April 30, 2024   3:33:01 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > แนะกลยุทธ์?เก็งกำไร?ส่วนต่าง
 

samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
วันที่: 14/02/2007 @ 11:08:54
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

นายภาคภูมิ ภาคย์วิศาล ผู้อำนวยการ ส่วนพัฒนาธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วิธีการวิเคราะห์เพื่อการลงทุนในตลาดอนุพันธ์(TFEX) ต้องมีการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) เช่น ภาวะเศรษฐกิจในประเทศ GDP อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ ภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศ ปัจจัยทางการเมืองและอื่นๆ

รวมทั้งการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) จากพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาฟิวเจอร์ส และSET50 Index ในอดีต โดยหวังที่จะใช้ข้อมูลดังกล่าวในการพยากรณ์ทิศทางของราคาในอนาคต

ตลอดจนการวิเคราะห์ปัจจัยทางจิตวิทยา (Market Sentiment Analysis) ภาวะอารมณ์หรือความรู้สึกของนักลงทุนโดยรวมในตลาด นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์หาราคายุติธรรมในเชิงทฤษฎี (Fair Value Pricing Analysis) เพื่อหามูลค่ายุติธรรมทางทฤษฎีของฟิวเจอร์ส

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีผลต่อการคำนวณ SET50 Index ได้แก่ กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค มีน้ำหนักประมาณ 35% ซึ่งอาจมีประเด็นที่เกี่ยวข้อง เช่น ราคาน้ำมันโลก ราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศ ค่าการกลั่นน้ำมัน กลุ่มธนาคาร มีน้ำหนักประมาณ 20% มีประเด็นที่เกี่ยวข้อง เช่น อัตราดอกเบี้ย การขยายตัวของสินเชื่อ

กลุ่มวัสดุก่อสร้าง มีน้ำหนักประมาณ 10% มีประเด็นที่เกี่ยวข้อง เช่น โครงการเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐ การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะส่งผลให้มีความต้องการวัสดุก่อสร้างมากขึ้น กลุ่มสื่อสาร มีน้ำหนักประมาณ 5% มีประเด็นที่เกี่ยวข้อง เช่น สงครามราคา และโปรโมชั่นระหว่างค่ายมือถือ และอื่นๆ ประมาณ 30%

ส่วนลักษณะและประเภทของผู้ลงทุนในตลาดฟิวเจอร์ส ประกอบด้วย กลุ่มป้องกันความเสี่ยง (Hedger) เพื่อป้องกันหรือบริหารความเสี่ยงของตน เพื่อให้ได้รับความผันผวนของราคาสินค้าอ้างอิงน้อยที่สุด ซึ่งแต่เดิมมีความเสี่ยง แต่โอนไปให้ Speculator กลุ่มนักเก็งกำไร (Speculator) เพื่อหวังกำไรจากการที่ราคาฟิวเจอร์ส หรือราคาสินทรัพย์อ้างอิงเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ตนคาดคิด ซึ่งเดิมไม่มีความเสี่ยง แต่รับความเสี่ยงมาเพื่อหวังผลตอบแทน

รวมทั้งกลุ่มนักค้ากำไร (Arbitrager) เพื่อหาโอกาสทำกำไรจากความเหลื่อมล้ำของราคาฟิวเจอร์สและราคาสินทรัพย์อ้างอิง ซึ่งนักลงทุนกลุ่มนี้จะเป็นผู้ช่วยสร้างความสมดุลย์ด้านราคาทั้งสองตลาด โดยซื้อถูก ขายแพง ไม่เสี่ยง และไม่ลงเงินตัวเอง เหมือนเป็นการจับเสือมือเปล่า

กลยุทธ์จับทิศทาง SET50 Index
ทั้งนี้กลยุทธ์สำหรับการ Speculator คือหาทางทำกำไร โดยการเก็งกำไรทิศทาง หากคาดว่า SET50 Index จะเพิ่มสูงขึ้นให้ ?Long? แต่ถ้าคาดว่าจะลดให้ ?Short? โดยผลจากการที่สัญญาฟิวเจอร์สมีอัตราทดในการลงทุนทำให้ผู้ลงทุนมีได้ทั้งกำไรที่สูงและการขาดทุนก็มีสูงเช่นกัน

ดังนั้นจึงต้องมีการป้องกันความเสี่ยง หรือ Protective Stop จากการตั้งจุดหยุดขาดทุน ซึ่งจะทำการปิดสถานะเมื่อราคาฟิวเจอร์สเคลื่อนที่มายังบริเวณนั้น เรียกว่าการ ?Stop Loss? ซึ่งกลยุทธ์ ก็คือ อย่าฝืนแนวโน้มตลาด ถ้าคาดผิดก็ให้หยุดทันที นักลงทุนจะต้องมีวินัย อย่าเลื่อนจุด Protective Stop เด็ดขาด

นอกจากนี้การยอมแบ่งกำไรที่มีอยู่บางส่วนเป็นเบาะรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่อไป หรือ Trailing Stop โดยตั้งจุดป้องกันการเสียกำไรที่มีอยู่ โดยจะทำการปิดสถานะเมื่อราคาฟิวเจอร์สเคลื่อนที่มายังบริเวณนั้น ซึ่งหลักการก็คือ เมื่อมีกำไรแล้วห้ามกลับมาเป็นขาดทุน

