สภาพการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีมีลักษณะทรงตัวในกรอบแคบ ๆ ในลักษณะของการ SIDEWAY ออกข้าง และยังอยู่ในภาวะเงียบเหงา ปริมาณการซื้อขายต่อวันไม่มากนัก ทำให้นักลงทุนยังไม่ค่อยเชื่อมั่นในสภาวะการลงทุนของตลาดมากนัก โดยเฉพาะนักลงทุนรายใหญ่ ๆ (บรรดาเซียนหุ้นทั้งหลาย) ล้วนแต่หยุดการลงทุน เนื่องจากมีปริมาณการซื้อขายที่ยังไม่มากพอ , ไม่มีข่าวดีเข้ามาช่วยสนับสนุน ให้บรรยากาศการลงทุนดูน่าสนใจ ส่วนรายย่อยเอง เล่นไปเล่นมาก็ชักท้อ เพราะไม่มี GAP ให้เล่นได้กำไร มีแต่ขาดทุน และติดหุ้นเป็นส่วนใหญ่ สภาพตลาดในปัจจุบันกำลังเดินมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ เนื่องจากดัชนีจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ โดยขึ้นไปทดสอบบริเวณ แนวต้าน 680 จุด หรือปรับตัวลงไปทดสอบจุดต่ำเดิม แถว 608 จุด ก็ต้องติดตามว่าในสัปดาห์นี้ ถ้าดัชนีมีการปรับตัวขึ้นยืนเหนือ เส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ บริเวณ 658.87 จุด ได้ และเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน บริเวณ 655.84 จุด มีการตัดทะลุขึ้นมาเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน บริเวณ 657.11 จุด ขึ้นไปได้ ก็จะเกิดลักษณะ GLODEN CROSS เกิดขึ้น ทำให้ดัชนีมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปทดสอบ แนวต้านบริเวณ 680 จุด ได้ และอาจจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 700 จุด ก็เป็นไปได้ แต่ถ้าดัชนีในสัปดาห์นี้ มีการอ่อนตัวลง และไม่สามารถยืนเหนือ เส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ บริเวณ 658.87 จุด ได้ และมีการปรับตัวลดลงต่ำกว่าแนวรับ บริเวณ 650 จุด ดัชนีก็จะมีการปรับตัวลงอย่างชัดเจน โดยมีเป้าหมายที่จะลงไปทดสอบบริเวณจุดต่ำเดิม แถว 608 จุด

ในยามนี้ดูจะน่าสงสารตัวเอง และสงสารประเทศไทยอันเป็นที่รักของพวกเราชาวไทยทุกคน ที่มีเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมา ล้วนเป็นสิ่งร้าย ๆ ที่จะคอยมาซ้ำเติมประเทศไทยให้แย่ลง หามีสิ่งดี ๆ ที่จะช่วยให้ทุกอย่างดูดีขึ้นก็หาไม่ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์รอบวางระเบิดในกรุงเทพฯ ทั้ง 9 จุด ที่ตอนนี้ยังหาคนผิดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ความเสียหายในส่วนของ TAXI WAY และ RUN WAY ของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่เกิดปัญหาขึ้นมา โดยที่ยังต้องหาบทสรุปที่ชัดเจนให้ได้ว่า เกิดจากสาเหตุอะไร?? ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุจากปัญหาคอรับชั่นของรัฐบาลชุดก่อน หรืออะไรก็ตาม แต่ผลที่เกิดขึ้นมันส่งผลทำให้ประเทศชาติเกิดความเสียหายทั้งสิ้น และยังเสียหายต่อชื่อเสียงของประเทศชาติ แล้วอย่างนี้?ความฝันที่ประเทศไทย จะเป็นศูนย์กลางทางการบินในแถบนี้ ดูจะเป็นความฝันที่ลม ๆ แล้ง ๆ เสียแล้ว ซึ่งก็ต้องขอฝากไปยังรัฐบาล และ คมช. ที่ช่วยกรุณาพิสูจน์ความจริงที่เกิดขึ้น แล้วหาคนผิด ที่ทำร้ายประเทศชาติ มารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ แต่ถ้ายังเป็น มวยล้ม ต้มคนดู เหมือนเดิมอีก แน่นอนความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อท่าน เมื่อคราวยึดอำนาจมาจากรัฐบาลชุดก่อน ก็ดูจะจางลง และหมดศรัทธาไปในที่สุด

