May 14, 2024   4:15:19 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > "ธปท" ขาดทุนบักโกรก 3 แสนล้าน
 

arthor
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 803
วันที่: 30/01/2007 @ 14:29:43
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ธปท ขาดทุนบักโกรก 3 แสนล้าน

นสพ.ไทยรัฐ รายงานถึงผลจากการออกมาตรการสำรองเงินทุนระยะสั้นจากต่างประเทศ 30% ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาเพื่อทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า นักวิชาการได้มีการตั้งข้อสังเกตถึงมาตรการดังกล่าวว่า หลังจากมีผลในทางปฏิบัติได้ประมาณ 1 เดือนก็ปรากฏว่าค่าเงินบาทก็ยังไม่อ่อนค่าลงตามที่ ธปท.ต้องการ นอกจากนั้นผลจากมาตรการดังกล่าวยังไม่ช่วยลดผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ ธปท.เข้าไปแทรกแซงค่าเงินบาทในช่วงปี 2548-2549 ที่ผ่านมา จึงแสดงให้เห็นว่ามาตรการนี้ไม่ได้ส่งผลดีต่อค่าเงินบาทอย่างแท้จริง ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธปท.ได้มีการประเมินในเบื้องต้นถึงวงเงินใช้จ่ายการออกพันธบัตร ธปท. และผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในการดูแลการแข็งค่าของค่าเงินบาท ณ สิ้นปี 2549 ของ ธปท.ว่าอยู่ที่ประมาณ 199,000 ล้านบาท โดยประเมินว่าเงินตราต่างประเทศที่ ธปท.รับซื้อทันที (spot) ตลอดทั้งปี 2549 อยู่ที่ 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 5 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ธปท.จะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งสิ้น 110,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ธปท. ได้ซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (swap) อยู่ที่ 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และถ้าคิดในลักษณะเดียวกัน (ขาดทุน 5 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ) จะขาดทุนประมาณ 35,000 ล้านบาท รวมเป็นผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 145,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ธปท.ยังมีรายจ่ายอัตราดอกเบี้ยพันธบัตร ธปท.ที่ออกมาเพื่อดูดซับสภาพคล่องจากการปล่อยเงินบาทแลกเงินดอลลาร์ในปี 2549 ซึ่งมียอดคงค้างจากการออกพันธบัตร 900,000 ล้านบาท เฉลี่ยอัตราดอกเบี้ย 6% ธปท.จึงต้องจ่ายเงินเพื่อดูดซับสภาพคล่องออกจากตลาดเงินอีก 54,000 ล้านบาท ทำให้ยอดความเสียหายของ ธปท.จากอัตราแลกเปลี่ยนและการออกพันธบัตรสูงถึง 199,000 ล้านบาท ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ในปี 2548 ซึ่งเป็นปีที่ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าต่อเนื่องเช่นกัน ธปท. ได้รายงานผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทสุทธิ 7,943 ล้านบาทเท่ากับว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (ปี 2548-2549) ธปท.มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการดูแลค่าเงินบาทประมาณ 206,943 ล้านบาท นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ผลขาดทุนจากการดูแลอัตราแลกเปลี่ยนของ ธปท.ที่ระดับ 200,000-300,000 ล้านบาทเป็นวงเงินที่น้อยมากเมื่อเทียบกับทุนสำรองทางการระหว่างประเทศที่มีสูงถึง 2,369,500 ล้านบาทหรือ 66,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และการขาดทุนนี้ถือว่าทางการยอมขาดทุนแทนภาคเอกชน ไม่เช่นนั้นเอกชนจะได้รับผลกระทบจากการแข็งขึ้นของค่าเงินบาทมากกว่าที่เป็นอยู่.

