ปีนี้หุ้นขนาดใหญ่ที่นักลงทุนต่างชาติถือจะผันผวน โบรกเกอร์แนะนำเลือกลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็ก ส่วนปัจจัยบวกที่สนับสนุนหุ้นไทยคือ แนวโน้มดอกเบี้ยขาลง และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายการตลาดลูกค้าบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด กล่าวว่า เมื่อเกิดระเบิดได้มีการประเมินดัชนีบนความเสี่ยงสูงสุดที่ระดับ 730 จุด แต่ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายในทางที่ดีขึ้น ค่าความเสี่ยงเดิมที่เคยใช้ในการประเมินดัชนีหุ้นไทยที่ร้อยละ 7-8 ควรจะต้องจะปรับลดลง นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยบวก คือ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง ซึ่งคาดว่าปีนี้ดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบจะลดลงร้อยละ 1 เป็นผลดีให้ต้นทุนการกู้และระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนลดลงตาม ทั้งนี้ หากอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้เติบโตที่ร้อยละ 4 ขณะที่เอเชียเติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 5 อัตราการจ่ายเงินปันผลของตลาดหุ้นไทยเฉลี่ยสูงกว่าร้อยละ 5 ขณะที่ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3

หากพิจารณาจากปัจจัยข้างต้น ราคาหุ้นที่ถูกกว่าและให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีกว่า สะท้อนถึงความน่าสนใจในการเข้ามาลงทุน แต่สาเหตุที่อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ หรือ พีอี เรโช ของตลาดหุ้นไทย อยู่ที่ระดับ 8-9 เท่า เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน อยู่ที่ 14 เพราะมีปัจจัยภายในประเทศเข้ามากดดัน ซึ่งการปรับขึ้นของพีอี เรโช ทุก 1 เท่า หมายถึงการปรับขึ้นของดัชนีประมาณ 75-80 จุด

นายพิชัย กล่าวด้วยว่า ในปีนี้หุ้นขนาดใหญ่มีทิศทางที่ผันผวน เนื่องจากเงินต่างชาติที่เข้ามาลงทุนยังเป็นเม็ดเงินเดิมที่ยังไหลออกไม่หมด หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศมาตรการกันสำรองร้อยละ 30 เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2549 ส่วนเม็ดเงินใหม่ต้องรอดูทิศทางช่วงครึ่งปีหลังว่าจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยหรือไม่

?ในปีนี้นักลงทุนอย่าหวังต่อพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติมากนัก ขณะที่การลงทุนในตัวหุ้นควรเน้นหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กเป็นหลัก และให้เลือกลงทุนในหุ้นรายตัวแทนการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรม? นายพิชัยกล่าว

.00020