรตินาคินแนะนำซื้อ SKRราคาเป้าหมาย 13.00 บาทคาด 4Q/49 มีกำไรจากการดำเนินงาน 27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้ง Q-O-Qและ Y-O-Y ผลจากการเปิดตึกใหม่ ทำให้มีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น รวมทั้งการกำหนดค่าห้องผู้ป่วยในตึกใหม่สูงกว่าตึกเก่าประมาณ 50% ใน 4Q/49 เราคาดว่า SKR จะมีรายได้จากการบริการ 281ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% Q-O-Q และเพิ่มขึ้น 21% Y-O-Y เนื่องจากการเปิดตึกใหม่หลังที่ 2ทำให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า IPD ประกอบกับ SKR มีการกำหนดค่าห้องผู้ป่วยIPD ตึกใหม่ สูงกว่าตึกเก่าประมาณ 50% จาก 1,900 - 2,400 บาท/คืนเป็น 3,400 -3,500 บาท/คืน ทำให้รายได้กลุ่มลูกค้า IPD มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นขณะที่รายได้กลุ่มลูกค้า OPDมีแนวโน้มทรงตัว ตามจำนวนผู้มาใช้บริการเฉลี่ยใกล้เคียง 3Q/49 ที่ 1,500 คน/วันอย่างไรก็ดีการทำตลาดเชิงรุก รวมทั้งการให้ส่วนลดลูกค้า ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มทรงตัว และจะมีกำไรจากการดำเนินงาน 27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% Q-O-Q และเพิ่มขึ้น 40% Y-O-Y คงประมาณการปี 49 คาดว่าจะมีกำไรจากการดำเนินงาน 74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% Y-O-Y ตามการเติบโตของรายได้ แต่การที่ยังมีผลขาดทุนสะสมปี 49ประมาณ 700 ล้านบาท จึงจะยังไม่มีการจ่ายเงินปันผลแนวโน้มผลประกอบการ 4Q/49 ที่เติบโตต่อเนื่อง ทำให้เราคงประมาณการปี 49 ของSKR คาดว่าจะมีรายได้จากการบริการ1,010 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% Y-O-Y ตามจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น จากการปรับปรุงพื้นที่ให้บริการรวม ทั้งการเพิ่มบริการตรวจสุขภาพรองรับลูกค้ากลุ่มองค์กร ทำให้ขยายฐานลูกค้าองค์กรได้มากขึ้น ขณะที่การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการควบคุมค่าใช้จ่าย SG&A ทำให้ค่าใช้จ่ายดังกล่าวเพิ่มขึ้น ในอัตราที่น้อยกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ SKR จะมีกำไรจากการดำเนินงาน 74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77%Y-O-Y ทั้งนี้แม้ผลประกอบการจะมีแนวโน้มเติบโต แต่การที่ SKR ยังมีผลขาดทุนสะสมปี 49 ประมาณ 700 ล้านบาท จึงทำให้SKR จะยังไม่มีการจ่ายเงินปันผล






[/color:693814623f">

 กลับขึ้นบน
Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
#1 วันที่: 25/01/2007 @ 10:30:05 : re: สัญญาณหุ้น
คอลัมน์ : เวทีวิเคราะห์

ซื้อPDIเป้าหมาย45บาท
บทวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด ประมาณการรายได้ของ PDI ในปี 2550 เพิ่มขึ้น 6.30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ปรับลดราคาเหมาะสมลง 13% จากปรับลดสมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนให้แข็งค่าขึ้น 1 บาท เป็น 36.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยปรับเพิ่มค่า Beta เพื่อสะท้อนความเสี่ยงจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ WACC เพิ่มขึ้นจาก 12.60% เป็น 13.60% ส่งผลให้ราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 45 บาทต่อหุ้น โดยปัจจัยหลังส่งผลต่อราคาเหมาะสมมากกว่า SCIBS คาดว่า PDI จะจ่ายปันผลสำหรับผลประกอลบการในปี 2549 ที่ประมาณ 3 บาทต่อหุ้น ราคาปัจจุบันคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง8.71% ขณะที่มีค่าพี/อี 2550 ต่ำเพียง 4.93 เท่า จึงยังคงคำแนะนำ ?ซื้อ?

