ซื้อเก็งกำไร HEMRAJ เป้าหมาย 1.20 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) แนะนำ ซื้อเก็งกำไร HEMRAJ คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 4/49 เติบโต 14% จากปีก่อน และ 32% ไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งธุรกิจขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมได้รับอานิสงส์จากการขยายกำลังการผลิตของกลุ่มลูกค้าปิโตรเคมีและการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นตามความคืบหน้าของการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม The Park ชิดลมในขณะที่การรับรู้รายได้ในปี 50 จะมีรายได้จากการขายที่ดินในนิคมและรายได้จากการให้บริการสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นเป็น 43% ของรายได้รวม ในขณะที่ธุรกิจคอนโดมิเนียม The Park จะช่วยส่งผลดีต่อบันทึกรายได้ส่วนที่เหลือทั้งหมดได้ภายในปี 50 ซึ่งทั้งสองปัจจัยจะช่วยเพิ่มอัตราเติบโตของรายได้รวมปี 50 เป็น 44.5% ขณะที่กระแสเงินสดทั้งจากการโอนโครงการคอนโดมิเนียมในช่วงครึ่งปีแรกของปี 50 และการแปลงสภาพ Warrant จะถูกใช้ในการลงทุนในด้านสาธารณูปโภคทั้งในธุรกิจไฟฟ้าที่ร่วมประมูลกับ GLOW และธุรกิจน้ำดิบเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม แนะนำ ?ซื้อเก็งกำไร?

ซื้อ WORK เป้าหมาย 25.7 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด แนะนำ ซื้อ WORK แม้ WORK และสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ได้รับแรงกดดันจากรัฐบาลลาวที่ประท้วงให้หยุดแพร่ภาพรายการละคร ?เพลงรักสองฝั่งโขง? โดยอ้างเหตุผลว่า เนื้อหาในรายการละครดังกล่าวมีลักษณะที่ไม่เหมาะสม และสบประมาทประชาชนลาว และผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 จะดำเนินการเจรจาเพื่อหาข้อยุติในปัญหาดังกล่าว แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าละครเรื่องนี้จะสามารถออกอากาศได้เมื่อใด WORK เป็นผู้ผลิตรายการละครดังกล่าว ทำให้มีความเสี่ยงเฉพาะส่วนของต้นทุนค่าธรรมเนียมในการผลิตรายการซึ่งเราคาดว่าไม่น่าจะเกิน 20 ล้านบาท หรือราว 5% ของประมาณการผลประกอบการในปีนี้ของเรา ดังนั้น ผลกระทบที่จะเกิดกับบริษัทฯ จึงไม่น่าจะมากนัก ยิ่งกว่านั้น ยังไม่คาดว่าจะมีการยกเลิกการออกอากาศละครดังกล่าวเป็นการถาวร ยังแนะนำ ?ซื้อ? เป้าหมายที่ 25.7 บาท

ถือ STEC เป้าหมาย 5.80 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด (มหาชน) แนะนำ ถือ STEC เชื่อว่าข่าวการถอด STEC ออกจากดัชนี MSCI ในครั้งนี้จะส่งผลในเชิงลบต่อจิตวิทยาการลงทุนในระยะสั้น โดยปัจจุบัน Market cap ของ STEC ลดลงจากที่เคยอยู่ในระดับ
ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เหลือ 5-6 พันล้านบาทในขณะที่มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของ STEC ในปี 49 ที่ผ่านมาลดลงเป็น 80 ล้านบาทต่อวันจาก102 ล้านบาทต่อวันในรอบปี 48 ทำให้สภาพคล่องลดลง ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ STEC ถูกถอดออกจากการคำนวณดัชนี แนะนำ ?ถือ? โดยในเชิงปัจจัยพื้นฐานไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าว โดยยังคง
มูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานสำหรับปี 50 ที่ 5.80 บาท แต่แนะนำ?ถือ?เนื่องจากมี upside gain ลดลงเหลือเพียง 10.5% จากเป้าหมาย โดยหากพิจารณาว่าได้งานรถไฟฟ้า 1 สาย คาดปัจจัยพื้นฐานเพิ่มขึ้นเป็น 6.20 บาท อย่างไรก็ตามหากราคาปรับลดลงจากข่าวดังกล่าวเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเพื่อลงทุนระยะยาวเนื่องจาก STEC เป็นหุ้นที่เคลียร์จากประเด็นลบแล้ว ในขณะที่ ITD ยังมีการตรวจสอบของ คตส. ส่วน CK ยังอยู่ในระหว่างตัดสินเรื่องค่าชดเชยจาก กทพ.

ซื้อ PRIN เป้าหมาย 4.70 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ สินเอเชีย จำกัด แนะนำ ซื้อ PRIN ยอดขายปี 50 อยู่ในทิศทางที่ดีจากแผนการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 13 โครงการมูลค่ารวม 8.75 พันล้านบาท (ราคาขายเฉลี่ย 3.02 ล้านบาท/ยูนิต) PRIN มีโครงการบ้านเดี่ยวและทาวเฮ้าส์ 10 โครงการที่จะทยอยเปิดขายในปีนี้และยังมีโครงการคอนโดอีก 3 โครงการมูลค่ารวม 3.04 พันล้านบาท ที่จะเปิดขายในไตรมาส 1/50 ซึ่งน่าจะสามารถประสบความสำเร็จได้ส่วนหนึ่งมาจากทำเลที่ดี (ย่านราชปรารภ, พหลโยธิน, และนราธิวาส) และราคาไม่แพง นอกจากนี้การฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโดยรวมโดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง ซึ่งจะช่วยทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ACLS เชื่อว่าการเติบโตของรายได้ยังอยู่ในทิศทาง
ที่ดีเป็นไปตามการเติบโตของยอดขาย แนะนำ ซื้อ โดยมีราคาเป้าหมายที่ 4.70 บาท อิง PE 6.5 เท่า Margins ที่ดีขึ้นต่อ
เนื่องกลายเป็นจุดแข็งของ PRIN ทั้งนี้มาจากต้นทุนก่อสร้างส่วนใหญ่ของแต่ละโครงการมีการตกลงไว้ล่วงหน้าสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบได้อย่างดี