April 30, 2024   9:22:23 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > อยู่ที่ต่างชาติ!
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 19/02/2007 @ 09:34:46
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่ทยอยเข้ามาเก็บหุ้นบลูชิพตลอดทั้งสัปดาห์ คือแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีความเป็นไปได้ที่ดัชนีจะไต่ระดับขึ้นไปสร้างแนวรับที่สูงขึ้นกว่าเดิม
เนื่องจากเม็ดเงินจากต่างประเทศยังไหลเข้ามาในประเทศแถบเอเชียเป็นจำนวนมากซึ่งเป็นผลมาจากอัตราผลตอบแทนการลงทุนสูงกว่าเมื่อเทียบกับทางยุโรป จึงเชื่อว่าเม็ดเงินดังกล่าวจะผลักดันให้ดัชนีเดินหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ
ถึงกระนั้นก็มีปัจจัยเสี่ยงเรื่องการโยกย้ายฐานเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติแฝงมาด้วยทุกครั้งที่ดัชนีปรับตัวขึ้นแรง เพราะเม็ดเงินที่เข้ามาดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเข้ามาเล่นเก็งกำไรสั้นๆ เท่านั้น
ผลดังกล่าวทำให้ช่วงท้ายสัปดาห์มีแรงเทขายทำกำไรออกมาเป็นระรอก และคาดว่าจะมีแรงเทขายออกมาเรื่อยๆ หลังจากตลาดหุ้นขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนเป็นชิ้นเป็นอัน
รวมทั้งข่าวการจ่ายปันผลของหุ้นต่างๆ ที่มีออกมาก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าจะมีการซึมซับรับข่าวดังกล่าวไปมากพอสมควร ถึงทำให้ราคาหุ้นปันผลหลายตัวเริ่มนิ่ง และขยับขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิมไม่ไหว
ภาพรวมของตลาดหุ้นตลอดสัปดาห์น่าเป็นลักษณะ side way โดยมีหุ้นกลุ่มบลูชิพอย่าง แบงก์ พลังงาน ปิโตรเคมี และอสังหาริมทรัพย์ ยังเป็นแกนหลักในการผลักดันให้ดัชนีเดินหน้าขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม

โดยตัวแปรที่เป็นตัวกำหนดว่าดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้มากน้อยเพียงใด ล้วนอยู่ที่แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติล้วนๆ
สัปดาห์นี้ดัชนีมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 710-720 จุด และมีแนวรับสำคัญที่ 690-680 จุด



.00020

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 19/02/2007 @ 09:35:57 : re: อยู่ที่ต่างชาติ!
ทดสอบแรงเทขาย

*สภาพหลังปีใหม่จีนที่พึ่งพาพ้นมา คงจะทำให้หลายๆ คนมองตลาดหุ้นไปในทิศทางที่ไม่ค่อยจะดีนัก โดยเฉพาะหลังจากที่ดัชนียังไม่สามารถทะลุ 700 จุดไปได้ เพราะอยู่ในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองการกิน ดื่ม ช้อปปิ้งเลยทำให้นักลงทุนต่างไม่มีกะจิตกะใจในการลงทุน

*ถ้าจะว่ากันตามจริงแล้ว ดัชนีที่ 700 จุด ถือเป็นแนวต้านที่แข็งแกร่งในเชิงจิตวิทยาซึ่งการปรับลดลงครั้งนี้ถือเป้นเรื่องปกติ และถ้ามองกันในด้านดี จะถือว่าเป็นการปรับฐานเพื่อที่จะทะลุต่อ แต่ทั้งนั้นต้องดูแรงเทขายในช่วงจากนี้ไปว่าจะมีเข้ามามากน้อยเพียงใดซึ่งถ้ามีไม่มาก ก็จะแสดงให้เห็นว่าทิศทางของตลาดหุ้นน่าจะเริ่มกลับลำได้อีกครั้ง

*หลังจากที่มีข่าวดีเรื่องแบงก์พาณิชย์ หลายรายเริ่มที่จะประกาศการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก3-6 เดือนลง โดยเฉพาะKBANK ที่มีแผนจะลดต่ำกว่าแบงก์อื่น0.25% ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นไปดังที่กล่าว บวกกับนักลงทุนให้ความมั่นใจแลชะลอการเทขายหุ้นในช่วงนี้ ก็น่าจะทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาได้อีกครั้ง

*นอกจากนี้ยังมีข่าวดีเรื่องการกลับมาของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ได้รับเชิญให้กลับมาช่วยงานในการประสานความสมานฉันท์ระหว่างรัฐบาลไทย กับนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่น กับจีน และถ้าประสบความสำเร็จ คงจะทำให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาคึกคักได้อีกอย่างแน่นอน

