April 30, 2024   7:45:32 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ภาค 2"ไออีซี เส้นทาง..รีเทิร์น "เสี่ยหมายเลข2
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 18/02/2007 @ 10:04:26
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

สูตรการเล่นหุ้นไออีซี ถ้าเล่นขาขึ้น ก็จะดันราคาขึ้นไป ด้วยสูตรซื้อ 2 หุ้น ขาย 1 หุ้นไปตลอดทาง พอติดลมบนก็จะเริ่มขาย เปลี่ยนสูตรเป็นซื้อ 1 หุ้น ขาย 3 หุ้น เทลงมาเรื่อยๆ



มองอนาคต ไออีซี ภาค 2 ผ่าน สุมิท แช่มประสิทธิ์ เมื่อก๊วนผู้ถือหุ้นใหญ่ขาดทุนยับ..หลังฟองสบู่แตกดังโพละ ถึงวันนี้ เขา และ เสี่ย (หมายเลข 2) จะสร้างเกมใหม่ขึ้นมาได้อย่างไร?


นับเป็น โศกนาฏกรรม ครั้งใหญ่ สำหรับกลุ่มผู้ถือหุ้น บมจ.อินเตอร์แนชั่นเนิล เอนจีเนียริง หรือ ไออีซี ที่ริเล่นกับไฟ จนถูกดูดเข้ากองไฟเสียเอง

ด้วยกลยุทธ์ซ้ำเก่า ขายโปรเจคในอากาศ ออกหุ้นเพิ่มทุนราคาแพง โดยที่ผ่านมาไออีซียังไม่เคยพิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์ได้ว่า บริษัททำกำไรจากกิจการที่ลงทุนไปได้จริงๆ

ดังคำกล่าวที่ว่า ดอกไม้ยิ่งบานเร็ว..ก็ยิ่งร่วงโรยเร็ว

แหล่งข่าวระดับสูงรายหนึ่งให้ข้อมูลว่า ท่ามกลางความบอบช้ำของผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ แต่ เสี่ยสอง หรือ สอง วัชรศรีโรจน์ กลับเป็นบุคคลหนึ่งที่กวาดกำไรระหว่างทางจากหุ้นไออีซี ไปได้มากที่สุด

ปัจจุบันเสี่ยสองยังถือหุ้นไออีซี ผ่าน นอมินี จำนวนมาก และส่งน้องสาวแท้ๆ สัณห์จุฑา วิชชาวุธ เข้ามาเป็น กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ในไออีซี ด้วย

ด้าน สุมิท แช่มประสิทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร ไออีซี ยอมรับกับกรุงเทพธุรกิจ BizWeek อย่างตรงไปตรงมาว่า ตัวเองก็ขาดทุนจากหุ้นตัวนี้ไม่ใช่น้อย

ผมหมดไปเยอะ 7 บาทไม่ขาย ถูก (ที่บ้าน) ด่าเช็ดเลย ว่าทำไมไม่ขาย ขณะที่คนอื่นๆ เจอหน้าผมก็บอกขาดทุนกันทั้งนั้น แต่ผมไม่รู้ว่าเขาขาดทุนจริงหรือไม่

สุมิทพยายามโยงไปว่า สาเหตุที่หุ้นร่วงหนักเป็นเพราะไออีซีถูกจับตาจากตลาดหลักทรัพย์ และ ก.ล.ต. เลยทำให้ทุกอย่างเดินผิดแผนไปหมด

เขาอาจจะมองว่าหุ้นนี้มีนักลงทุนรายใหญ่รายหนึ่ง (เสี่ยสอง) เข้ามาเกี่ยวข้อง เลยเหมารวมว่าไออีซีเป็นของนักลงทุนรายนั้น ซึ่งมันไม่ใช่คนนั้นคนเดียว

จากการสืบค้นในทางลับ กลุ่มก๊วนในไออีซีแยกเป็น 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย กลุ่มซูเปอร์คอนเนคชั่น ไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ กลุ่มผู้บริหาร สุมิท แช่มประสิทธิ์ และกลุ่มวิศวกรรมการเงิน สอง วัชรศรีโรจน์ ถ้าแต่ละฝ่ายกินพอดีคำ ไม่กินมูมมามจนเกินไป

