May 17, 2024   8:08:19 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้น
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 14/02/2007 @ 09:09:19
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.เคจีไอแนะนำซื้อ Hemarajราคาเป้าหมาย 1.13 บาทเหมราชปิดยอดขายที่ดินในปี 2549 ที่ 712 ไร่ โดยที่ขายได้ในไตรมาส 4/49 ไตรมาสเดียวถึง 419 ไร่ใน 6 เขตอุตสาหกรรม ยอดขายที่โดดเด่นมาจาก Hemaraj EasternIndustrial Estate (Hemaraj EIE) ที่มาบตาพุด ซึ่งคิดเป็นกว่าครึ่งของยอดขายที่ดินทั้งปี ยอดขายนี้เป็นไปตามความคาดหมายของเราที่ว่าอุตสาหกรรมปิโตรเคมีจะจุดพลุยอดขายที่ดินของเหมราชในไตรมาส 4/49 และต่อเนื่องไปในปี 2550 ดังจะเห็นได้จากตัวเลขใบสมัครเพื่อขอรับการส่งเสริมการลงทุนสุทธิจากบีโอไอในกลุ่มนี้ คาดกำไรไตรมาส 4/49เพิ่ม YoY และ QoQผลจากการขายที่ดินที่ดีในไตรมาส 4/49 เราคาดว่าเหมราชจะรายงานผลกำไร 278 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 24% YoY และ 43% QoQ อย่างไรก็ดี ผลกำไรจะดีกว่านี้หากการก่อสร้างโครงการปาร์คคอนโดมิเนียมคืบหน้าไปตามกำหนด การก่อสร้างคอนโดมิเนียมที่คาดจะเสร็จ 75% ในปี 2549 แล้วเสร็จเพียง 65% และไม่มียอดขายเพิ่มในไตรมาส 4/49 ทำให้ยอดขายกว่า 2.7 พันล้านถูกเลื่อนมาบันทึกในปี 2550 ทำให้กำไรในปีนี้ดีขึ้น สำหรับในไตรมาส 1/50 เหมราชขายห้องในโครงการเดอร์พาร์คเพิ่มอีก 3 ห้องเป็น185 ห้อง และคาดว่าจะขายส่วนที่เหลืออีก 34 ห้องในปีนี้ อัตรา IndustrialCapacity Utilization และยอดใบสมัครขอรับการส่งเสริมการลงทุนสุทธิ ทำให้คาดเดาได้ว่ายอดขายที่ดินของเหมราชในปี 2550 จะสดใส สำหรับในไตรมาส 4/49 อัตราCapacity Utilization ของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและรถยนต์เพิ่มสูงขึ้นถึงระดับ 91%และ 78% ตามลำดับ แสดงให้เห็นถึงช่วงของการขยายการลงทุนและความต้องการที่ดินใหม่ในอนาคต


บล.กิมเอ็งแนะนำถือ GRAMMYราคาเป้าหมาย 7.20 บาทกำไรไตรมาส 4/49 ของ GRAMMY คาดว่าจะตกลง 56% yoy เป็น 47 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจวิทยุและการจัดกิจกรรมการตลาดที่ชะลอตัวลง ประกอบกับธุรกิจภาพยนตร์ที่มีผลขาดทุนจากเรื่อง หมากเตะรีเทิร์น ส่วนภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่ฉายในไตรมาสเดียวกันนี้คือเก๋า เก๋า นั้นคาดว่าเสมอตัว สำหรับธุรกิจหลักของบริษัทคือธุรกิจเพลงคาดว่าจะอยู่ในระดับเดียวกับปีก่อนหน้าแต่เพิ่มขึ้น qoq เนื่องจากมีอัลบั้มเพลงที่ขายดี เช่น Boy-Peachmaker,Clash และ Potato รวมทั้งอัลบั้มรวมเพลงฮิตเราได้ปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทในปี 2549 และ 2550 ลง 12% และ 14% ตามลำดับสะท้อนถึงการชะลอตัวของการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคและเม็ดเงินโฆษณา โดยเราประเมินว่ากำไรปี 2549 จะลดลง 28%เป็น 219 ล้านบาท (0.45 บาท/หุ้น) เนื่องจากธุรกิจวิทยุและภาพยนตร์ที่อ่อนลง รวมทั้งดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นมาก อย่างไรก็ดีเราคาดว่ากำไรปีนี้จะฟื้นตัวขึ้น 25% เป็น 272 ล้านบาท (0.56 บาท/หุ้น) ในปีนี้ GRAMMY มีนโยบายเน้นการสร้างรายได้มากขึ้นหลังจากปีที่ผ่านนั้นมีการเน้นลดต้นทุนการผลิตอัลบั้มเพลงและต้นทุนธุรกิจวิทยุ โดยบริษัทจะพยายามสร้างSynergy ของธุรกิจภายในกลุ่มรวมทั้งปรับโครงสร้างธุรกิจที่ไม่ทำกำไร เช่น ธุรกิจในต่างประเทศ (ไต้หวัน) สำหรับธุรกิจสื่อโดยเฉพาะวิทยุนั้นก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นในปีนี้ อย่างไรก็ดีธุรกิจเพลงยังไม่น่าจะมีการเติบโตที่มีนัยสำคัญได้หากปัญหาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ ธุรกิจดิจิตอลก็ดูเหมือนว่าจะไม่ขยายตัวมากอย่างที่บริษัทคาดการณ์


