April 30, 2024   9:54:04 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้นค่ะ......
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 16/02/2007 @ 08:59:36
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.พัฒนสินแนะนำขาย TRUEราคาเป้าหมาย 6 บาท
หลังจากได้มีการปรับปรุงรายการทางบัญชีที่เกี่ยวกับภาษีโดยการนำเอามาตราฐานทางบัญชีDeferred tex asset & liability มาใช้ ซึ่งจะปรับปรุงภาษีย้อนหลังตั้งแต่ปี 2547-2549ผลต่างระหว่างภาษีทางบัญชีและภาษีที่จ่ายจริงย้อนหลัง 3 ปี โดยคาดว่าวิธีการดังกล่าวจะส่งผลให้มีการบันทึกกำไรจากการเปลี่ยนนโยบายทางบัญชีดังล่าวขั้นต้นประเมินไว้เป็นหลักพันล้านบาทซึ่ง พัฒนสิน คำนวณขั้นต้นไว้ที่ 2.5 พันล้านบาท ซึ่งกำไรดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนได้แก่ 1.รายการปรับปรุงภาษีย้อนหลังระหว่างปี 2547-2548 ซึ่งปรับปรุงย้อนหลังผ่านเฉพาะส่วนผู้ถือหุ้น โดยไม่ผ่านงบกำไรขาดทุน จำนวน 1.5 พันล้านบาท 2.รายการปรับปรุงภาษีย้อนหลังเฉพาะปี 2549จำนวน 1 พันล้านบาท ซึ่งปรับปรุงย้อนหลังผ่านงบกำไรขาดทุนทั้งนี้รายการพิเศษดังกล่าวเป็นเพียงรายการทางบัญชีที่บัญทึกเพียงครั้งเดียว และส่งผลกระทบเชิงบวกให้ TRUE ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนได้อีก 2-3 ไตรมาส เนื่องจากส่วนผู้ถือหุ้นกลับมาเป็นบวก 2 พันล้านบาท อย่างไรก็ดีหากพิจารณา EBITDA ของบริษัท ทรูมูฟจำกัด(มหาชน) ในปี2550 มีประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอกับการชำระดอกเบี้ย 3พันล้านบาท และเงินลงทุนอีก 5 พันล้านบาท แต่ไม่ เพียงพอที่จะชำระเงินต้น 1.8 พันล้านบาท ดังนั้น ทรูมูฟ อาจจะต้องบริหารเงินทุนหมุนเวียนแทน หรืออาจจำเป็นต้องขอวงเงินกุ้เพิ่มจากแบงค์ไทยอีก 1 พันล้านบาท เพื่อทำการรีไฟแนนซ์หนี้เดิม ซึ่งวิธีที่เป็นไปได้มากที่สุดคือการรีไฟแนนซ์หนี้ ได้แก่การรีไฟแนนซ์หนี้แบงก์ไทยจำนวน 7.7 พันล้านบาท


บล.เอเซีย พลัสแนะนำซื้อ IRCราคาเป้าหมาย 9.86 บาท
แนวโน้มธุรกิจปี 2550 ผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตของรายได้อย่างระมัดระวังไว้ที่ 5-7%จากปี 2549 โดยจะเน้นการรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดยางรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ด้วยส่วนแบ่งตลาดตลาดให้ได้เท่ากับ หรือ มากกว่าปี 2549 ซึ่งอยู่ระดับ 62% เพิ่มจาก 53%ในปี 2548 สำหรับผลิตภัณฑ์ยางนอก และยางในรถจักรยานยนต์ ขณะที่ชิ้นส่วนยางอุตสาหกรรมยานยนต์ (IED) มีส่วนแบ่งตลาดสูงเกือบ 50% ในรถยนต์และ 60% ในรถจักรยานยนต์ สำหรับแนวโน้มการทำกำไร มองว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น จากปัจจัยเรื่องราคายางและน้ำมันในตลาดโลกที่จะปรับลดลง นอกจากนี้เตรียมงบลงทุนทั้งปีราว 300 ล้านบาท โดยมีแหล่งเงินทุนจากเงินหมุนเวียนภายใน เพื่อใช้ในการขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก 20% และลงทุนในเครื่องจักรเพิ่มเติม เพื่อยกระดับเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยทำให้สามารถรับงานได้มากขึ้น และเพิ่มมาร์จิ้นให้ดีขึ้น โดยคาดว่าปี 2550 จะเติบโต 9% yoy สูงกว่าที่ผู้บริหารคาด เนื่องจากยอดขายงวด 1Q50 ขยายตัวสูงกว่าเป้าที่ 16.4% yoy ขณะเดียวกันคิดเป็น 24.4% ของคาดการณ์ยอดขายทั้งปี 2550 แต่ในด้านประสิทธิภาพการทำกำไร ได้ปรับเพิ่ม Gross margin ปี 2550-2551 เนื่องจากปัจจัยสำคัญในเรื่องวัตถุดิบทั้งราคายางพารา และราคาน้ำมัน ที่น่าจะผันผวนน้อยลง ลดความกดดันต่อต้นทุนการผลิตประกอบกับช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีการลงทุนในเครื่องจักร เพื่อเพิ่ประสิทธิภาพการผลิต พร้อมทั้งมีการผลิตสินค้าประเภทเทคโนโลยีสูงที่ให้มาร์จิ้นมากขึ้น สำหรับกลุ่มตลาดระดับบน (Hi-End) ดังนั้นเพื่อสะท้อนกับข้อมูลดังกล่าว จึงทำการปรับเพิ่มประมาณการปี 2550-51 ตามรายละเอียดด้านข้าง


