May 1, 2024   12:19:01 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 14/02/2007 @ 12:55:16
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index
วันอังคารที่ 13 ก.พ. ปิดที่ 692.48 จุด -4.98 จุด มูลค่าการซื้อขาย 13,997 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 821.91 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 748.34 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิที่ 73.57 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 698.59 จุด +1.13 จุด และ Low ที่ดัชนี 690.27 จุด -7.19 จุด ดัชนีวานนี้ไม่สามารถแตะระดับแนวต้านที่ 700 จุดได้ก็เลยปรับฐานลงมาก่อนตามแรงขายหุ้นธนาคารและหุ้นพลังงานที่มีออกมาต่อเนื่อง นำโดยแรงขายหุ้น BANPU เนื่องจากระบบขนถ่านหินที่ท่าเรือบอนตังของเหมืองอินโดมิงโกในอินโดนีเซียชำรุดโดยคาดว่าจะใช้เวลาเป็นสัปดาห์เพื่อแก้ปัญหา ซึ่งจะส่งผลต่อปริมาณการขายถ่านหินใน Q1/50 ให้ลดลงทำให้มีแรงขายออกมาถ่วงดัชนีทั้งวัน จากดัชนีที่เคลื่อนไหวแคบ ๆ ในช่วงแรกของการเทรดก็ปรับตัวลดลงเร็วช่วงก่อนเที่ยงมาถึง ณ ระดับแนวรับที่ 690 จุด ก็พอมีแรงดีดขึ้นได้เล็กน้อย หลังหุ้นใหญ่มีแรงขายถ่วงดัชนีเลยทำให้มีแรงเก็งกำไรในหุ้นเล็กแทนซึ่งก็เป็นหุ้นเก็งกำไรตัวเดิม ๆ ที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้หลาย ๆ ตัว โดยปัจจัยลบที่กดดัชนีน่าจะเป็นผลมาจากการประกาศปรับปรุงน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกประจำไตรมาสของเช้าวันนี้ซึ่งคาดว่าไทยจะถูกลดน้ำหนักจาก 2.5% เหลือประมาณ 1.5-2.0% ทำให้เช้าวานนี้มีแรงเทขายหุ้นบิ๊กแคปตัวหลักออกมา

CCET
ราคาเปิด 4.48 บาท ราคาปิด 4.54 บาท มูลค่าการซื้อขาย 44.84 ล้านบาท ยอดขายเติบโตต่อเนื่อง 6% QoQ เป็น 22,954 ล้านบาท จากคำสั่งซื้อ HDD ที่เข้ามาต่อเนื่องตั้งแต่ Q3/49 ผลกระทบของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิ Q4/49ลดลง 17% QoQ แต่เติบโต 31% YoY เป็น 674ล้านบาท และภาพรวมกำไรสุทธิปี2549 เพิ่มขึ้น 37.9% YoY เป็น 2,430 ล้านบาท และได้ประมาณการรายได้ปี 2550 ไว้ที่ 2,139 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปัจจัยสนับสนุนการเติบโตมาจากการรับรู้ยอดสั่งซื้อ HDD ใหม่เต็มปี และเริ่มรับรู้รายได้ Box Build โทรศัพท์เคลื่อนที่จากลูกค้าอินเดียเบื้องต้น 1 ล้านเครื่อง และคาดว่าจะมีคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่องในปี 2550 อีก ขณะเดียวกัน CCET ประกาศจ่ายเงินปันผล 2H06 อีกหุ้นละ 0.20 บาท (รวมทั้งปีจ่าย 0.40 บาท) จะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 7 มี.ค.2550 ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร แนวรับ 4.48 บาท แนวต้าน 4.62 บาท