*ด้านหุ้นCK ที่ยังปรับตัวลงแบบไม่หยุดแบบนี้ คงจะทำให้หลายๆ คนต้องเปลี่ยนมุมมองหุ้นตัวนี้ใหม่ ถึงแม้นักวิเคราะห์ค่ายต่างๆ จะออกมาประกาศว่าค่าโง่ 6.2 พันล้านบาทที่ฟาลว์ไปนั้นไม่มีผลตอบฐานของบริษัทแต่อย่างใด แต่ไฉนราคาหุ้นถึงร่วงเอา เหมือนคนเป็นโรคท้องร่วงแบบนี้ ราคาหุ้นปิดที่ 8 บาท

*สำหรับหุ้นADVANC ที่ปรับตัวลดลงมา คงไม่ต้องงงเลยว่าเป็นเพราะอะไร เพราะตราบใดที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ ยังเป็นเทมาเซก อยู่ ราคาหุ้นก็มักจะขึ้นๆ ลงๆ แบบไร้เหตุผลได้เช่นกันคะ ราคาหุ้นปิดที่ 76.50 บาท

*คนที่ถือหุ้น ATC อยู่ตอนนี้ไม่ต้องตกใจนะคะ ก็อย่างที่ โมนิก้าเคยบอกไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าราคาหุ้นตัวนี้กำลังสู้กันอยู่ระหว่างผู้ถือหุ้น ซึ่งหุ้นที่ลงมาลึกๆ รอบนี้เป็นการปล่อยของเพื่อหากำไรเที่ยวตรุษจีนของนักลงทุนขาใหญ่

*ส่วนใครที่เป็นนักลงทุนระยะยาว คงไม่ต้องกังวลคะ เพราะเงินปันผลกำลังรออยู่ใครที่คิดจะติดจากหุ้นตัวนี้ เดี๊ยนขอเตือนด้วยความหวังดีนะคะ ว่าอาจจะต้องมาเสียใจภายหลัง ชั่วโมงนี้เดี๊ยนไม่อยากบังคับใจใครคะ เพราะเงินของใครคนนั้นก็ต้องดูแลเองจริงไหมละคะแฟนๆ ทั้งหลาย ใครยังไม่มีทยอยเก็บได้นะคะ ราคาหุ้นปิดที่ 42.25 บาท

*ราคาหุ้น AOT ที่เริ่มจะกลับมาสู่พื้นฐานที่ระดับ 60 บาท อีกครั้ง คงจะทำให้นักลงทุนที่เทขายไปช่วงที่หุ้นต่ำกว่า55 บาท และไม่มีการเข้ามารับช่วงที่ราคาหุ้นหลุด 50 บาท คงจะต้องบ่นเป็นหมีกินผึ้งกันยกใหญ่ หลังจากที่ราคาหุ้นเริ่มกลับมาสู่ขาขึ้นอีกครั้ง ก็แหมข่าวร้ายหมด แถมมีข่าวดีเรื่องสนามบินดอนเมืองแบบนี้ ทำไมหุ้นจะขึ้นไม่ได้ละคะ ราคาหุ้นปิดที่58.50 บาท

*ในเมื่อความเคลื่อนไหวของหุ้นตัวใหญ่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาก ก็จะขอข้ามมาดูที่หุ้นตัวเล็กที่รายย่อยเล่นกันบ้าง โดยจะขอเริ่มที่หุ้น CAWOW ที่ โมนิก้ารู้สึกว่าจะเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญเหลือเกินเลยนะคะ สำหรับพ่อหนุ่มกล้ามโตแอริค มาร์ค เลอวีนเจ้าของฟิตเน็ตชื่อดัง ที่มักจะออกมาซื้อหุ้น CAWOW ทุกครั้งที่มีข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับศูนย์ฝึกและออกกำลัง โดยนับวันยิ่งมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จนครั้งล่าสุด สคบ.ก็ออกมาประกาศให้ผู้ประกอบการออกมาพูดคุยกับลูกค้าขอตนเองโดยตรง เพียงเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น