คงไม่พบ จุดอับ เร็วขนาดนี้

สุมิทบอกว่า การที่ทางการตรวจเข้มเกินไป ทำให้การปรับโครงสร้างองค์กรล่าช้าไปหมด ที่จริงควรจะเสร็จตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2549 ต้องเลื่อนมาเป็นไตรมาส 1 ปี 2550

ตามประวัติของหุ้นตัวนี้ เดิมเป็นของ สนธิ ลิ้มทองกุล ซื้อต่อมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งกลุ่มของสุมิทเข้ามารับช่วงต่อเมื่อเดือนกันยายน 2548

หลังจากเข้ามาก็พบว่าบริษัทมีอายุครบ 84 ปีในปีนี้ มีปัญหาเยอะมาก โดยเฉพาะธุรกิจเป็นตัวแทนผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ (Airtime Provider Agreement) ที่ได้ซื้อแยกส่วนมาจาก บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น ขาดทุนมาโดยตลอด ขณะที่ธุรกิจหลักขายมือถือก็อยู่ในช่วงขาลงพอดี

สุมิทเล่าว่า ทางออกเดียวต้องให้ไออีซีเป็นผู้จัดจำหน่ายที่ใหญ่ที่สุด จึงเป็นที่มาของการซื้อหุ้น บมจ.บลิส-เทล ช่วงจังหวะนั้นได้เจรจากับผู้ผลิตมือถือรายใหญ่มาต่อยอดธุรกิจ แต่ที่สุดก็เจ๊าเพราะถูกทางการจับตาเรื่องการปั่นหุ้น

จริงๆ ต้องมอง 2 เรื่องนี้แยกจากกัน ทางการจับตาเรื่องปั่นหุ้น นักลงทุนรายย่อยเสียหายแค่ไหน คิดดู..ดันราคา 2-3 วันแรก ตลาดไม่เคยทำอะไรเพราะทำไม่ทัน ช่วงนั้นมีรายใหญ่ได้กำไรไปแล้ว 40% พอทางการเข้ามา พวกนั้นก็ถือโอกาสขาย และทุบหุ้นลงมา

สุมิทเล่าต่อว่า เทคนิคการปั่นหุ้นของกลุ่มรายใหญ่ที่เข้ามาเล่นหุ้นไออีซี จะมีสูตรทั้งขาขึ้นและขาลง ได้กำไรตลอดทาง

ถ้าเล่นขาขึ้นพวกนี้ก็จะซื้อ และดันราคาขึ้นไปด้วยสูตรซื้อ 2 หุ้น ขาย 1 หุ้น ไปตลอดทาง สมมติ 4 บาท ก็ซื้ออย่างนี้ไปเรื่อย จนขึ้นถึง 6 บาท พอติดลมบนจากนั้นก็เริ่มขายเปลี่ยนสูตรเป็นซื้อ 1 หุ้น ขาย 3 หุ้น ลงมาเรื่อยๆ

สมมติถัวเฉลี่ยขายได้ 5 บาทกว่า เหลือหุ้นนิดหน่อย พวกนี้จะขายกดราคาลงมาเลย ดันลงมาเหลือ 2-3 บาท แล้วเขาก็มาเก็บข้างล่าง พอถึงจังหวะ ก็ไล่ขึ้นไป รายย่อยก็ตามขายแล้วทุบลงอีกที

ผมถึงบอกไงทางการจับตอนทุบจับง่ายด้วย เพราะทุบแล้วลงมาเขาซื้อจริงๆ เคยจับตอนทุบมั้ย..ไม่เคย จับตอนปั่นขึ้น รายเล็กก็เจ็บสิ

สุมิทเผยว่า รายใหญ่ที่เข้ามาเล่นหุ้นไออีซี มีทุกชื่อ มีทุกกลุ่ม ทั้งเสี่ย ทั้งมาดาม ผมก็บอกตลาดว่าต้องช่วยผมจับ และจับจริงๆไม่ใช่แค่ออกข่าว..เคยจับได้มั้ย

