May 10, 2024   5:07:46 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 26/01/2007 @ 11:18:52
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index
วันพฤหัสบดีที่ 25 ม.ค. ปิดที่ 657.16 จุด +6.40จุด มูลค่าการซื้อขาย 11,909 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 667.26 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 155.54 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิที่ 551.48 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 657.63จุด +6.87จุด และ Low ที่ดัชนี 653.08จุด +2.32 จุด ข่าวดีเริ่มมีเข้ามากระตุ้นดัชนีตลาดหุ้นไทยส่อแววกระเตื้องพวกเราชาวหุ้นอาจได้เฮ นักลงทุนคาดหวังเชิงบวกกรณีแบงค์ชาติจะผ่อนคลายมาตราการกันสำรอง 30% อีกในปลายสัปดาห์นี้หรือไม่เกินสัปดาห์หน้า เพื่อผ่อนผันให้เงินกู้จากต่างชาติเข้ามาลงทุนโดยไม่ต้องกันสำรอง และการประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่กำลังจะเริ่มทยอยประกาศออกมา รวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐก็ปรับตัวขึ้นไปก่อนหน้าและราคาน้ำมันยังปรับขึ้นอยู่ ส่งผลให้ SET Index แกว่งตัวแบบ Sideways up ในกรอบดัชนี 658 - 662 จุด เป็นบวกได้ทั้งวัน โดยมีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่นในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร และพลังงาน ส่วนในด้านค่าเงินบาทของ Off-Shore วานนี้ลดลงไปต่ำสุดที่ 34.10 US/TB ขณะที่ด้านของ On-Shore อยู่ที่ 35.74 US/TB K.KRAZIP ว่า Off-Shore ส่งสัญญาณที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ให้ระวังการแข็งค่าของเงินบาทอีกระลอกไว้ด้วย

PHATRA
ราคาเปิดที่ 28.75 บาท ราคาปิดที่ 29.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 62.543 ล้านบาท PHATRA ประกาศผลประกอบการปี 2549 มีกำไรสุทธิ 720 ล้านบาท ถึงแม้ว่าส่วนแบ่งตลาดของ PHATRA และมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันจะเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากจำนวนวันทำการที่น้อยกว่าทำให้รายได้ค่านายหน้าลดลง 0.5%QoQ และรายได้ค่าธรรมเนียมในไตรมาสนี้ปรับตัวลดลงมากจากไตรมาสก่อน ที่มีการบันทึกรายได้ค่าธรรมเนียมที่ปรึกษาบางส่วนจากไทยเบฟ และ RRC แต่จากภาวะตลาดที่ดีขึ้น ทำให้กำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้น ในไตรมาสนี้ PHATRA มีค่าใช้จ่ายลดลง 37.5%QoQ เนื่องจากค่าใช้จ่ายพนักงานลดน้อยลง ถึงแม้ว่าสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศในไตรมาส 1/50 จะเพิ่มขึ้น แต่ยังคงมาตรการกันสำรอง 30% ของ ธปท. ไว้ต่อไป และปัญหาคลื่นใต้น้ำจะยังคงเป็นปัจจัยกดดันการซื้อขายใน ตลท. ต่อไป อย่างไรก็ตามคาดว่า PHATRA จะมีการจ่ายปันผลจากผลประกอบการปี 2549 ที่ 2.50 บาท/หุ้น K.KRAZIP มองว่าจากราคาหุ้นที่ได้ปรับลดลงมากก่อนหน้านี้ เหมาะแก่การทยอยสะสม แนะนำ ซื้อเก็งกำไร โดยมีแนวรับที่ 28.50 บาท แนวต้านที่ 32 บาท