จากการทยอยประกาศผลประกอบการ ของหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แล้วนั้น แสดงให้เห็นถึงผลประกอบการ ของกลุ่มนี้ ที่อ่อนตัวลงอย่างเห็นได้ชัด โดยส่วนใหญ่มีผลประกอบการที่ลดลง โดยเฉพาะ บางแบงก์ มีผลประกอบการที่ขาดทุน เป็นจำนวนมาก จะด้วยเหตุผลที่ต้องมีการตั้งกันสำรอง ในจำนวนมาก ตามระบบบัญชีใหม่ IAS 39 หรือด้วยความไม่มีประสิทธิภาพของผู้บริหาร ในการบริหารงานของธนาคารแห่งนั้น ทำให้นักลงทุนควรจะระมัดระวัง ในการลงทุนหุ้นในกลุ่มนี้ เนื่องจากโอกาสที่มีการประกาศเพิ่มทุนในอนาคต มีโอกาสที่สูงมากในหลายธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มทุนโดยขายให้ผู้ถือหุ้นเดิม หรือการเพิ่มทุนโดยการขายให้พันธมิตรใหม่ เข้ามาถือโดยตรง ซึ่งนั่นหมายถึง DILUTION EFFECT ที่จะมีผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นเดิม ย่อมจะเกิดขึ้น โดยไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ โดยธนาคารที่เข้าข่ายดังกล่าว ได้แก่ TMB,BT,TCAP,KTB, เป็นต้น

ในสัปดาห์นี้นักลงทุนจะต้องติดตามค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด เนื่องจากตั้งแต่ที่ทางแบงก์ชาติได้มีการออกมาตราการสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินบาท โดยให้มีการกันสำรอง 30 % สำหรับเงินลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งทำให้ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นก็มีการผ่อนคลายมาตราการให้คลายลง และกลับไปใช้นโยบายทางการเงิน โดยการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงนั้น ก็หาได้ ทำให้ค่าเงินบาทได้อ่อนตัวลงตามที่ได้ประกาศไว้ไม่ แต่กลับมีค่าแข็งขึ้นเรื่อย ๆ จนกลับมาสู่สภาพเดิม ก่อนที่จะมีการประกาศมาตราการการกันสำรอง 30 % ซึ่งถ้าค่าเงินบาท ในสัปดาห์นี้มีการแข็งค่าขึ้นอีก ก็จะเป็นสัญญาณอันตราย ที่จะกระทบต่อภาวะการส่งออกของไทย อันเป็นมูลเหตุที่ทางแบงก์ชาติคงต้องหาวิธีสกัดกั้นค่าเงินบาท ไม่ให้แข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจจะมีการดำเนินการออกนโยบายใหม่ ๆ ออกมา ซึ่งสุดจะคาดเดาได้ และถ้ามาตราการ..ที่ออกมามีผลกระทบในทางลบ ต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ก็คงจะได้เห็นหุ้นมีการ PANIC ปรับตัวลงมาอย่างแน่นอน(อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจแบงก์ชาติ ชุดปัจจุบัน)

กลยุทธการลงทุนในสัปดาห์นี้ จะเห็นว่ายังไม่มีข่าวดีมาช่วยสนับสนุน ให้ตลาดมีการปรับตัวขึ้นมาได้ ทำให้การคาดคะเน สภาวะตลาดจากปัจจัยพื้นฐานไม่ชัดนัก จึงต้องพึ่งพิงการวิเคราะห์สภาวะการลงทุน โดยอาศัยปัจจัยการวิเคราะห์ทางเทคนิค เป็นเสียส่วนใหญ่ ซึ่งจากที่กล่าวไว้ข้างต้น ถ้าสัปดาห์นี้ ดัชนีมีการเกิดสภาวะที่เส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน ตัดทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน ขึ้นมา ในลักษณะ GOLDEN CROSS ดัชนีก็จะมีโอกาสขึ้นไปทดสอบ แนวต้านบริเวณ 680 จุด โดยให้เน้นการเก็ง

กำไร ในหุ้นกลุ่มพลังงาน,กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง,กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ PTT,PTTEP,TOP,ITD,CK,NWR,TPIPL,NSM,GSTEE เป็นต้น แต่ถ้าเกิดดัชนีในสัปดาห์นี้ มีการปรับตัวลดลงต่ำกว่า 650 จุด ก็ให้ขายหุ้นออก หรือลดหุ้นใน PORT ให้น้อยที่สุด โดยไม่ควรที่จะเข้ามาเล่นเก็งกำไรในตลาดเลย ในช่วงนี้ (เปรียบเสมือน การวิ่งเก็บเหรียญสลึง บนทางด่วน ซึ่งโอกาสรอดมีน้อยมาก) !!!!

นั่นดิ ไม่รู้จะหาเหาอะไรมาให้อีกหนอ....กรรม