เมื่อถามว่าคนที่ปั่นหุ้นก็มักอยู่วงใน ใช้ข้อมูลภายใน สุมิทสวนกลับมาทันทีว่า ให้จับพฤติกรรมการปั่นซิ! ดูเลยเวลามีข่าวดี มันปั่นมั้ย ตอนที่เราจะประกาศขาดทุนจำนวนมาก ดัน(ทะลึ่ง)ปั่น

เพื่อนฝูงผมหลายคนโทรมาถามว่าซื้อไออีซีได้มั้ย ผมก็บอกว่าธุรกิจมันเทิร์นอะราวด์ เชื่อว่าอนาคตมันจะดี แต่สุดท้ายก็ขาดทุนทุกคน

สุมิทยืนยันว่า กลุ่มพรรคพวกตนเองที่เข้ามาซื้อหุ้นตั้งแต่แรก (กันยายน 2548) ทุกคนยังอยู่ครบ เพราะซื้อแพง ไม่รู้จะหนีไปไหน

ตอนหุ้นขึ้นสูงก็ยังไม่หนี ตอนตกต่ำจะหนีทำไม หนีแล้วได้อะไร ก็ต้องยอมลุยต่อไป เกมของเราก็จะทำต่อไป แม้ว่าจะกลับมาตั้งไข่อีกครั้งก็ตาม

เมื่อสอบถามถึง กลุ่มพายัพ ชินวัตร ว่ายังอยู่หรือไม่ ได้รับคำตอบว่า ไม่น่าจะอยู่แล้ว ซึ่งจะเป็นผลดีต่อบริษัท

สำหรับอนาคตของไออีซีนับจากนี้ สุมิทเปิดเผยว่า จะแยกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ หนึ่ง..ยังอยู่ในธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจมือถือ แต่ต้องทำให้เลือดหยุดไหลให้ได้

ฝั่งของบริษัทลูก บลิส-เทล นั้น อนาคตก็จะมีข่าวดีจากการเป็นพันธมิตรกับ เอไอเอส จะมีการรับประกันการขาดทุนของสินค้าในร้าน ซึ่งจะทำให้ บลิส-เทล มีแต่กำไรกับเสมอตัว ไม่ขาดทุน

สอง..จะเร่งสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล แก๊สโซฮอล์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (IGA) ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง ซื้อมาจาก กลุ่มคงสมพงษ์ จะมีการลงทุนเพิ่มรวม 812 ล้านบาท ผลิตเอทานอลขนาด 1.7 แสนลิตรต่อวัน คาดว่าจะคืนทุนได้ภายใน 4 ปี

ขณะเดียวกันก็มีการลงทุนผลิต ไบโอดีเซล ภายใน 1-2 ปี จะนำบริษัทนี้เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์

นอกจากนี้ไออีซียังได้จัดตั้งบริษัทเพื่อทำการค้ากับต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศตะวันออกกลาง โดยจะเข้าไปเป็นซัพพลายเออร์

ตรงนี้คุณไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ เขามีคอนเนคชั่นที่ดีกับพวกตะวันออกกลาง คือถ้าเขาต้องการอะไร เราก็จะหาสินค้าให้ เช่น แอร์ พรม เป็นต้น ธุรกิจนี้ถือเป็นความหวังใหญ่ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะใหญ่กว่าการลงทุนในธุรกิจพลังงานหรือไม่

นอกจากนี้ สุมิทกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ในหัวยังมีแผนธุรกิจอื่นอีก แต่ต้องขออุบไว้ก่อน ส่วนเม็ดเงินที่จะใช้ลงทุน หากต้องการใช้ก็สามารถเพิ่มทุนได้อีก เนื่องจากยังมีหุ้นเพิ่มทุนขายเฉพาะเจาะจง (PP) เหลืออยู่อีก 400 ล้านหุ้น ที่ราคาไม่ต่ำกว่า 3 บาท

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com