TIES
ราคาเปิด 2.74 บาท ราคาปิด 2.78 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1.328 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้รวมปี 2550จะเติบโต 15-18% จากรายได้รวมที่ไม่ต่ำกว่า 1.1-1.2 พันลบ. จากการที่มี Backlog หลายโครงการมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท และมีงานต่อเนื่องจากปีก่อนอีกประมาณ 700-800 ล้านบาท ที่จะรับรู้ได้ในปีนี้ และยังอยู่ระหว่างการเข้าร่วมประมูลโครงการกว่า 10 โครงการ มูลค่ากว่า 1.5 พันลบ. โดยงานส่วนใหญ่ที่ประมูลเป็นงานของเอกชนที่ TIES มี Track record อยู่เดิม และเป็นงานก่อสร้างอาคารโรงงานที่ TIES มีความชำนาญสูง ซึ่งจากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องบวกกับสัญญาณทางด้านเทคนิคที่มีการแกว่งตัวออกด้านข้าง มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น แต่จากปริมาณการซื้อขายที่ยังมีไม่มาก K.KRAZIP แนะนำ ซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัว แนวรับ 2.72 บาท แ นวต้าน 3 บาท

TRUE
ราคาเปิด 6.70 บาท ราคาปิด 6.65 บาท มูลค่าการซื้อขาย 32.91 ล้านบาท TRUE คาคว่ารายได้รวม 4Q49 จะทรงตัว เนื่องจากมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลง กอปรกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงขึ้นจากการโฆษณาที่สูงขึ้น และดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าจะเก็บเงินค่าเชื่อมต่อโครงข่ายได้ตั้งแต่เดือน เม.ย. 50 เป็นต้นไป ส่วนผลการดำเนินงานใน 1Q50 ก็คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น ผลพวงจากการหยุดจ่าย Access charge เต็มไตรมาส แนวโน้มธุรกิจในอนาคตสดใสขึ้นจากฐานทุนที่จะปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งระยะหลัง True Move ก็ไม่ได้มีข่าวการถูกต่อต้านจาก ทศท. ในเรื่องการหยุดจ่าย Access charge ดังนั้น K.KRAZIP มีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 50 ที่คาดว่าจะพลิกเป็นกำไร หลังจากหยุดจ่าย Access charge ซึ่งเป็นผลประโยชน์ต่อ TRUE ในปี 50 แนะนำ ซื้อเก็งกำไร โดยมีแนวรับ 6.50 บาท แนวต้าน 6.95 บาท

IRPC
ราคาเปิด6.25 บาท ราคาปิด 6.10บาท มูลค่าการซื้อขาย 384.576ล้านบาท เนื่องจากที่ในอนาคตIRPCน่าจะมีความชัดเจนยิ่งขึ้นทางด้านโครงการ Synergy project และ จากการศึกษาร่วมกับ TOPพบ 17 โครงการที่สามารถสร้างการเติบโตในอนาคตได้ โดยมี 13 โครงการสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม อีก 3 โครงการใช้เงินลงทุนรวมกันเพียง US$1 ล้าน ผลสำเร็จจากการศึกษาดังกล่าวสอดคล้องกับมุม ที่คาดว่าการเติบโตในระยะสั้นของ IRPC จะมาจากการเข้าอยู่ในกลุ่ม PTT ขณะที่โครงการในระยะยาวได้แก่การสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ที่สามารถประหยัดค่าไอน้ำได้กว่า 70% และโครงการขุดท่าเรือน้ำลึกทีคาดว่าจะช่วยประหยัดค่าขนส่งได้ปีละ US$20 ล้าน และ ต่อด้วยผลประกอบการของIRPCใน ปี 2550 คาดว่าจะเติบโต 13% yoy จากการใช้กำลังการผลิตได้อย่างเต็มที่หลังจากการหยุดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ที่ทำทุกๆ 3 ปี และ จากโครงการความร่วมมือในกลุ่ม PTT ที่จะมีส่วนช่วยเพิ่มยอดขายและลดค่าใช้จ่าย จะเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตในอนาคต นอกจากนั้นคาดว่า IRPCจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้เป็นครั้งแรกในอัตรา 2.74% K.KRAZIP แนะ ซื้อเก็บไว้ทำกำไรในระยะยาวเพราะตัวของIRPCมีราคาที่ต่ำอยู่และมีการปันผลในปีแรกออกมาด้วยน่าจะเป็นสัญญานที่ดีในการซื้อเก็งกำไร แนวรับ 6.05 บาท แนวต้าน 6.45 บาท

ที่มา ทันหุ้น [/color:21e4ed96a0">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com