*** ไม่รู้ว่าปีๆนึง ธปท (ของเรา) ยอมขาดทุนแทนภาคเอกชนไปเท่าไหร่ และความโปร่งใสของการบริหารจัดการมีมากน้อยแค่ไหน ตัวเลขเท่าไหร่ถึงจะบอกว่ามันมากหรือน้อย เพราะหากเอาแต่มาคิดเปรียบเทียบกับเงินหน้าตักที่มี ยังไงมันก็คงไม่มีโอกาสขาดทุนจนหมดเงินหน้าตักอยู่แล้ว อยากให้ ธปท มองว่า 3 แสนล้านที่หายไปมันมากเพราะอย่างน้อยๆก็จะได้เพิ่มความรอบคอบ เพราะสิ่งที่ ธปท เข้าไปแทรกแซงมันก็ไม่ต่างจากการเข้าไปเล่นเก็งกำไร ที่ต้องทำตัวเป็นนักเก็งกำไรคนนึงเหมือนกัน มันมีทางอื่นไหมที่ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงกับเงินหน้าตักที่มี น่าจะเล่นในเกมส์ที่ตัวเองเป็นต่อมากกว่าการที่จะเอาตัวเองเข้าไปเล่นในตลาดโดยทำตัวเองเป็นนักเก็งกำไรคนนึง แต่อย่าออกมาตรการอะไรมาช๊อคนักลงทุนอีกหละ :-)

สกัดบาทฉุดมาร์เก็ตแคปวูบ 5 แสนล้าน

สถานการณ์ 1 เดือนภายหลังการประกาศใช้มาตรการกันเงินสำรอง 30% ที่จะเข้าลงทุนในประเทศไทย แม้ว่าภายหลังจะมีการผ่อนปรนมาตรการดังกล่าวให้กับเม็ดเงินที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตลาดทุนที่ถือว่ารุนแรงมากหลังการประกาศใช้ เนื่องจากส่งผลทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ประกาศใช้มาตรการดังกล่าว (19 ธ.ค.) ปรับตัวลดลงถึง 108 จุดซึ่งถือว่าเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ของตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้กระแสการต่อต้านการใช้มาตรการเนื่องจากหลายฝ่ายมองว่าเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงกับปัญหาที่ต้องการแก้ไข โดยในส่วนของสภาธุรกิจตลาดทุนไทยซึ่งประกอบด้วย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียน สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยต้องมีการร่วมหารือเพื่อประเมินผลกระทบจากมาตราการดังกล่าว แต่วันนี้(18 ม.ค.) ครบ 1 เดือนของการใช้มาตรการดังกล่าว ความชัดเจนกับเรื่องการประกาศยกเลิกหรือการผ่อนปรนใดๆ เพิ่มเติมยังไม่ถือว่าชัดเจน โดยดัชนีในช่วงระหว่าง(19 ธ.ค. - 18 ม.ค.) ปรับตัวลดลง 75.66 จุด หรือ 10.35% จาก 730.55 จุด ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์รวม หรือ มาร์เกตแชร์ ปรับตัวลดลง 4.8 แสนล้านจาก 5.4 ล้านล้านบาทเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ด้านความเคลื่อนดัชนีตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (18 ม.ค.) ดัชนีปิดที่ 654.89 จุด เพิ่มขึ้น 3.42 จุด หรือ 0.52% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 655.41 จุดและจุดต่ำสุดอยู่ที่ 650.23 จุด มูลค่าการซื้อขาย 10,005.92 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 669.44 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 139.75 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 529.69 ล้านบาท นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP ในฐานะประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวถึงการดำเนินการของธนาคารแห่งประเทศไทยหลังประกาศใช้มาตรการสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินบาทด้วยการกันสำรองเงินที่จะเข้ามาลงทุน 30% ซึ่งดำเนินการมาแล้วกว่า 1 เดือนว่า เรื่องดังกล่าวคงไม่สามารถประเมินอะไรได้มาก เพราะการประกาศใช้หรือยกเลิกเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลโดยตรงไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงกระทรวงการคลังว่าจะมีนโยบายในเรื่องดังกล่าวอย่างไร ทั้งนี้ สภาธุรกิจตลาดทุนไทยอยู่ระหว่างการรอตัวเลขผลกระทบที่เกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียนเกี่ยวกับการระดมทุนจากต่างประเทศเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจจากมาตรการดังกล่าว ซึ่งขณะนี้เท่าที่สอบถามมีหลายบริษัทได้ส่งตัวเลขเข้ามาที่สมาคมบริษัทจดทะเบียนเรียบร้อยแล้ว แต่สมาคมต้องการข้อมูลผลกระทบของบริษัทจดทะเบียนทุกแห่ง เพื่อประเมินตัวเลขก่อนจะนำเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียน โดยหวังว่าภายในสัปดาห์หน้าสภาธุรกิจตลาดทุนไทยน่าจะได้รับข้อมูลจากสมาคมบริษัทจดทะเบียนครบถ้วนและน่าจะนำเสนอได้ทันสัปดาห์หน้าทันที นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการผู้จัดการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โดยตัวเชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการพิจารณาในเรื่องมาตรการดังกล่าว โดยท่าทีน่าจะมีการผ่อนปรนมากขึ้น ส่วนในเรื่องการรวบรวมข้อมูลเพื่อสรุปผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวเสนอให้กับ ธปท.ก็จะยังคงดำเนินต่อไป โดยที่ผ่านมามีบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งที่ได้เข้ามาชี้แจงผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวโดยตรงกับ ธปท. ทำให้เชื่อว่าอาจจจะมีการผ่อนปรนในเร็วๆนี้ ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ยังประเมินสถานการณ์ในประเทศได้ค่อนข้างยาก หลายเรื่องที่ยังไม่น่าไว้วางใจการติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดเป็นเรื่องที่นักลงทุนจะต้องให้ความสนใจ **ติดใจกองอสังหาฯไม่ผ่อนปรน นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาสมาคม บลจ.ได้เสนอผลเสียหายจากมาตรการกั้นเงินสำรอง 30% ของธปท.ที่เกิดขึ้นกับการลงทุนผ่านกองทุนให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว เพราะการผ่อนปรนมาตรการในการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติได้รับยกเว้นเพียงการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น แต่กับไม่ยกเว้นการเข้ามาลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ สมาคม บลจ.คงไม่จำเป็นที่จะต้องเสนอผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการไม่ผ่อนปรนมาตรการ 30% ให้กับเม็ดเงินที่จะเข้ามาลงทุนในกองทุนต่างๆ เนื่องจากได้นำเสนอข้อมูลไปค่อนข้างมากแล้ว มันแปลกนะที่กองทุนอสังหาฯ ซึ่งก็ถือว่าเป็นหลักทรัพย์ตัวหนึ่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กับไม่ได้รับการยกเว้นเหมือนการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นในหลักทรัพย์ปกติ เราเสนอผลกระทบไปเยอะแล้วคงไม่จำเป็นจะต้องเสนออะไรเพิ่มเติมแล้ว นายมาริษกล่าว


