May 14, 2024   10:24:41 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กูรูไทยฟันธงซื้อ! ระบุราคายิ่งต่ำความเสี่ยงยิ่งน้อย เหตุพื้น
 

samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
วันที่: 30/01/2007 @ 22:28:53
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

PTT ถูกย่ำยีรอบใหม่ ทุบราคาวูบลงต่ำกว่าระดับ 200 บาทอีกรอบ ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นกว่า 1.7 พันล้านบาท เซียนหุ้นฟันธงเป็นฝีมือขายทิ้งของสองโบกเกอร์ต่างชาติเจพี มอร์แกน และ ยูบีเอส ประเทศไทย และกองทุนระยะสั้น หลังเห็นแนวโน้มผลประกอบการปี 49 ไม่สวย และความเสี่ยงรุมเพียบจากราคาน้ำมันวูบ-ศาลปกครองเลื่อนการพิจารณาออกไปอีก 6 เดือน-แผนขยายการลงทุนในมาบตาพุดชะลอ แต่เซียนหุ้นไทยยังฟันธงซื้อลงทุนยาวเหตุพื้นฐานยังเจ๋ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการซื้อหุ้นบนกระดานวานนี้หุ้นบมจ.ปตท. (PTT) ได้ถูกเทขายออกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงแรกของการเปิดการซื้อขายภาคเช้าจนราคาลงไปทำ Low ที่ระดับ 196 บาท เมื่อเวลา 15.00 น.ก่อนปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในช่วงท้ายของการซื้อขาย จนราคาปรับตัวขึ้นมาปิดที่ระดับ 198.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,751.80 ล้านบาท กลายเป็นหุ้นอันดับ 1 ที่กดดัชนีฯถึง 1.5950 จุด ในขณะที่ดัชนีฯปิดปรับตัวลดลงเพียง 0.43 จุด มาอยู่ที่ระดับ 653.49 จุด

- วงการคาดหุ้น PTT วูบเพราะราคาน้ำมัน-สัญญาณจากซาอุฯ
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่งกล่าวว่า ราคาหุ้น บมจ.ปตท.หรือ PTT ที่ปรับตัวลดลงแรง ส่วนหนึ่งคงเกิดจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับลดลง โดยราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ล่าสุดปรับตัวลดลงอีก 1.41 เหรียญต่อบาร์เรล อยู่ที่ 54.01 เหรียญต่อบาร์เรล

นอกจากนั้น ยังมีข่าวว่าเอกอัครราชทูตซาอุดิอาระเบียประจำสหรัฐออกมาระบุว่า ราคาน้ำมันในปัจจุบันซึ่งร่วงลงราว 12 % นับตั้งแต่ต้นปีนี้สู่ระดับเกือบ 50 เหรียญต่อบาร์เรลนั้นเป็นราคาที่เหมาะสมสำหรับทั้งประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภค จึงส่งผลให้นักลงทุนที่เข้ามาเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มน้ำมันรับข่าวราคาดิบในตลาดโลกคาดการณ์ว่า มีโอกาสน้อยที่ราคาน้ำมันจะปรับเพิ่มสูงขึ้นแบบโดดเด่นอีก และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจะเป็น บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) เพราะฉะนั้นย่อมส่งผลกระทบรายได้ของ PTT ประมาณ 30% ตามสัดส่วนการถือหุ้น

อย่างไรก็ดี ประเมินว่ากำไรสุทธิของ PTT ที่ไม่นับรวมรายการพิเศษในปีนี้จะปรับลดลง 2-4% เทียบกับปีก่อน เนื่องจากประเมินว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับ 52 ดอลลาร์ต่อบาเรล จากเดิม 57 ดอลลาร์ต่อบาเรล

ราคาน้ำมันปรับลดลงทุก 1 เหรียญจะกระทบ 1.5% ของกำไรสุทธิ อย่างไรก็ดี มองว่าจากนี้ไปโอเปกคงไม่ลดกำลังการผลิต โดยจะรักษาไว้ในระดับนี้ เพราะฉะนั้นราคาน้ำมันก็คงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้ แต่สุดท้ายกลไกลตลาดก็คงทำให้ปรับลดลงมา นักวิเคราะห์ กล่าว ทั้งนี้ ยังคงแนะนำซื้อ PTT ประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ 280 บาทต่อหุ้น

