May 1, 2024   12:34:52 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ฟันธงหุ้นเด่น++++++++++
 

???
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 410
วันที่: 19/02/2007 @ 09:22:06
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

พิเชฐ ชุณหเสวี
ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์ ยูไนเต็ด จำกัด (มหาชน) หรือ US
CCET
แนะนำลงทุนหุ้น CCET เนื่องจากแจ้งผลการดำเนินงาน 4Q49 เติบโตโดดเด่น 31.2%YoY ในขณะที่แนวโน้มอุตสาหกรรม EMS โลกปี 50 ยังขยายตัวต่อเนื่องอีก 12.5% ประกอบกับเตรียมรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่กลุ่มโทรคมนาคมที่อินเดีย จึงทำให้คาดผลการดำเนินงานปี 50 เติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทยังให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงกว่า 8.6% ต่อปี มีราคาเป้าหมายปี 50 ที่ 5.15 บาท
TIPCO
แนะนำลงทุนหุ้น TIPCO เนื่องจากคาดผลประกอบการ 4Q49 ขยายตัวโดดเด่นตามฤดูกาลและผลประโยชน์ของการขยายฐานลูกค้าน้ำผลไม้ระดับล่างที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับปี 50 บริษัทจะได้รับผลบวกจากการเปิดใช้โรงงานใหม่ที่อยุธยาและกระแสการใส่ใจในสุขภาพที่มากขึ้น ส่งผลคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรปี 49-50 โต 18.5% ต่อปี ราคาเป้าหมายที่ 8.30 บาท
DEMCO
แนะนำลงทุนหุ้น DEMCO เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตในปี 50 มีต่อเนื่องจาก Backlog ในมือกว่า 1,200 ล้านบาท โดยเราประเมินกำไรปี 50 ที่ 121 ล้านบาท EPS 0.56 บาท สำหรับงานที่ยื่นประมูลอยู่ประมาณ 2,400 ล้านบาท และโรงไฟฟ้าไอพีพีจะประมูลรอบใหม่ จะสร้างโอกาสเติบโตอนาคต ราคาปัจจัยพื้นฐาน 4.48 บาท
กวี ชูกิจเกษม
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KSEC
LPN
แนะนำให้ลงทุนหุ้น LPN เนื่องจากเรื่องผลประกอบการที่จะออกมาในเร็วๆนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะมีรายๆได้ที่ดี และเติบโตกว่าที่ผ่านมา โดยประเมินราคาเป้าหมายไว้ที่ 6.40 บาท
KTB
แนะนำให้ลงทุนหุ้น KTB เนื่องจากเป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารที่มีประเด็นในเรื่องของการจ่ายเงินปันผลในอัตรามากที่สุดถ้าเทียบกับหุ้นในกลุ่มเดียวกัน ดังนั้น แนะนำ ?ซื้อ?
SEAFCO
แนะนำให้ลงทุนหุ้น SEAFCO เนื่องจากเป็นหุ้นในกลุ่มก่อสร้างที่ได้รับประโยชน์ในเรื่องของราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลง รวมทั้งมีการจ่ายปันผลที่ดีอย่างต่อเนื่อง จึงแนะนำ ?ซื้อ?