ประเมินความเสียหายไม่ได้

นายอาจดนัย สุจริตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เจพี มอร์แกน (ประเทศไทย) ในฐานะประธานชมรมบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศ กล่าวว่า ผลกระทบจากมาตรการสำรอง 30% ของ ธปท. 1 เดือนที่ผ่านมาไม่สามารถประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวส่งผลต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้ คงต้องติดตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการร่วมหารือเพื่อหาแนวทางการแก้ไขที่ชัดเจนต่อไป ซึ่งหากมีการยกเลิกมาตรการดังกล่าวจะทำให้คลายความกังวลและมีการเข้ามาลงทุนภายในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง มาตรการดังกล่าวเราไม่เห็นด้วยมาตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะจะเกิดผลกระทบต่อการเข้ามาลงทุนในประเทศ แต่เราก็ยังคงทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้ความรู้กับนักลงทุนต่างชาติถึงการเคลื่อนไหวและแนวทางการแก้ปัญหาของมาตรการกันเงินสำรอง 30% และคอยเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง นายอาจดนัยกล่าว

( ขอบคุณบทความจากเวปพี่ร๊อคนะครับ)

 กลับขึ้นบน
arthor
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 803
#1 วันที่: 30/01/2007 @ 14:33:44 : re: "ธปท" ขาดทุนบักโกรก 3 แสนล้าน
.0002 .0002 .0002 .0002 .0002 .0002


พระเจ้าช่วย กล้วยทอด อยากไปเทรดเมืองจีนจริงๆ[/size:f5a8292484">
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#2 วันที่: 31/01/2007 @ 08:52:02 : re: "ธปท" ขาดทุนบักโกรก 3 แสนล้าน
มีบ้านเราเท่านั้นที่ถอยหลังอะ

.0002 .0002 .0002
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com