May 17, 2024   11:21:08 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบ ...กระซิบ...กระซิบ !!!
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 12/02/2007 @ 10:43:32
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ที่มา : K.KRAZIP

SET Index วันศุกร์ที่ 9 ก.พ. ปิดที่ 695.27 จุด +3.99 จุด มูลค่าการซื้อขาย 17,795 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 3,948.68 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 1,386.90 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิที่ 2,561.77 ล้านบาท ดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ยังบวกต่อเนื่องแต่แรงซื้อแผ่วลงจากเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดูแล้วตลาดยังพอมีแรงแต่ก็ยังไปได้ไม่ถึงดัชนีที่ 700 จุด ซึ่งเป็นระดับที่เป็นแนวต้านทั้งทางเทคนิคและจิตวิทยาของนักลงทุน เมื่อดัชนีปรับขึ้นสูงสุดเพียง 697.83 จุดก็เกิดแรงเทขายออกมาก่อนโดยบวกไป 6.55 จุดแล้วอ่อนตัวลงที่ดัชนี 691.76 จุด เหลือบวกแค่เพียง 0.48 จุด แต่แม้แรงซื้อที่กลับเข้ามาจะแผ่วลงไปแต่ก็ยังไม่เกิดแรงขายมากทำให้ดัชนีดีดตัวขึ้นอีกซึ่งทำให้ดัชนีสามารถเคลื่อนไหวในแดนบวกอยู่ได้ตลอดวัน โดยตลาดยังคงมีแรงซื้อขายมากในหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงาน ส่วนหุ้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ต่างอ่อนแรงปรับตัวลดลง ทางด้านนายวิจิตร ประธานกรรมการ ตลท. คาดว่า SET Index จะปรับขึ้นถึง 800 จุดในช่วงปลายปี50 ได้ มุมมองของต่างชาติมองว่าปัจจัยบวกมากกว่าลบ นโยบายการลงทุนของรัฐมีความชัดเจนและมีข่าว กบข.จะเข้ามาลงทุนมากขึ้นรวมทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไม่ได้ลดลง P/E 8 เท่ายังต่ำกว่าประเทศอื่น บวกกับมาตรการผ่อนคลาย 30% ก็จะเป็นปัจจัยบวกที่จะช่วยผลักดันการขยับขึ้นของดัชนีหุ้นไทยด้วย

ETG ราคาเปิด 5.60 บาท ราคาปิด 5.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 16.35 ล้านบาท คาดการณ์ยอดขายปี2550 เติบโตราว 30% อยู่ 1.3 พันลบ. จากปีก่อนที่มียอดขายประมาณ 1 พันลบ. โดยมองว่าธุรกิจโลจิสติคส์ในปี50 จะขยายตัวได้ดีเพราะได้รับแรงหนุนจากภาครัฐบาล ในขณะที่ในส่วนภูมิภาคเอเชียก็มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นจากการที่มีบริษัทควบรวมกิจการมากขึ้น โดยปี 50นี้ ETG เน้นรับลูกค้าตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางและจะมีการผสมทั้งในส่วนของเครื่องบิน เรือและรถไฟ ด้านการบริหารขณะนี้ ETG มีการติดตั้งถัง NGV ในรถบรรทุกโดยมีเป้าหมายในปีนี้ว่าจะมีการติดตั้งทั้งหมด 50 คัน ทั้งนี้จะช่วยลดต้นทุนได้ 12% ขณะที่สามารถลดเชื้อเพลิงได้ถึง 40% ด้านราคาหุ้นแนวโน้มระยะกลางก็ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยมีสิทธิที่จะขยับขึ้นไปทดสอบแนวต้านจากกรอบ Sideways แถว 5.70-5.75 บาท กอปรกับการฟอร์มตัวของราคาช่วงที่ผ่านมา Indicators ต่างๆ ที่เริ่มฟอร์มตัวดีขึ้น ทำให้มีโอกาสค่อนข้างมากที่ราคาจะสามารถวิ่งผ่านแนวต้าน K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร แนวรับ 5.40 บาท แนวต้าน 5.85 บาท

PTT ราคาเปิด 210 บาท ราคาปิด 214 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,445.71 ล้านบาท คาดว่า ผลการดำเนินงานQ4/49 จะมีกำไรสุทธิ 19,890 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% YoY แม้ว่าผลกำไรของ PTTEP และธุรกิจโรงกลั่น จะลดลง แต่ผลกำไรของธุรกิจก๊าซที่เติบโตต่อเนื่องตามความต้องการและผลกำไรที่ฟื้นตัวของธุรกิจปิโตรเคมี รวมไปถึงกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เข้ามาชดเชยนั้น ส่วนปี 2550 ได้ประมาณการกำไรปกติลดลง 11% เป็น 79,586 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าผลกำไรของธุรกิจก๊าซจะยังเติบโตได้, ผลกำไรของ PTTEP และส่วนแบ่งผลกำไรของธุรกิจปิโตรเคมี คาดว่าจะทรงตัว ในขณะทีส่วนแบ่งผลกำไรจากธุรกิจโรงกลั่นคาดว่าจะลดลงตามค่าการกลั่นที่อ่อนตัวลง เมื่อบวกกับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และคาดว่า