อดิศักดิ์ คำมูล
ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) หรือ KGI
MCOT
แนะนำให้ลงทุนหุ้น MCOT เนื่องจากสัญญาณทางเทคนิคเกิดสัญญาณซื้อ ดังนั้น จึงแนะนำเก็งกำไรที่แนวรับ 24.75 บาท ส่วนแนวต้านที่ 26.75 บาท โดยขายตัดขาดทุนที่ 24.75 บาท
IRP
แนะนำลงทุนหุ้น IRP เนื่องจากประเมินแนวรับที่ 7.15-7.10 บาท ส่วนแนวต้านมองที่ 7.60 บาท โดยสัญญาณทางเทคนิคราคาหยุดอยู่ที่แนวรับ ดังนั้น สามารถเก็งกำไรในระยะสั้นได้
METRO
แนะนำลงทุนหุ้น METRO เนื่องจากการเก็งกำไรสั้นๆตามสัญญาณซื้อต่อเนื่อง โดยประเมินแนวรับที่ 16.30 บาท ส่วนแนวต้านที่ 17.1 บาท แต่แนะนำขายตัดขาดทุนที่ 16.20 บาท
ภูวดล ลาภอุดมสุข
ผู้อำนวยการสายงานการตลาด บริษัท หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP
RS
แนะนำจากหุ้น RS เนื่องจากมีการเติบโตที่ดีหลังจากมีการปรับโครงสร้างรายได้ และตัดขาดทุนได้หมดแล้ว ประกอบกับมีการรับงานในส่วนอื่นเพิ่ม อย่าง Event มากกว่าจะมุ่งเน้นในเรื่องงานเพลง ซึ่งงาน Event มีมาร์จิ้นที่ดีกว่า ดังนั้น ประเมินราคาเป้าหมายที่ 6 บาท
SEAFCO
แนะนำจากหุ้น SEAFCO เนื่องจากกลุ่มรับเหมาที่ยังคงมีภาพที่ดีในขณะนี้ โดยหุ้นกลุ่มเดียวกันขณะนี้มีปัญหา ทั้ง CK / STEC และ ITD ดังนั้น นักลงทุนควร ซื้อ ซึ่งประเมินราคาเป้าหมายไว้ที่ 10.48 บาท
AOT
แนะนำลงทุนหุ้น AOT เนื่องจากประเมินราคาเป้าหมายไว้ที่ 66.7 บาท โดยเชื่อว่าหลังจากที่เคลียร์เรื่องของการตรวจสอบสนามบินเรียบร้อยแล้วน่าจะมีภาพที่ดีขึ้น ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจะทำให้รายได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่ราคาลงมาพอสมควร
กมลชัย พลอินทวงศ์
ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัท ทรีนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNITY
UV
แนะนำลงทุนหุ้น UV เนื่องจากมองว่าราคาน่าจะรีบาวด์ขึ้นได้ จากการที่คาดว่าผลประกอบการที่จะออกมานั้นน่าจะออกมาดี โดยประเมินแนวรับที่ 2.30-2.20 บาท ส่วนแนวต้านที่ 2.50-2.70 บาท
RS
แนะนำลงทุนหุ้น RS เนื่องจากการเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจน่าจะทำให้รายได้ของ RS เติบโต และราคาหุ้นน่าจะรีบาวด์ต่อเนื่องได้ โดยกราฟทางเทคนิคค่อนข้างดี ซึ่งประเมินแนวรับไว้ที่ 4.74-4.60 บาท ส่วนแนวต้านที่ 5-5.15 บาท
TVO
แนะนำให้ลงทุนหุ้น TVO เนื่องจากราคาน่าจะสามารถรีบาวด์ตามหุ้นที่ทำธุรกิจคล้ายกันที่ราคาปรับขึ้นไปแล้ว ขณะที่เชื่อว่างบการเงินของบริษัทน่าจะออกมากดี โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 8.40-8.20 บาท ส่วนแนวต้านที่ 9-9.20 บาท
อภิศักดิ์ ลิมป์ธำรงกุล
ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท หลักทรัพย์นครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCIS
PTTCH
แนะนำให้ลงทุนหุ้น PTTCH เนื่องจากปริมาณการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรของ PTTCH ยังคงเติบโต โดยคาดว่ากำไรในปี 2550 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 7% นอกจากนี้ PTTCH จะยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 271 ล้านบาท ดังนั้นจึงได้ประเมินกรอบราคาทางเทคนิคโดยให้แนวรับอยู่ที่ 74 บาท ส่วนแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 80 บาท