- ซิกโก้เชื่อราคาน้ำมันเป็นเหตุ
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซิกโก้ กล่าวว่าราคาหุ้นพลังงานที่ปรับตัวลดลงอย่างมากตลอดการซื้อขายในวันนี้ โดยเฉพาะแรงเทขายหุ้นพลังงาน PTT,PTTEP ,TOP อาจเป็นผลจากความกังวลว่าหุ้นกลุ่มพลังงานจะเสียประโยชน์ หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกมีการปรับลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเด็นกรณีที่เอกอัครราชทูตซาอุดิอาระเบียประจำสหรัฐ ออกมาประกาศว่าราคาน้ำมันในปัจจุบันที่ปรับลดลงราว 12% นับจากต้นปีนี้สู่ระดับเกือบ 50 เหรียญต่อบาร์เรลนั้นเป็นราคาที่เหมาะสมสำหรับทั้งประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภค ก็เป็นตัวแปรสะท้อนว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะยังไม่ปรับขึ้น ขณะเดียวกันยังมีโอกาสปรับลดลงได้อีก

อย่างไรก็ตาม หากกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก) มีการเพิ่มกำลังผลิตในการประชุมวันที่ 15 มีนาคม 2549 อาจทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงถึง 50 เหรียญต่อบาร์เรล และยังมีโอกาสลดลงไปถึง 40 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งหากถึงเวลานั้นอาจทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานได้รับผลกระทบมาก

วันนี้มีแรงเทขายออกมามากในกลุ่มพลังงาน นำทีมมาโดย PTTและ PTTEP โดยคาดว่านักลงทุนทั้งไทยและเทศเป็นผู้ขายทิ้ง ซึ่งประเด็นหลักๆคงเป็นเรื่องราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลง ส่วนเรื่อง PTT ถูกฟ้องให้ออกจากตลาดฯมองว่าไม่มีผล เพราะนักลงทุนรับรู้ไปแล้วเลยไม่กังวลเท่าไหร่ นักวิเคราะห์ กล่าว

- พัฒนสินคาดเป็นผลจากรับข่าวบ.ในเครือผลงานอาจต่ำกว่าคาด
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน เปิดเผยว่ายังไม่ทราบสาเหตุที่ราคาหุ้น บมจ.ปตท. (PTT)มีแรงเทขายออกมามาก จนหุ้นปรับลดลงถึง 4 บาท และมีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในวันนี้ แต่เท่าที่มีข่าวน่าจะเป็นประเด็นราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลง ประกอบกับอีกไม่นานบริษัทในกลุ่ม ปตท.จะทยอยประกาศผลประกอบการออกมา ซึ่งอาจมีทั้งที่เป็นไปตามที่คาดการณ์และต่ำกว่าที่โบรกเกอร์คาดการณ์ เช่น บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ที่กำไรอาจจะออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อกำไรของ PTT ได้ จึงมีผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาดังกล่าว

- วงการคาดเป็นเพราะข่าวร้ายรุมรอบด้าน
ในขณะที่นักวิเคราะห์อีกรายหนึ่งกล่าวว่า ราคาหุ้น PTT ที่ปรับลดลงต่อเนื่องในวันนี้ คาดว่าเป็นผลมาจากความกังวลเรื่องข่าวร้ายที่รุมเร้า PTT อยู่ในขณะนี้ ทั้งประเด็นราคาน้ำมันที่ปรับลดลง และมีแนวโน้มลดลงได้อีกตามการส่งสัญญาณของซาอุดิอาระเบีย ประเด็นที่ศาลปกครองเลื่อนการพิจารณาคำร้องออกไปอีก 6 เดือน รวมทั้งประเด็นที่ บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCH อาจต้องชะลอแผนการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เพื่อรอความชัดเจนเรื่องประเด็นสิ่งแวดล้อม

โดยก่อนหน้านี้ นายอดิเทพ พิศาลบุตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCH เคยให้สัมภาษณ์ว่าแผนการลงทุนของบริษัทฯ ในระยะเวลา 4 ปีข้างหน้า (2550-2553) จะใช้เงินลงทุน 1 แสนล้านบาท เพื่อขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยในปีนี้จะใช้เงินลงทุนประมาณ 3 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายการลงทุนใน เอทิลีน 1 ล้านตัน ที่มาบตาพุด

ขณะที่นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT กล่าวว่า PTT คงจะต้องรอมาตรการและผลการศึกษาของหน่วยงานราชการในเรื่องสิ่งแวดล้อมให้มีความชัดเจนว่า จะมีการกำหนดมาตรการหรือกฏเกณฑ์อย่างไร เพื่อที่บริษัทฯ จะได้กำหนดแผนโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดของบริษัทฯ ว่าจะต้องดำเนินการตามมาตรฐานอย่างไร

