April 30, 2024   3:23:10 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นแบงก์มีลุ้นจ่ายปันผลถ้วนหน้า
 

samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
วันที่: 14/02/2007 @ 20:25:57
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หุ้นกลุ่มแบงก์มีลุ้นจ่ายปันผลถ้วนหน้า หลังประกาศผลการดำเนินงานปี 2549 มีกำไรต่อเนื่อง วงการคาด BBL-SCB จ่ายสูงสุด 2 บาท/หุ้น แต่หากคิดจาก Dividend Yield จะพบว่า KTB-SCIB ให้ผลตอบแทนสูงสุดประมาณ 4.4-5% ขณะที่ UBS ระบุกลุ่มธนาคารยังมีส่วนลดแฝงอยู่มากที่สุด 27%

* หุ้นแบงก์เด่นดันดัชนียืนแดนบวก
ภายหลังจากการประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2549 ของบรรดาผู้ประกอบการกลุ่มธนาคาร ปรากฏว่ามีกำไรอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดแรงซื้อหุ้นธนาคารตามเข้ามาในระยะนี้ ล่าสุดวานนี้ (14 ก.พ.) ดัชนีหุ้นกลุ่มแบงก์ยังคงปรับเพิ่มสูงขึ้นได้ โดยปิดที่ระดับ 268.97 จุด เพิ่มขึ้น 2.46 จุด หรือ 0.9230%
อีกทั้งยังเป็น 2 ใน 3 หุ้นอันดับแรกที่ช่วยดันดัชนีฯ ให้ยืนได้ในแดนบวก โดย BBL ปิดที่ระดับ 113 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท ราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นมีผลต่อตลาด 0.5397 จุด และ KTB ซึ่งปิดที่ระดับ 12.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท ราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นมีผลต่อตลาด 0.4741 จุด ขณะที่อันดับ 1 ที่ดันดัชนี คือ IRCP ซึ่งปิดที่ระดับ 6.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท ราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นมีผลต่อตลาด 0.6891 จุด

* คาด BBL-SCB จ่ายปันผลสูงสุดหุ้นละ 2 บาท
เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลักทรัพย์ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังคงเหมาะสำหรับการเข้าไปลงทุนเพื่อรับเงินปันผล เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับลดลงยังส่งผลดีต่อการปล่อยสินเชื่อและการเติบโตของรายได้อีกด้วย
โดยประเมินว่าหุ้นของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB มีโอกาสที่จะจ่ายเงินปันผลงวดปี 2549 มากที่สุด
โดยคาดว่า BBL และ SCB จะจ่ายเงินปันผล 2 บาท/หุ้น ส่วนธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB คาดว่าจะจ่ายเงินปันผล 0.50 บาท ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK จ่ายเงินปันผล 1.50 บาท และ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCIB จ่ายเงินปันผล 1.25-1.50 บาท
ทั้งนี้ BBL ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 141 บาท/หุ้น KBANK ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 74 บาท/หุ้น SCB ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 69 บาท/หุ้น KTB ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 14 บาท/หุ้น และ SCIB ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 19 บาท/หุ้น อย่างไรก็ตามหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังเหมาะลงทุนในระยะยาว เพราะเป็นหุ้นที่มีความโดดเด่นและเติบโตต่อเนื่อง
ส่วนใหญ่ที่วิเคราะห์หุ้นในกลุ่มแบงก์ที่คาดว่าจะจ่ายเงินปันผลงวดปี 2549 ก็วิเคราะห์เฉพาะหุ้นตัวใหญ่ๆ ส่วนตัวเล็กก็ยังไม่ได้เข้าไปประเมิน โดยตัวที่จ่ายเยอะที่สุดมี BBL และ SCB จ่าย 2 บาท นักลงทุนก็ซื้อเพื่อรอรับเงินปันผลได้ แหล่งข่าวรายเดิมกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากจะลงทุนหุ้นกลุ่มแบงก์ควรจะมองที่ปัจจัยพื้นฐานระยะยาวมากกว่า เนื่องจากหุ้นกลุ่มนี้มีอัตราการจ่ายเงินปันผลไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับบริษัทกลุ่มอื่น เพราะการทำธุรกิจธนาคารจะต้องใช้เงินทุนหมุนเวียน และกันสำรองตามเกณฑ์ของทางการ จึงไม่สามารถจ่ายปันผลได้สูง