KTB
แนะนำให้ลงทุนหุ้น KTB เนื่องจากคาดว่าอัตราการเติบโตของสินเชื่อและค่าธรรมเนียมจะเพิ่มขึ้นประมาณ 15% โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 2550 จะอยู่ที่ 13,805 ล้านบาท และไตรมาส 1/2550 จะมีอัตราการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นจึงได้ประเมินงบราคาทางเทคนิคโดยให้แนวรับอยู่ที่ 12.50 บาท ส่วนแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 14 บาท
KCE
แนะนำให้ลงทุนหุ้น KCE เนื่องจากปริมาณการขายยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ค่าเงินแข็งก็ไม่ได้ส่งผลประทบต่อ KCE มากนัก ดังนั้นไตรมาส 1/2550 KCE จะมีกำไรประมาณ 25 ล้านบาท ดังนั้นจึงได้ประเมินกรองบราคาทางเทคนิคโดยให้แนวรับอยู่ที่ 3.80 บาท ส่วนแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 4.50 บาท
วรุฒม์ ศิวะศิริยานนท์
ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท หลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (มหาชน) หรือ GBX
SEAFCO
แนะนำให้ลงทุนหุ้น SEAFCO แม้ว่าผลประกอบการปี 2550 จะลดลง เนื่องจากในปี 2549 ผลประกอบการของ SEAFCO นั้นเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่อย่างไรก็ตามคาดว่ารายได้ในปี 2550 จะยังคงมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 11% ดังนั้นจึงประเมินราคาเป้าหมายปี 2550 ของ SEAFCO อยู่ที่ 10 บาท
AP
แนะนำให้ลงทุนหุ้น AP เนื่องจากคาดว่ารายได้ของ AP จะยังคงเติบโต เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเริ่มปรับตัวลดลง ซึ่งมันก็จะช่วยหนุนให้รายได้และยอดขายของ AP ยังคงเติบโต ดังนั้นจึงได้ประเมินราคาเป้าหมายปี 2550 ของ AP อยู่ที่ 4.50-5 บาท
TTA
แนะนำให้ลงทุนหุ้น TTA เนื่องจากคาดว่ารายได้จะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากค่าระวางเรือในปีนี้ยังคงทรงตัวในระดับสูง ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเดือนเรือค่อนข้างที่น่าสนใจ ประกอบกับ TTA ก็มีการจ่ายเงินปันผลอัตรา 1.70 บาทต่อหุ้น ซึ่งถือว่าจ่ายเงินปันในอัตราที่ดี ดังนั้นได้ประเมินราคาเป้าหมายปี 2550 ของ TTA อยู่ที่ 35 บาท
สมพงศ์ เบญจเทพานันท์
ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ พรูเด้นท์สยาม จำกัด
PRIN
แนะนำให้ลงทุนหุ้น PRIN เนื่องจาก PRIN ยังคงมีอัตราการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นในปี 2550 ประกอบกับได้รับอานิสงส์จากภาวะราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ดังนั้นจึงได้ประเมินราคาเป้าหมายของ PRIN ปี 2550 จะอยู่ที่ 4.89 บาท
KBANK
แนะนำให้ลงทุนหุ้น KBANK เนื่องจากมองว่า KBANK ยังคงมีอัตราการเติบโตของการปล่อยสินเชื่อที่ดีในปีนี้ ขณะเดียวกัน KBANK เองก็มีฐานะทางการเงินที่ค่อนข้างจะแข็งแกร่ง รวมทั้งราคาหุ้นของ KBANK ที่เทรดกันอยู่ในกระดานก็ถือว่ายังต่ำ ดังนั้นจึงได้ประเมินราคาเป้าหมายของ KBANK ปี 2550 จะอยู่ที่ 83 บาท
LPN