*มีผู้ประกอบการหลายรายเหมือนกันที่ไม่ไปตามนัด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มี CAWOW รวมอยู่ด้วย เพราะลูกค้าที่มาเรียกร้องส่วนใหญ่ล้วนเป็นลูกค้าของแอริค มาร์ค เลอวีน หนุ่มกล้ามโตทั้งนั้น เห็นแบบนี้แล้วอนาคตช่างไม่สดใสเอาเสียเลย ใครที่เห็นหุ้นขึ้นเมื่อปลายสัปดาห์ ก็อย่าพึ่งดีใจ หรือไม่แห่ตามนะคะ เพราะขึ้นมาแบบไม่มีวอลุ่ม ราคาหุ้นปิดที่ 6.50 บาท

*สำหรับในรายของPICNI เจ้านี้ ก็มีเรื่องการลาออกอีกแล้วของผู้บริหารในตำแหน่งกรรมการ โดยมีวราวุฒิ ลาภวิสุทธิสิน กับ Mr. Ameer Singh ได้ฤกษ์เปิดหมวกไปเรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนี้ได้แต่งตั้ง สมชาย สิริพันธ์วราภรณ์ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการและกรรมการ ในขณะที่สุเทพ อัคควุฒิไกร เข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท

*การเปลี่ยนเอ็มดีของบริษัทถังแก๊สรายนี้ รับรองคงไม่ใช่คนสุดท้ายแน่นอน เหมือนเป็นหมุนเวียนเพื่อขัดตาทัพเท่านั้น ถ้าจะถามว่าเมื่อไรตัวจริงจะออก คงบอกได้เลยคะว่าย๊ากกกก เพราะเสี่ยพระอาทิตย์ แกคงไม่กล้าออกหน้าหรอกคะ เพราะไม่อยากเปลืองตัวสำหรับสมชาย เอ็มดีใหม่ ชื่อจำง่ายคนนี้จะเป็นใคร มาจากไหนนั้น คงต้องขอเวลาไปค้นก่อน แต่ดีไม่ดีนะคะ อาจจะเป็นคนในบริษัทก็เป็นได้คะ ราคาหุ้นปิดที่ 0.33 บาท

*หุ้นที่มีปัญหาอย่าง SOLAR ยังคงทำให้นักลงทุนหลายรายเจ็บใจไม่หาย หลังจากที่ถูกอดีตผู้บริหารพูดเรื่องการลาออกของตนที่ตรงข้ามกับการกระทำซะอย่างงั้น และคงต้องบอกว่าอนาคตองค์กรแห่งนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่

*เพราะจากนี้ไปบริษัทโซลาร์เซลของSOLAR อาจจะต้องประสบปัญหากับการควบคุมต้นทุนการผลิตที่จะสามารถนำไปขายแข่งกับคู่แข่งในตลาดโลกได้อีกต่อไป ส่วนจะเป็นเพราะเหตุผลใดนั้น ขอยกยอดไว้พรุ่งนี้คะ เพราะเนื้อที่ตรงนี้มีน้อย กลัวจะสาธยายไม่หมดคะการที่ โมนิก้าเผยให้ฟังแค่นี้ก่อน จะเทขายก่อนเลย หรือจะรอฟังข้อมูลก่อนก็ได้นะคะ ไม่บังคับ ราคาหุ้นหลุด 4 บาทไปแล้ว เสี่ยไพวงษ์ อยู่หนายยย มาดูแลด่วนจ้า ราคาหุ้นปิดที่ 3.76 บาท



.00020
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 19/02/2007 @ 10:00:55 : re: อยู่ที่ต่างชาติ!
หุ้นใหญ่ปรับฐานรอดอกเบี้ยลง

หุ้นไทยวอลุ่มแผ่ว ฝรั่งชะลอลงทุนทั้งภูมิภาคตามเทศกาลตรุษจีน โบรกเกอร์มองสัปดาห์ก่อนหุ้นใหญ่ปรับฐาน นำโดยแบงก์-พลังงาน แนะสัปดาห์นี้เล่นแบงก์ได้เพราะปรับฐานแล้ว และรอข่าวดีแบงก์ชาติลดดอกเบี้ยอีกครั้ง ส่วนค่าบาทแข็งค่าเพราะดอลลาร์อ่อนหวั่นเฟดลดดอกเบี้ย

นายชัย จิระเสวีนุประพันธ์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน จำกัด(มหาชน)กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นสัปดาห์นี้คาดว่าจะไม่มีความเคลื่อนไหวมากนักเพราะเงินทุนไหลเข้าประเทศเพื่อนบ้าน เช่นฮ่องกง สิงคโปร์ จะไม่มีการเคลื่อนไหว จึงส่งผลต่อตลาดหุ้นไทย นอกจากนี้สัปดาห์นี้มีประเด็นการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)ในช่วงวันที่ 20-21 กุมภาพันธ์ ถ้าหากผลการประชุมไม่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลดีต่อการลงทุน อีกทั้งในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง จึงคาดว่าจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และอสังหาริมทรัพย์