จากปัจจัยดังกล่าวจึงทำให้คาดว่า ทิศทางของราคาหุ้น PTT ในระยะเวลาอันใกล้นี้คงจะไม่ดีนัก เพราะปัจจัยที่ทั้งหมดอาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นได้ กองทุนระยะสั้นได้เทขายหุ้นออกมาอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากมองว่าราคาหุ้น PTT อาจมีโอกาสปรับลดลงได้อีก และสามารถกลับเข้ามาซื้อลงทุนใหม่ได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เขามองว่าแม้ PTT จะมีประเด็นที่เป็นความเสี่ยงรออยู่ แต่ด้วยความที่เป็นผู้นำในหลายกลุ่มธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง และเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เชื่อว่าราคาหุ้นจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ในอนาคต เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวไม่ได้กระทบปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้นจึงแนะนำนักลงทุนให้ซื้อลงทุนได้ โดยเฉพาะยิ่งราคาลดต่ำลงมากเท่าไหร่ ก็จะมีความเสี่ยงเรื่องราคาหุ้นน้อยลง

 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#1 วันที่: 30/01/2007 @ 22:30:00 : re: กูรูไทยฟันธงซื้อ! ระบุราคายิ่งต่ำความเสี่ยงยิ่งน้อย เหตุ
- เซียนหุ้นคาดเป็นฝีมือ 2 โบรกฯต่างชาติ
ด้านนักวิเคราะห์อีกรายหนึ่งกล่าวว่า เชื่อว่าแรงขายในหุ้น PTT วันนี้มาจาก 2 โบรกเกอร์ต่างชาติรายใหญ่ คือ เจพี มอร์แกน และยูบีเอส ประเทศไทย ส่วนปัจจัยในการเทขายวันนี้คงไม่สามารตอบได้ เพราะไม่ใช่โบรกเกอร์เกอร์ที่เทขายหุ้นออกมาดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการสรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่มในวันนี้พบว่านักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 730.06 ลบ.จากที่เคยซื้อสุทธิมาอย่างต่อเนื่อง และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 223.22 ลบ.

- ฟิทช์ ลดมุมมองเครดิตของ PTT จากแนวโน้มเป็นบวกเป็นมีเสถียรภาพ
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปลี่ยนแนวโน้มเครดิตของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. เป็นมีเสถียรภาพจากแนวโน้มเป็นบวก ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มได้ลดการลงทุนในหุ้น PTT มาบางส่วนแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากประเมินว่ามุมมองต่อหุ้นของ PTT ในสายตาของนักลงทุนต่างชาติลดความแข็งแกร่งลง

โดยระบุว่าการเปลี่ยนแนวโน้มเครดิตของปตท. เป็นผลมาจากการที่ฟิทช์เห็นว่าปตท. มีแผนการลงทุนที่สูงอย่างต่อเนื่องและมีการปรับลดประมาณการความสามารถในการสร้างกำไรของบริษัทลง โดยเป็นผลมาจากความล่าช้าในการเริ่มดำเนินการของโครงการใหม่ (ซึ่งได้แก่โครงการแหล่งขุดเจาะก๊าซธรรมชาติอาทิตย์และท่อส่งก๊าซเส้นที่สาม และจากการลดลงของอัตราส่วนกำไรอันมีสาเหตุมาจากต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินของปตท.สูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และยังทำให้ต้องเผชิญกับระยะเวลาที่มีกระแสเงินสดสุทธิติดลบนานกว่าที่คาดไว้อีกด้วย

นอกจากนี้ ปตท. ยังมีการเพิ่มการลงทุนมากขึ้นในธุรกิจปิโตรเคมีที่มีความผันผวนในวัฏจักรราคากว่าธุรกิจก๊าซธรรมชาติในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะได้รับประโยชน์จากการกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจที่ครบวงจรมากขึ้น

อย่างไรก็ดี อันดับเครดิตของปตท.ยังคงแข็งแกร่งอย่างมากซึ่งสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของปตท.ในธุรกิจก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในประเทศไทย ความสำคัญของปตท.ในการสนองนโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวกับความมั่นคงทางด้านพลังงานในประเทศไทย รวมถึงการกำหนดทิศทางการพัฒนากิจการพลังงานของประเทศ อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่แข็งแกร่งโดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ การสนับสนุนจากรัฐบาล คณะผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจเป็นอย่างดี และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง

ปตท.ได้รับประโยชน์จากการเป็นผู้ดำเนินการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ การจัดหาและการจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติเพียงรายเดียวในประเทศไทย เนื่องจากปตท.มีเครือข่ายระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติที่ครอบคลุมพื้นที่การใช้ก๊าซธรรมชาติเพียงรายเดียวในประเทศ และมีสัญญาการจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติระยะยาวกับผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ทุกรายในประเทศ