แนะนำให้ลงทุนหุ้น LPN เนื่องจากมองว่า LPN ยังคงมีจำนวน Backlog ที่รอรับรู้รายได้ได้ในปีนี้ค่อนข้างมาก ซึ่งก็ส่งผลให้รายได้ของ LPN ในปีนี้น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายได้ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยเริ่มที่ทรงตัวส่งทำให้ต้นทุนของ LPN ปรับตัวลดลง ดังนั้นจึงได้ประเมินราคาเป้าหมายของ LPN ปี 2550 จะอยู่ที่ 5.70 บาท
วิริยา ลาภพรหมรัตน์
ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท หลักทรัพย์เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKS
WORK
แนะนำให้ลงทุนหุ้น WORK เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการในปี 2549 จะอยู่ในระดับทรงตัวเท่ากับ 2548 แต่อย่างไรก็ตามคาดว่า WORK จะจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังที่ 0.60 บาท ส่วนในปี 2550 ดังนั้น
จึงคาดว่า WORK จะจ่ายปันผลอยู่ที่ 1.36 บาท
CK
แนะนำให้ลงทุนหุ้น CK เนื่องจากคาดว่าแม้ศาลจะมีคำสั่งยกฟ้องค่าทางด่วน 2,500 ล้านบาท ซึ่งก็อาจจะส่งผลให้ผลประกอบการของ CK ปรับตัวลดลง แต่ถ้ามองในระยะยาว CK ยังมีความน่าสนใจ เนื่องจาก CK มีโอกาสที่จะได้งานรถไฟฟ้า 5 สาย และจากการนำบริษัทน้ำประปาไทยเข้าตลาดในไตรมาส 1 หรือ 2 ของปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของ CK จะยังเติบโต ดังนั้นจึงได้ประเมินราคาเป้าหมายของ CK ปี 2550 จะอยู่ที่ 9 บาท
MCOT
แนะนำให้ลงทุนหุ้น MCOT เนื่องจากคาดว่าในปีนี้ MCOT จะมีรายได้เพิ่มจากรายการใหม่ที่เข้ามา ขณะเดียวกันคาดว่ารายได้ในไตรมาส 4/2549 จะเติบโตประมาณ 10% นอกจากนี้คาดว่ารายได้ปีนี้จะอยู่ที่ 1,147 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นจะอยู่ที่ 1.67 บาท และคาดว่าจะมีการจ่ายปันผลปี 2550 ประมาณ 0.67 บาทต่อหุ้น ดังนั้นจึงได้ประเมินราคาเป้าหมายของ MCOT ปี 2550 จะอยู่ที่ 27 บาท
นักวิเคราะห์
บริษัท หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PST
CMO
แนะนำลงทุนหุ้น CMO เนื่องจากคาดการณ์รายได้ใน 4Q49 เติบโต 51.21% YoY และ 15% QoQ มาอยู่ที่ 229.70 ล้านบาท เป็นการรับรู้รายได้จากการรับงานเดิม คือ งานพืชสวนโลก (Royal Flora Ratchaphruek 2006) ราว 60-70 ล้านบาท, จังซีลอน 35 ล้านบาท, พิพิธภัณฑ์ที่กัมพูชา ราว 30 ล้านบาท และจาก Backlog ของกลุ่มในปี 2550 ที่กว่า 300 ล้านบาท สูงกว่าตัวเลขเดิม และคาดว่าการปันผลที่ 0.28 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Yield ที่ 10.85% ยังแนะนำ ?ซื้อ? แนวต้านที่ 2.70-2.80 บาทแนวรับที่ 2.50-2.44 บาท
KCAR
แนะนำลงทุนหุ้น KCAR เนื่องจากรายได้ใน 4Q49 คาดว่าจะเติบโตราว 10% QoQ โดยบริษัทย่อยมีการรับรู้รายได้เข้ามาใน ระดับสูง ด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อรายได้คาดว่าจะปรับขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ภาระดอกเบี้ยและภาษีขยับขึ้นเช่นกัน ดังนั้นประมาณการกำไรสุทธิปี 2550 อยู่ที่ 197.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% YoY ราคา พื้นฐานปี 2550 จะอยู่ที่ 6.31 บาท ซึ่งยังมี upside อีก 19.06% แนวต้านหลักที่ 5.80-6 บาท แนวรับที่ 5.10-4.90 บาท แนะนำ ?ซื้อเก็งกำไร?