บล.กิมเอ็งแนะนำซื้อ TTAราคาเป้าหมาย 32.75 บาท
TTA ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/50 (ต.ค. ธ.ค. 50) เท่ากับ 1,129 ล้านบาท(1.75 บาท/หุ้น) เติบโต 22% จากช่วงดีกันของปีก่อน และเติบโต 38% จากไตรมาสก่อนบริษัทฯมีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 272 ล้านบาท หากไม่รวมรายการนี้จะมีกำไรปกติที่ 857 ล้านบาท (1.33 บาท/หุ้น) ลดลง 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 57% จากไตรมาสก่อน อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ย เพิ่มขึ้น 10.87% yoy เป็น 12,789 เหรียญ/วัน แต่จำนวนวันเดินเรือลดลง 5.31% yoy เป็น 4,140 วัน จาก 4,372วัน รายได้ในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 32% yoy เนื่องจากมีรายได้จากธุรกิจของ MML เพิ่มเข้ามาแต่หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า รายได้นั้นลดลง 5% เนื่องจากรายได้จากธุรกิจนอกชายฝั่งของ MML นั้นลดลง 16% qoq เป็น 994 ล้านบาท จากไตรมาส 4/49 อยู่ที่ 1,188ล้านบาท เราพิจารณาอัตรากำไรจากการดำเนินงานรวมเนื่องจากในไตรมาส 4 บริษัทมีการเปลี่ยนการบันทึกค่าใช้จ่ายของธุรกิจนอกชายฝั่งออกมาเป็นรายการแยกจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารดังนั้นอัตรากำไรขั้นต้นในงวดนี้จะดูเสมือนลดลง ซึ่งอัตรากำไรจากการดำเนินงานใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนที่ 21% เราปรับลดประมาณการจากการขายเรือออกไป 1ลำในเดือนมกราคม และรับมอบเรืออีก 1 ลำในเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้ปัจจุบันมีเรือจำนวน 45 ลำ ลดลงจากประมาณการเดิมที่ 46 ลำ ทำให้จำนวนวันเดินเรือคาดว่าลดลงเป็น 16,390 วัน จากเดิม 16,632 วัน แต่ยังคงค่าระวางเฉลี่ยทั้งปีไว้ที่ 11,250 เหรียญ/วัน


บล.ธนชาตแนะนำซื้อ SATราคาเป้าหมาย 11.00 บาท
เรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลง 27% ใน 3 เดือนที่ผ่านมาน่าจะเริ่มยืนได้แล้ว และทำให้ราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนความเสี่ยงจากโอกาสที่จะมีการประกาศเพิ่มทุน ส่วนการลงทุนในโครงการใหม่ๆ นั้น เราเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าที่น่าจะเป็นของ SAT ขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่ 11.0 บาทอีก 5.5% ราคาขณะนี้จึงเป็นราคาที่น่าลงทุนเพราะมี PEG ที่ต่ำเพียง 0.9 เท่า;ซื้อ ราคาหุ้น SAT ปรับตัวลดลง 27% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าจะมีการประกาศเพิ่มทุนเพื่อที่จะรองรับโครงการลงทุนใน partsmodules มูลค่า 1.2 พันล้านบาทที่ใกล้จะมีการประกาศในเร็วๆ นี้ และเราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงนี้น่าจะทรงตัวอยู่ได้แล้ว และเชื่อว่าการลงทุนในโครงการใหม่ๆ นี้จะไม่ก่อให้เกิด dilution ต่อบริษัทฯเนื่องจากจะเพิ่มมูลค่าintrinsic value เป็น 11.60 บาท หรือมี upside ราว 5.5%จากราคาเป้าหมายที่11.0 บาท ทำให้ราคาหุ้นในปัจจุบันของ SAT เป็นราคาที่น่าลงทุนเพราะมี PEGratio ที่ต่ำเพียง 0.9 เท่า เราปรับลดประมาณการผลประกอบการของ SATลงจากเดิม 6.5% ในปีนี้ และ12.7% ในปี 2008 จากความเชื่อของเราที่ว่ายอดผลิตรถยนต์ของไทยน่าจะอ่อนตัวลงมากกว่าที่เราคาดไว้ ในขณะที่ผู้ประกอบชิ้นส่วนรถยนต์น่าจะได้รับแรงกดดันมากขึ้นด้านมาร์จิน อย่างไรก็ตาม จากคำสั่งซื้อใหม่ที่มีอยู่ในขณะนี้มูลค่า 300ล้านบาท และมาร์จินที่น่าจะดีขึ้นของบริษัทฯ เราคาดว่า SAT จะยังมี Eps ที่เติบโต 6%และ 8% ในปี 2007-08 เทียบกับอัตราการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่ 5%และ 6% ตามลำดับ






[/color:0bd6ce7003">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com