นอกจากนี้การลงทุนที่สูงในการก่อสร้างระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติได้มีส่วนช่วยจำกัดการแข่งขันจากผู้ลงทุนรายใหม่อีกด้วย

ปตท.ยังเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทย โดยผ่านการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) โดยมีปริมาณสำรองปิโตรเลียมมากที่สุด และมีปริมาณการผลิตปิโตรเลียมสูงเป็นอันดับที่สองในประเทศไทย ปตท.ยังเป็นผู้จัดหาและจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติที่ใช้ในประเทศไทยเกือบทั้งหมด และเป็นผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ในธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเป็นธุรกิจที่สำคัญสำหรับปตท.ในการสร้างกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และยังสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ค่อนข้างคงที่

โดยเป็นผลมาจากสัญญาการจัดจำหน่ายระยะยาวซึ่งมีการกำหนดปริมาณการซื้อขั้นต่ำจากคู่สัญญาในลักษณะ take-or-pay รวมถึงความสามารถในการส่งผ่านต้นทุนการขายให้แก่ลูกค้าและความผันผวนที่น้อยกว่าของราคาก๊าซธรรมชาติเมื่อเทียบกับราคาน้ำมัน

ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2549 ปตท. มีอัตราการการเติบโตของ EBITDA ที่แข็งแกร่ง เพิ่มขึ้น 29.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.12 แสนล้านบาท ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมและการควบรวมบริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ในขณะที่ EBITDA margin ของปตท. ลดลงมาที่ 12% ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2549 จาก 12.7% เมื่อเทียบกับช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2548 อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้อัตราส่วนกำไรต่อราคาขายลดลง

อัตราส่วนหนี้สินของปตท.ยังคงแข็งแกร่งเนื่องจากความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งโดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.1 เท่า ณ สิ้นไตรมาสที่สามปี 2549 (เทียบกับ 1.3 เท่า ณ สิ้นปี 2548) และมีอัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายที่ 11.1 เท่า (เทียบกับ 11.2 เท่า ในปี 2548)

การเปิดใช้ท่อส่งก๊าซเส้นที่สามได้ล่าช้าออกไปเป็นในไตรมาสแรกของปี 2550 ในขณะที่กำหนดการเริ่มดำเนินการผลิตก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอาทิตย์ได้เลื่อนออกไปเป็นไตรมาสแรกของปี 2551 ความล่าช้าของแหล่งอาทิตย์ส่งผลต่ออัตราการเติบโตของรายได้ของบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ในขณะที่การเลื่อนการเปิดใช้ท่อส่งก๊าซเส้นที่สาม รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการเลื่อนการปรับขึ้นค่าผ่านท่อออกไปน่าจะส่งผลให้ประมาณการอัตราการเติบโตของรายได้ของธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติลดลงจากประมาณการที่ทำไว้เมื่อปีที่ผ่านมา

อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงแผนการลงทุนในอนาคตของปตท.ที่มีขนาดใหญ่ ความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจของบริษัทต่อความผันผวนของราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงในเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางด้านกฎระเบียบและทางด้านการเมือง ปตท. ประกาศแผนการลงทุน 5 ปีในโครงการต่างๆ มูลค่า 2.1 แสนล้านบาทในช่วงปี 2550 ถึง 2554 โดยได้มีการปรับเพิ่มการลงทุนในช่วงปี 2550 ถึง 2553 จากแผนเดิมประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท

เนื่องจากการเพิ่มการลงทุนในการก่อสร้างโรงแยกก๊าซโรงที่เจ็ด การปรับเพิ่มเงินลงทุนในโครงการต่างๆ และการเลื่อนการใช้จ่ายเงินในโครงการท่อส่งก๊าซเส้นที่สามเนื่องจากความล่าช้า การลงทุนที่สูงอย่างต่อเนื่องน่าจะทำให้ภาระหนี้สินสุทธิของปตท.เพิ่มขึ้น

แต่อย่างไรก็ตามสถานะทางการเงินและสภาพคล่องของบริษัทน่าจะยังคงแข็งแกร่งอยู่ โดยที่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิของบริษัทน่าจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2.0 เท่าของ EBITDA

รัฐบาลกำลังดำเนินการแก้ไขพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเรื่องอำนาจ สิทธิ และผลประโยชน์ของปตท. เพื่อที่จะโอนอำนาจที่ควรเป็นของรัฐฯกลับไปสู่ภาครัฐฯ อย่างไรก็ตามการโอนอำนาจ สิทธิ และผลประโยชน์ดังกล่าวไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของปตท.
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com