ทั้งนี้สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นได้ปรับตัวลดลงติดต่อกัน 2 วันทำการ โดยเป็นการปรับฐานลงหลังจากขึ้นทดสอบบริเวณ 700 จุดแล้วไม่ผ่าน และมีภาพของการอ่อนตัวลงต่อเนื่อง ทำให้หุ้นขนาดใหญ่หลายบริษัทมีการปรับฐาน ทั้งกลุ่มธนาคารพาณิชย์และพลังงาน

?หุ้นธนาคารปรับฐานแล้ว สัปดาห์หน้ามีเรื่องรอผลอัตราดอกเบี้ยลด จึงน่าจะซื้อได้ มองดัชนีสามารถเข้าซื้อได้ที่ระดับ 683-675 จุด? นายชัย กล่าว

วันศุกร์ (16 ก.พ.)ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดที่ 688.01 จุด ลดลง 5.85 จุด หรือลดลง0.84% ระหว่างวันปรับขึ้นสูงสุด 963.97 จุด และต่ำสุด 687.89 จุด รวมมูลค่าซื้อขาย 8,602.10 ล้านบาท

นักค้าเงินธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)BBL กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้(19-23 ก.พ.)ค่าเงินบาทมีทิศทางแข็งค่าต่อเนื่องจากท้ายสัปดาห์ก่อน หลังจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ส่งสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้อเริ่มคลี่คลายและมีแนวโน้มลดลง ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าจะต้องมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้ง จึงทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงต่อเนื่อง

ส่วนค่าเงินบาทหากไม่มีนโยบายกันสำรอง 30% คาดว่าจะแข็งค่ากว่าที่เป็นอยู่ โดยวันศุกร์ที่ผ่านมา(16 ก.พ.)เปิดตลาดที่ 35.71 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ปิดตลาดที่ 35.73 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินทุนไหลเข้ามาพอสมควร แต่เป็นการไหลเข้าตลาดหุ้น


.00020
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#3 วันที่: 19/02/2007 @ 10:18:01 : re: อยู่ที่ต่างชาติ!
โบรกมองสัปดาห์นี้ปิด?Long?เปิด?Short?

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัท อยุธยา ดิริฟวทีฟส์ จำกัด กล่าวว่า ตลาดอนุพันธ์(TFEX) ในเชิงปัจจัยพื้นฐานใน SET50 Index ยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามา นอกจากเม็ดเงินของต่างชาติที่ยังซื้อสุทธิอยู่ แต่ภาพโดยรวมของพื้นฐานยังไม่มีอะไรดีมาก อย่างไรก็ตามแนวโน้มของสัญญาถ้านักลงทุนถือสถานะ ?Long? ไว้น่าจะพิจารณาปิดสถานะในสัปดาห์นี้ โดยหาโอกาสปิดในช่วงตลาดรีบาวด์

ส่วนผู้ลงทุนที่ยังไม่ได้เปิดสถานะด้านใดให้ทยอยเปิดสถานะ ?Short? ได้ในสัปดาห์นี้ โดย SET50 ให้กรอบแนวรับไว้ที่ 478 จุด และแนวต้าน 478 จุด ซึ่งในสัปดาห์นี้ตลาดน่าจะเงียบเพราะเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งประชาชนชาวจีนและฮ่องกงจะหยุดยาว
นอกจากนี้ประเทศใกล้เคียงที่มีเชื้อสายจีนน่าจะหยุดทำการในสัปดาห์นี้เช่นกัน ดังนั้นการซื้อขายในประเทศน่าจะน้อยลงซึ่งตลาดจะเป็นลักษณะ Sideway ซึ่งอยู่ในช่วงที่สามารถเปิดสถานะ ?Short? ได้ หากมีการรีบาวด์ขึ้นมาระหว่างวัน

อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ อาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดในสัปดาห์นี้ ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นออกมาในเกณฑ์ที่ดี GDP ในไตรมาส4 มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 4.8% ดังนั้นอาจมีการปรับอัตราดอกเบี้ย ซึ่งที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยในประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างถูกจึงทำให้นักลงทุนทั่วภูมิภาคเข้าไปกู้ยืม แต่หากมีการขึ้นดอกเบี้ยอาจทำให้มีการลดน้ำหนักลงทุนในภูมิภาคเพื่อนำเงินไปใช้หนี้คืนในประเทศญี่ปุ่น

.00020
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com