ซื้อSKRเป้าหมาย14.60บาท
บริษัทหลักทรัพย์ หลักทรัพย์ ยูไนเต็ด จำกัด แนะ?ซื้อ? SKR เป้าหมาย 14.60 บาท จากผลประกอบการไตรมาส 4/2549 ที่จะยังขยายตัวโดดเด่นประกอบกับคาดอัตราการเติบโตของกำไรปกติตลอด 5 ปีที่สูงมากเฉลี่ย 55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการก่อสร้างสะพานที่เสร็จสมบูรณ์แล้วตั้งแต่กลางเดือน มกราคม 2550 จึงทำให้เส้นทางการจราจรรอบโรงพยาบาลสะดวกขึ้นและทำให้ผู้ใช้บริการในปัจจุบันเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำสถิติสูงสุดใหม่จากเดิมที่ระดับ 1,600 คนต่อวันเป็น 1,800 คนต่อวันหรือสูงขึ้นกว่า 12.50% และในปีนี้ SKR ยังมีแผนขยายและปรับปรุงพื้นที่ให้บริการมากขึ้น ทำให้ความสามารถในการรองรับผู้ป่วยนอกสิ้นปี 2550 เพิ่มขึ้นราว 600-800 คนต่อวัน แถมยังได้รับประโยชน์จากการรับรู้รายได้จากการเปิดให้บริการตึก 2 เต็มปี จึงยังคงประมาณการผลการดำเนินงานปี 2550 เติบโตกว่า 42.70%มาอยู่ที่ 114 ล้านบาท

ซื้อHEMRAJเป้าหมาย1.10บาท
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง จำกัด(มหาชน) คาดยอดขายที่ดินของ HEMRAJ ในปี 2549 จะออกมาอย่างโดดเด่น โดยมียอดขายที่ดินทั้งสิ้น 712 ไร่ เปรียบเทียบกับ 500 ไร่ ที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ ยอดขายที่ดินที่แข็งแกร่ง ดังนั้นจึงทำการปรับยอดขายที่ดินในปี 2549 ขึ้น 41% เป็น 1,130 ล้านบาท และถึงจะมีการแปลงสภาพวอร์แรนต์จำนวน 2,118 ล้านหน่วย เป็นหุ้นสามัญซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 9,037 ล้านหุ้น ส่งผลให้มี ไดลูชั่นเอฟเฟกต์ ที่ 48% ด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสดมีราคาเหมาะสมใหม่ที่ 1.10 บาท/หุ้น ซึ่งราคาหุ้น ณ ปัจจุบันที่ 0.81 บาท ยังคงถูกโดยมีค่าพี/อี ปี 2550 อยู่ที่ 4.5 เท่า EV/EBITDA ที่ 5.4 เท่า P/BV ที่ 0.7 เท่า เมื่อรวมกับอัตราเงินปันผลตอบแทนที่โดดเด่น คิดเป็น 7.60% ในปี 2550 เนื่องจากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งจากการรับรู้รายได้ของคอนโดฯ จึงคงคำแนะนำเดิมที่ ซื้อ

หั่นเป้าRRCเหลือ17.00บาท
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด ปรับลดราคาเป้าหมายปี 2550 ของ RRC ลงเป็น 17.00 บาท ลดลงจากเดิมที่ 21.25 บาท เนื่องจากมีการปรับลดประมาณการปี 2550 ลง 18% และใช้ P/E Ratio ที่ 8.5 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย P/E ของโรงกลั่นในภูมิภาคเอเชียที่อยู่ระหว่าง 8-9 เท่า จากเดิมที่ใช้

P/E ที่ 9 เท่า คาดว่า กำไรปกติของ RRC ในปี 50 จะไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 2549 มากนัก เนื่องจากในปีนี้ RRC ต้องเสียภาษีเต็มจำนวนในอัตรา 25% ในขณะที่คาดว่า ค่าการกลั่นคาดว่าจะทรงตัวใกล้เคียงกับปี 49 แต่ยังมีปัจจัยสนับสนุนเกี่ยวกับประเด็นการควบรวมกับ ATC ที่คาดว่าจะทราบผลการศึกษาในเดือนมี.ค.-เม.ย.50 นี้ จึงแนะนำ ?ถือ?
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com