PTTจะจ่ายเงินปันผลในงวดครึ่งปีหลังได้ไม่ต่ำกว่า 5 บาท/หุ้น (จ่ายเงินปันผลในครึ่งปีแรกไปแล้ว 5 บาท/หุ้น) ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อลงทุน หาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวและรอรับปันผลด้วย แนวรับ 208 บาท แนวต้าน226 บาท

BANPU ราคาเปิด 185 บาท ราคาปิด 182 บาท มูลค่าการซื้อขาย 219.47 ล้านบาท คาดการณ์ประกาศผลประกอบการ Q4/49( 23 ก.พ.50) จะมีกำไรสุทธิปกติประมาณ 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% QoQและ 95% YoY จะมาจากส่วนแบ่งกำไรจากBLCP ซึ่ง BANPU ถือหุ้นในสัดส่วน 50% ส่วนธุรกิจถ่านหินน่าจะดีขึ้นเนื่องจากปริมาณการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น 21%QoQเป็น 6.4 ล้านตัน จากเหมือง Trubaindo และปัจจัยที่จะส่งผลบวกในระยะสั้นคือแผนการนำบริษัทลูกที่ทำธุรกิจถ่านหินในอินโดนีเซียเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซียภายในปีนี้ ซึ่ง สามารถรับรู้กำไรราวหุ้นละ 15 บาท อีกประเด็น BANPU จะไม่เข้าร่วมการประมูล IPP แต่จะหันไปเน้นโครงการของ Hongsa Lignite เป็นโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินขนาด 1,500MW ในลาว ซึ่งน่าจะเป็นโครงการที่มีความแน่นอนค่อนข้างสูง นอกจากจะเป็นบริษัทที่ผลประกอบการเติบโต และยังเป็นหุ้น dividend plays ที่น่าจะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 6% ซึ่งคาดว่าจะจ่ายปันผลอีกประมาณ 3.2 บาท/หุ้น (จ่ายแล้ว3.25 บาท/หุ้น ) K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ แนวรับ 182 บาท แนวต้าน189 บาท

SATTEL ราคาเปิด 7.80 บาท ราคาปิด 7.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 25.42ล้านบาท จากข่าวดีเรื่องการจะเซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหม่ประเทศอินเดียประมาณQ 2/50 และแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นกว่าปี 49 เพราะในส่วนของลูกค้าประเทศจีนมีการใช้กำลังการผลิตมากขึ้น อีกทั้งแนวโน้มยอดขายอุปกรณ์ปลายทางดาวเทียมไอพีสตาร์ หรือ UT ก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน และSATTELยังคาดว่ารายได้จากการให้บริการดาวเทียมไอพีสตาร์น่าจะเติบโตเท่าตัว หรือใกล้เคียงกับปี 49 ที่คาดว่าจะมีรายได้ประมาณกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งวางเป้าหมายรายได้หลักน่าจะมาจากการให้เช่าทรานสปอนเดอร์มากกว่ารายได้จากการขายเครื่องรับอุปกรณ์ปลายทางดาวเทียมไอพีสตาร์ หรือUT โดยในQ1/50 ตั้งเป้าหมายที่จะเข้าไปติดตั้งเกตเวย์ในอินเดียอีก 2 แห่ง คือที่เมืองมุมไบ และนิวเดลี ซึ่งจะเป็นเกตเวย์ในรุ่นที่ 2 จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 1 แห่งและ SATTEL ยังมีข่าวดีกับการคาดการณ์ถึงผลการดำเนินงานของ SATTEL ว่า มองว่าQ4/49 จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติเพิ่มขึ้นดีกว่าในช่วงQ3 เนื่องจากไม่ต้องบันทึกต้นทุนค่าเสื่อมจากดาวเทียมไทยคม 3 แล้ว

ขณะที่การให้บริการโทรศัพท์มือถือในกัมพูชา ในQ 4 ก็ถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่น ซึ่งปีนี้ SATTELน่าจะทำกำไรมากกว่าปีก่อนดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ?ซื้อ? แนวรับ 7.40 บาท แนวต้าน 8.20 บาท

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com