TOP
ราคาเปิด ? ปิดที่ราคา 58 บาท มูลค่าการซื้อขาย 350.83 ล้านบาท TOP ได้แจ้งต่อตลาดฯ แล้ว เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชี ซึ่งการเปลี่ยนการบันทึกเงินลงทุนฯ จากวิธีส่วนได้เสียเป็นวิธีทุนจะส่งผลต่อกำไรสุทธิเฉพาะงบบริษัทต่ำลงจากวิธีเดิม แต่การวิเคราะห์ทางการเงินและการประเมินมูลค่ากิจการจะอิงตามงบการเงินรวมไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีของ TOP จะไม่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงมูลค่าเหมาะสมแต่อย่างใด การปรับตัวขึ้นของราคาหุ้น TOP ในช่วงนี้เป็นผลจากการฟื้นตัวของค่าการกลั่น จากที่ลดลงในQ4/49 และคาดว่าในระยะยาว TOP ยังมีโอกาสเติบโตตามอุตสาหกรรมการกลั่นที่ยังตึงตัว และการกระจายไปยังธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นและปิโตรเคมีจะช่วยลดความผันผวนจากค่าการกลั่นของธุรกิจโรงกลั่นได้ดีขึ้น รวมทั้งโอกาสเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าขนาด 700 เมกะวัตต์ที่จะเกิดขึ้นในปี 50 ด้วย ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร แนวรับที่ราคา 57 บาท แนวต้านที่ราคา 61 บาท

ASCON
ราคาเปิด 11.70 บาท ราคาปิด 12.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 498..462 ล้านบาท ถึงจะยังไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับพันธมิตรรายใหม่ที่จะเข้ามาร่วมลงทุนและแผนออกวอแรนต์ แต่ด้วยความพร้อมที่เต็ม100% ในการเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้าของภาครัฐ โดยในปัจจุบันมีการเจรจากับพันธมิตรจากเยอรมนี ซึ่งมีความชำนาญรวมทั้งมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ในปัจจุบันมีงานในมืออยู่ที่ 3,000ล้านบาท เชื่อว่าจะส่งผลให้รายได้ของ ASCON เติบโตตามประมาณการที่ตั้งไว้ที่ 2,500 ล้านบาท ด้านความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการรับเหมาก่อสร้างที่ประเทศเวียดนามคงจะได้เห็นใน2Q07 โดยในช่วงที่ผ่านมาASCONได้เข้าไปศึกษารายละเอียดในการทำงาน รวมทั้งได้เซ็น MOU ในเบื้องต้นเกี่ยวกับการก่อสร้างโรงแรมแล้ว ซึ่งตอนนี้มีอยู่ประมาณ6โครงการที่จะได้ทำ และจะยังมีโครงการใหม่ๆ ที่ยังอยู่ระหว่างการรอประมูลอีกหลายโครงการที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น เนื่องจากงานที่เวียดนามค่อนข้างที่จะเติบโตในทิศทางที่ดี คู่แข่งน้อย เป็นโอกาสของ ที่จะเข้าไปขยายการรับงานและช่องทางสร้างรายได้ในอนาคต K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร แนวรับ 12.20 บาท แนวต้าน 13 บาท

TPIPL
ราคาเปิดที่ 11.30 บาท ราคาปิดที่ 12 บาท มูลค่าการซื้อขาย 258.968 ล้านบาท เผลอแป๊บเดียวราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นมาที่ 12 บาท ทำHigh ในรอบเดือน Volume ก็เข้า ลองพิจารณาดูคงมีเหตุผลพวงมาจากค่าของเงินที่แข็งค่าขึ้น บริษัทมีหนี้ต่างประเทศอยู่มากทำให้ได้ประโยชน์ขึ้น อีกสาเหตุคงมาจากการที่บริษัทปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ที่ได้เจรจากันไปแล้วมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท ทางเทคนิค K.KRAZIP มองว่าราคาได้ปรับตัวลงมาค่อนข้างมากน่าจะมี Rebound ได้เหมาะที่จะลงทุนซื้อเก็งกำไร แนวรับที่ 11.70 บาท แนวต้านแถว ๆ เส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ราคา 12.90 บาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:328751f20b">[/size:328751f20b">
.0008 .0008

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com