* บล.นครหลวงไทยยก KTB ให้ Dividend Yield สูงสุด
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย ประเมินว่า KTB น่าจะมีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร โดยประเมินว่าน่าจะจ่ายในอัตรา 0.54 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) อยู่ที่ประมาณ 4%
นอกจากนี้ ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2550 คาดว่าจะออกมาดี จากการที่จะได้รับเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ ในขณะเดียวกันยังมีปัจจัยบวกระยะสั้นเรื่องที่เป็นธนาคารของรัฐอาจจะมีโอกาสปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการรถไฟฟ้า

 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#1 วันที่: 14/02/2007 @ 20:26:36 : re: หุ้นแบงก์มีลุ้นจ่ายปันผลถ้วนหน้า
* สินเชื่อโตตามการลงทุนภาครัฐ
สำหรับภาพรวมกลุ่มธนาคารปีนี้ มองว่าด้านการเติบโตของสินเชื่อน่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีก่อน แต่หากมีปัจจัยเรื่องของการลงทุนภาครัฐ อาจส่งผลให้สินเชื่อมีการเติบโตดีขึ้น
ส่วนผลประกอบการในปีนี้มีแนวโน้มว่าจะออกมาดีกว่าปีก่อน เพราะปีก่อนธนาคารมีการตั้งสำรองฯ มาก แต่หลังจากที่มี พ.ร.บ.ใหม่ รวมถึงเกณฑ์การบันทึกบัญชีแบบสากล (IAS39) ทำให้ธนาคารที่มีระบบรองรับที่ดี และมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีการเติบโตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่

* ลงทุนยาว KBANK ซื้อเก็งกำไร KTB ซื้อ SCB-BAY
ทั้งนี้ ประเมินว่าธนาคารที่เหมาะลงทุนระยะยาวจะเป็น KBANK เพราะมีระบบการจัดการภายในที่ดี และไม่ต้องตั้งสำรอง IAS เพิ่มในไตรมาสที่ 4/2549 เพราะประเมินระบบการจัดการภายในไว้ใกล้เคียงกับระบบ IAS ในขณะที่ธนาคารที่จะมีการเติบโตของกำไรมากที่สุดจะเป็น SCB และ BAY
พร้อมกันนี้ แนะนำซื้อเก็งกำไรหุ้น KTB ประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ 12.89 บาท/หุ้น ในขณะที่แนะนำซื้อหุ้น KBANK ประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ 78 บาท ส่วนหุ้น SCB แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 66 บาท และ BAY ประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ 20 บาท

* บล.กรุงศรีอยุธยา เชื่อ SCIB ให้ Dividend Yield สูงสุด
ด้านนักวิเคราะห์จาก บล.กรุงศรีอยุธยา (มหาชน) กล่าวว่า จากการประเมินการจ่ายเงินปันผลของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งโดยอิงจากการทำกำไรของปี49 บริษัทฯ ประเมินว่าธนาคารที่มีการจ่ายเงินปันผลดีที่สุด คือ SCIB โดยคาดว่าจะจ่ายที่ 0.95 บาท หรือ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลประมาณ 5%
รองลงมา คือ KTB จ่ายปันผล 0.55 บาท หรือ 4.4% ตามมาด้วย SCB จ่ายปันผล 1.40 บาท หรือ 2.1%, KBANK จ่ายปันผล 12.5 บาท หรือ 1.9% และ BBL จ่ายปันผล 1.75 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 1.6%
ทั้งนี้ สาเหตุที่บริษัทฯ ประเมินการจ่ายเงินปันผลของ SCIB และ SCB ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับปันผลงวดปี48 เนื่องจากกำไรปี49 ของทั้ง 2 ธนาคารลดลงมากเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งการจ่ายปันผลของธนาคารจะอิงกับกำไรในแต่ละปี เช่น SCIB จะจ่าย 45-50% ของกำไรสุทธิ ดังนั้น เมื่อคำนวณออกมาแล้ว การจ่ายปันผลจึงไม่สูงมาก
พร้อมกันนี้ หากนักลงทุนต้องการจะเล่นหุ้นแบงก์ช่วงนี้ บริษัทฯ มองว่า KTB น่าสนใจมากที่สุด และเหมาะที่จะเข้ามาเล่นเก็งกำไรได้ เพราะหากดูจากอัตราการจ่ายเงินปันผลเทียบเฉพาะแบงก์ใหญ่ KTB จ่ายสูงที่สุด โดยมีราคาหุ้นเป้าหมายอยู่ที่ 14.20 บาท