บล.ธนชาตแนะนำซื้อ TIESราคาเป้าหมาย 3.50 บาทประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TIES เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตขึ้น 15-18% ในปีนี้ และจะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 1.1-1.2 พันล้านบาท เนื่องจาก บริษัทฯ มีbacklog หลายโครงการมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท และมีงานต่อเนื่องจากปีก่อนอีกประมาณ700-800 ล้านบาท ที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้และยังอยู่ระหว่างการเข้าร่วมประมูลโครงการกว่า 10 โครงการ มูลค่ารวมหลายพันล้านบาท จึงมั่นใจว่ารายได้รวมน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทางฝ่ายกลยุทธ์ประมาณการมูลค่างานประมูลทั้งปี 2006 ของ TIESไว้ที่ 1.37 พันล้านบาท และคาดว่า ณ สิ้นปี 2006 บริษัทฯ จะมี backlog อยู่ที่654 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2007 นั้น เราประมาณการว่า TIES จะประมูลงานใหม่ได้ราว 1.5 พันล้านบาท โดยงานส่วนใหญ่ที่ประมูลน่าจะเป็นงานของเอกชนที่ TIES มีtrack recordอยู่เดิม และเป็นงานก่อสร้างอาคารโรงงานที่บริษัทฯ มีความชำนาญงานสูง จาก backlogที่มีอยู่ รวมกับงานประมูลใหม่ในปี 2007 ทำให้เราประมาณการว่าบริษัทฯ จะมีการรับรู้รายได้จากกการก่อสร้างในปี 2007 ที่ราว 1.35 พันล้านบาท จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นประกอบกับในปี 2007 จะเป็นงวดบัญชีแรกที่บริษัทฯ จะเริ่มใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้จากการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด MAI (อัตราภาษีเงินได้ลดจาก 30% เหลือเพียง 20%) ดังนั้น เราจึงประเมินว่า TIES จะมีกำไรเติบโตขึ้นสูงถึง 40% ในปี 2007 เป็น 60ล้านบาท จากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่คาดว่ายังเติบโตต่อเนื่องในปีนี้


บล.เกียรตินาคินแนะนำถือ TRUEราคาเป้าหมาย 8.40 บาทเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางบัญชี ทำให้ TRUE จะมีการปรับปรุงรายการภาษีเงินได้รอตัดบัญชี (Deferred Tax) ประมาณ 1,000 - 4,000 ล้านบาท ซึ่งต้องรอผู้สอบบัญชีอนุมัติ โดยจะปรับปรุงผ่านส่วนของทุน และงบกำไรขาดทุนในงบการเงินรวมปีปัจจุบันและย้อนหลัง 2 ปี ส่งผลให้ในปี 49 และปี 50 ส่วนของทุนมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้นดีกว่าประมาณการของเราที่ 2,859 ล้านบาท ในปี 49 และ -562 ล้านบาท คาดว่าใน 4Q/49 TRUE จะมีรายได้จากการดำเนินงาน 13,115 ล้านบาท ทรงตัวจากใน 3Q/49 ที่มีจำนวน 12,927 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1% Q-O-Q แต่เพิ่มขึ้นถึง 21% Y-O-Y เราคาดว่าสาเหตุหลักของรายได้ที่ทรงตัว Q-O-Q เป็นผลจากรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย (ARPU)ของธุรกิจ Fixed line, Wire-line และ Pay TV(UBC) มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องจาก3Q/49 ขณะที่ Net adds เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงเทียบ Q-O-Q อย่างไรก็ดีในปี 49 จำนวนNet adds ของ TRUE MOVE ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เปิดให้บริการ และผลบวกจากการควบรวม UBC ทำให้รายได้จากการดำเนินงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึง 21% Y-O-Y สำหรับต้นทุนดำเนินงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 3% Q-O-Q และเพิ่มขึ้น25% Y-O-Y เนื่องจาก 1) TRUEMOVE จ่ายส่วนแบ่งรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 25% จาก20% ตามเงื่อนไขในสัมปทาน เราคาดว่าค่าใช้จ่ายสัมปทานที่เพิ่มขึ้นส่วนนี้ จะชดเชยกับค่าใช้จ่ายค่า AC ที่มีแนวโน้มลดลงจากการบันทึกไม่เต็มใน 4Q/49 (หยุดบันทึก 16 พ.ย.49) แล 2) ค่าใช้จ่ายโครงข่ายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายโครงข่ายต่อเนื่องของ TRUE MOVE นอกจากนี้เราคาดว่าการตลาดเชิงรุกของกลุ่ม TRUE จะทำให้ค่าใช้จ่ายการตลาดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นจากค่าใช้จ่ายSG&A ที่เพิ่มขึ้นทั้ง Q-O-Q และ Y-O-Y รวมทั้งค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้นจากยอดหนี้บางส่วนที่ปรับอัตราดอกเบี้ยจากคงที่ เป็นลอยตัว อย่างไรก็ดีเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องจาก3Q/49 ทำให้ TRUE มีแนวโน้มรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 518 ล้านบาท ขณะเดียวกันการปรับปรุงรายการภาษีเงินได้รอตัดบัญชีผ่านงบกำไรขาดทุน จะทำให้ใน 4Q/49TRUE มีค่าใช้จ่ายภาษีติดลบ ส่งผลให้ใน 4Q/49 TRUE มีแนวโน้มขาดทุนสุทธิ 950 ล้านบาทปรับตัวดีขึ้นจาก 3Q/49 ที่ขาดทุนสุทธิ 1,361 ล้านบาท และ 4Q/49 ที่ขาดทุน 2,718ล้านบาท แต่หากพิจารณาจากการดำเนินงานโดยตรง TRUE จะขาดทุนจากการดำเนินงาน 1,468 ล้านบาท แย่กว่า3Q/49 ที่ขาดทุนจากการดำเนินงาน 1,347 ล้านบาท แต่ดีกว่า 4Q/49 ที่ขาดทุนจากการดำเนินงาน 3,638 ล้านบาท






[/color:340b90eabc">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com