SAMART
แนะนำลงทุนหุ้น SAMART เนื่องจาก 9 เดือนแรกมีรายได้เพิ่มถึง 69%YoY เป็น 22,740.17 ล้านบาท ซึ่งหลักๆ มาจากรายได้ของ SIM ที่จำหน่ายโทรศัพท์มือถือได้เพิ่มมากขึ้น ส่วน SAMTEL ก็มีการเติบโตจากตัวบริษัท เอง และจากการรวมกิจการของ Samart Comtec เข้ามา ทั้งนี้ในปี 2550 ประมาณการรายได้โตขึ้น 8.74% เป็น 32,539.95 ล้านบาท ซึ่งให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (Capital Gain) 16.52% และมี Dividend Yield 4.49% แนะนำเพียง ?ซื้อเก็ง กำไร? แนวรับที่ 8.75-8.65 บาทแนวต้านที่ 9-9.10 บาท
นักวิเคราะห์
บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)จำกัด(มหาชน) หรือ KEST
HEMRAJ
แนะนำให้ลงทุนหุ้น HEMRAJ เนื่องจากการคาดว่า HEMRAJ จะมียอดขายที่ดินในปี 49 อยู่ที่ 1,130 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากที่คาด ขณะที่ในปี 50 จะมียอดขายทั้งสิ้น 1,996 ล้านบาท ส่วนคอนโดฯเชื่อว่า HEMRAJ จะรับรู้รายได้ที่เหลือจำนวน 2,362 ล้านบาท ดังนั้น แนะนำ ซื้อ จากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งจากการรับรู้รายได้ของคอนโดฯแม้โครงการจะล่าช้าจากปีที่ผ่านมา
AH
แนะนำให้ลงทุนหุ้น AH เนื่องจากแนวโน้มปี 50-51 จะเติบโตสูง จากการเก็บเกี่ยวประโยชน์โรงงานแห่งใหม่ที่มีการขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว ประกอบกับการควบรวมกิจการกับ KPN จะทำให้ยอดขายและกำไรก้าวกระโดด ทำให้ประเมินว่ายอดขายในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 44% เป็น 11,167 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 702 ล้านบาท(กำไรต่อหุ้น 2.49 บาท) เพิ่มขึ้น 73% ดังนั้น ประเมินราคาเหมาะสมเท่ากับ 22 บาท แนะนำ ?ซื้อ? ลงทุน
BMCL
แนะนำซื้อลงทุนหุ้น BMCL เนื่องจากการวิเคราะห์มูลค่าหุ้นด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ใช้อัตราคิดลดที่ 9% ระยะเวลาสัมปทานหรือช่วงปีบัญชี 2549-2572 โดยไม่มีมูลค่าเมื่อสิ้นสุดสัญญาสัมปทานจะได้มูลค่าเหมาะสมปรับลดลงเล็กน้อยเป็น 1.32 บาท ราคาหุ้นยังมีส่วนต่างจากราคาเหมาะสมอยู่ 21% จากแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
นักวิเคราะห์
บริษัทหลักทรัพย์ บีที จำกัด (มหาชน) หรือ BT
BBL
แนะนำให้ลงทุนหุ้น BBL เนื่องจากเงินกองทุนจอง BBL ค่อนข้างที่แข็งแกร่ง และ BBL เองก็จะได้ตั้งเป้าลด NPL จาก 9% เหลือ 5.6% นอกจากนี้ BBL จะเร่งในเรื่องของการสร้างผลประกอบการที่ดี เพื่อนำเงินมาปันผลให้กับผู้ถือหุ้น ดังนั้นจึงได้ประเมินราคาเป้าหมายปี 2550 ของ BBL อยู่ที่ 35 บาท
SCB
แนะนำให้ลงทุนหุ้น SCB เนื่องจากมองว่าในปีนี้ SCB จะมีการเติบโตสูงที่สุดในกลุ่ม เนื่องจาก SCB ได้เร่งการขยายสินใหม่ คาดว่าปีนี้สินเชื่อใหม่จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 26% และตั้งเป้าลด NPL ลงจาก 8% ให้เหลือ 6% ดังนั้นจึงได้ประเมินราคาเป้าหมายปี 2550 ของ SCB อยู่ที่ 70 บาท
UOBKH
แนะนำให้ลงทุนหุ้น UOBKH เนื่องจากมองว่าระดับราคาหุ้นของ UOBKH นั้น ยังต่ำกว่าที่ได้ประมาณการไว้ ดังนั้นจึงได้ประเมินราคาเป้าหมายปี 2550 ของ UOBKH อยู่ที่ 6.75 บาท

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com