* แผนลดดอกเบี้ยฝากหนุนผลประกอบการปีนี้พุ่ง
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง กล่าวถึงการที่ธนาคารพาณิชย์ทยอยปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากในช่วงนี้ว่า น่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในปีนี้ เพราะการลดดอกเบี้ยช่วยทำให้ต้นทุนลดลง
และถึงแม้ว่าในที่สุดแล้วธนาคารพาณิชย์จะต้องปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งจะทำให้มีรายได้จากดอกเบี้ยลดลง แต่เชื่อว่าการที่แต่ละแบงก์จะมีต้นทุนลดลงและมีกำไรมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับการบริหารต้นทุนของแต่ละแบงก์ สังเกตุได้จากการปรับลดดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลาที่แตกต่างกัน

* UBS ชี้หุ้นไทยน่าสน กลุ่มแบงก์มีส่วนลดแฝงอยู่มากที่สุด 27%
บทวิเคราะห์การลงทุนโดย UBS วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2550 ระบุ ดัชนีตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับที่สะท้อนปัจจัยพื้นฐาน หลังราคายังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสำคัญในภูมิภาคเดียวกัน โดยเป็นตลาดหุ้นที่มีส่วนลดมากที่สุดในภูมิภาคเมื่อเปรียบเทียบกันในแง่ของ P/BV และ ROE
โดยในรายงาน Asian Equity Strategy : Thai rate cuts ของ UBS ระบุว่า UBS เคยแนะนำให้นักลงทุนรอจังหวะที่ตลาดหุ้นไทยถึงจุดวกกลับ เนื่องจากดัชนีตลาดหุ้นได้ปรับลดลงจนมีส่วนลดแฝงอยู่ในราคาหุ้นมากที่สุดในภูมิภาค และต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน หรือ ระดับที่เหมาะสมถึง 37% ซึ่งหมายถึงผลตอบแทนที่นักลงทุนจะมีโอกาสได้รับ
นอกจากนี้ UBS ยังคาดด้วยว่า การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 28 กุมภาพันธ์ และ 11 เมษายนนั้น ยังเป็นปัจจัยบวกที่สำหรับตลาดหุ้นไทย หากพิจารณาจากข้อมูลสถิติที่ผ่านมา จะเห็นว่า ในช่วงปี 2001-2003 ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับลดลงเฉลี่ย 10.9 จุดในช่วงหนึ่งเดือนก่อนมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และจะปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 32 จุด ในช่วง 6 เดือนหลังลดอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่กระทบตลาดหุ้นในช่วงหนึ่งเดือนก่อนมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา เกิดจากการออกมาตรการกันสำรอง 30% ที่ออกมาเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมปีก่อน
ทั้งนี้ UBS ระบุว่า กลุ่มที่ราคามีส่วนลดแฝงอยู่มากที่สุดได้แก่กลุ่มธนาคาร โดยมีส่วนลด 27% และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีส่วนลด 8%

***********************************

บล.นครหลวงไทย แสดงตารางการจ่ายเงินปันผลหุ้นกลุ่มแบงก์
DPS (Bt) Dividend Yield (%)
2004 2005 2006 2004 2005 2006
BAY 0.00 0.80 0.46 0.0 3.9 2.3
BBL 1.75 2.00 1.78 1.6 1.8 1.6
KBANK 1.00 1.25 1.24 1.5 1.9 1.9
KTB 0.47 0.50 0.54 3.8 4.0 4.3
SCB 2.00 3.00 1.41 3.0 4.5 2.1
TISCO 1.30 2.00 1.71 6.1 9.3 8.0
TMB 0.00 0.00 0.00 0.0 0.0 0.0
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com