หากราคาฟิวเจอร์สแตะราคาที่เป็น Protective Stop หรือ Trailling Stop แล้ว ให้ทำการเคาะซื้อหรือเคาะขายฟิวเจอร์สที่ราคาตลาด (Market Price) เพื่อทำการปิดสถานะทันที หรือถ้าราคาฟิวเจอร์สแตะราคาที่เป็น Protective Stop หรือ Trailing Stop แล้ว ให้ทำการตั้งซื้อหรือตั้งขายฟิวเจอร์สที่ราคาที่เราตั้งไว้ เพื่อรอทำการปิดสถานะ อย่างไรก็ดีอาจไม่สามารถปิดสถานะก็ได้ ถ้าท้ายที่สุดตลาดไม่ได้เกิดการซื้อขาย ณ ราคาที่เราตั้งไว้

เทรดทั้ง2 สัญญาลดระดับความเสี่ยง
สำหรับการเก็งกำไรส่วนต่าง (Spread Trading) แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การเก็งกำไรส่วนต่างในสินค้าอ้างอิงต่างกัน (Intercommodity Spread) คือ การซื้อและขายสัญญาฟิวเจอร์สของสินค้าอ้างอิงต่างกัน แต่มีเดือนหมดอายุเดือนเดียวกัน และการเก็งกำไรส่วนต่างในตลาดเดียวกัน (Intramarket Spread) คือ การซื้อและขายสัญญาฟิวเจอร์สของสินค้าอ้างอิงเดียวกัน แต่ต่างเดือนหมดอายุ จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า ?Calendar Spread?

ทั้งนี้กลยุทธ์ง่ายๆ ก็คือหากต้องการเก็งกำไรโดยคำนึงถึงความสัมพันธ์ของราคาระหว่างสัญญามากกว่าระดับราคาของสัญญา โดย ?Long Futures? ของเดือนที่คิดว่าถูก พร้อมทั้ง ?Short Futures? ของเดือนอื่นที่คิดว่าแพงในขณะเดียวกัน

การเปิด Long Calendar Spread จะต้อง ?Long? สัญญาฟิวเจอร์สในรุ่นที่จะหมดอายุก่อน และ ?Short? สัญญาฟิวเจอร์สรุ่นที่จะหมดอายุทีหลัง สำหรับการ Short Calendar Spread จะต้อง ?Short? สัญญาฟิวเจอร์สรุ่นที่จะหมดอายุก่อน และ ?Long? สัญญาฟิวเจอร์สรุ่นที่จะหมดอายุทีหลัง ทั้งนี้เนื่องจากกลไกของการทำ Spread Trading มีลักษณะของการถัวความเสี่ยงโดยธรรมชาติ ดังนั้นการเก็งกำไรส่วนต่างจึงมีความเสี่ยงน้อยกว่าการเก็งกำไรในทิศทางโดยตรง

อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยความเสี่ยงที่น้อยกว่าปกติ การวางเงินหลักประกันขั้นต้น (Initial Margin) โดยเรียกเก็บเพียง 12,500 บาท ต่อ 1 Spread Maintenance Margin จะอยู่ที่ 8,750 บาท ซึ่งในการเล่น Spread นั้น บางครั้งอาจต้องรอเวลานานเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน กว่าส่วนต่างที่เกิดขึ้นจะเคลื่อนที่เข้าสู่ภาวะปกติ

เทคนิคเซียนเก็งกำไรส่วนต่าง
สำหรับเทคนิคในการ Spread เทคนิคที่ 1 เมื่อฟิวเจอร์สที่อายุน้อย ราคาสูงกว่าฟิวเจอร์สที่อายุมาก ตามทฤษฎีแล้ว ในภาวะปกติฟิวเจอร์สที่อายุน้อยควรมีราคาต่ำกว่าฟิวเจอร์สที่อายุมาก แสดงว่าฟิวเจอร์สที่อายุน้อยมีราคาแพงไป ฟิวเจอร์สที่อายุมาก ราคาถูกไป จึงแนะนำให้ ?Short? ฟิวเจอร์สที่อายุน้อยแล้ว Long ฟิวเจอร์สที่อายุมาก

เทคนิคที่ 2 เมื่อ Spread (ผลต่างของราคา) ระหว่างฟิวเจอร์สที่อายุน้อยและอายุมากกว้างผิดปกติ ตามทฤษฎีแล้ว ในภาวะปกติฟิวเจอร์สที่อายุน้อยควรมีราคาต่ำกว่าฟิวเจอร์สที่อายุมาก และมี Spread ในระดับที่สมควร แสดงว่าฟิวเจอร์สที่อายุน้อยราคาถูกไป ฟิวเจอร์สที่อายุมากราคาแพงไป จึงแนะนำให้ ?Long? ฟิวเจอร์สที่อายุน้อยแล้ว ?Short? ฟิวเจอร์สที่อายุมาก

ส่วนเทคนิคที่ 3 เมื่อ Spread ระหว่างฟิวเจอร์สที่อายุน้อยและอายุมากแคบผิดปกติ ตามทฤษฎีแล้ว ในภาวะปกติฟิวเจอร์สที่อายุน้อยควรมีราคาต่ำกว่าฟิวเจอร์สที่อายุมาก และมี Spread ในระดับที่สมควร แสดงว่าฟิวเจอร์สที่อายุน้อยราคาแพงไป ฟิวเจอร์สที่อายุมาก ราคาถูกไป จึงแนะนำให้ ?Short? ฟิวเจอร์สที่อายุน้อยแล้ว ?Long? ฟิวเจอร์สที่อายุมาก

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com