May 1, 2024   1:03:05 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ออฟชอว์-ออนชอว์ เข้าใจกันป่าวอ่ะ
 

arthor
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 803
วันที่: 19/02/2007 @ 14:00:00
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ทำไมต้องออฟชอว์-ออนชอว์ความเหมือนที่แตกต่างของ 2 ตลาด [/size:5c6e3ad07a">


หากจะเปรียบ ?ค่าเงินบาท? เหมือนสินค้าตัวหนึ่งที่เป็นของคนไทย และสินค้านั้นมีการซื้อมาขายไปกันอยู่ในประเทศ ธุรกรรมที่เกิดขึ้นนั้นจึงเกิดขึ้นที่ตลาดในประเทศ หากเป็นเงินบาท เราจะเรียกว่า ?ตลาดออนชอว์? ซึ่งหมายถึง การซื้อขายเงินบาทในประเทศ ส่วนใหญ่จะผ่านแบงก์พาณิชย์ ผู้ส่งออก นักลงทุน ต้องมาแลกเงินที่นี่ กลับกันถ้าสินค้าชิ้นเดียวกันนี้มีการซื้อมาขายไปที่ต่างประเทศ ก็จะเรียกว่า ?ตลาดออฟชอว์? ซึ่งหมายถึง การซื้อขายเงินบาทที่นอกประเทศ ไม่ว่าจะผ่านสาขาแบงก์ไทยในต่างประเทศ หรือซื้อขายกันเองกับคนไทยที่มีเงินบาทในต่างประเทศ ก็รวมเรียกว่าเป็นตลาดออฟชอว์ทั้งสิ้น
สรุปก็คือ ตลาดออฟชอว์-ออนชอว์ เป็นตลาดเงินบาทต่างประเทศกับในประเทศ เป็นความเหมือนที่แตกต่างกันของ 2 ตลาดนี้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วค่าเงินบาทในทั้ง 2 ตลาดนี้จะไม่แตกต่างกันมาก เพราะการแข็งค่าหรืออ่อนค่าของเงินบาทจะเป็นไปตามหลักดีมานด์และซัพพลายเช่น หากในประเทศหรือตลาดออนชอว์มีความต้องการบาทมาก ค่าเงินก็จะแข็งและตลาดนอกประเทศ หรือออฟชอว์ เมื่อต้องการเงินบาทไปส่งคืนตามสัญญาหรือไปลงทุนก็ตาม ก็จะมาซื้อบาทที่ตลาดออนชอว์ หรือไม่เช่นนั้นก็จะซื้อที่ตลาดออฟชอว์ ทำให้บาทในตลาดออฟชอว์แข็งขึ้นเช่นเดียวกัน
แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ค่าเงินบาทในตลาดออฟชอว์แข็งค่ามากกว่าออนชอว์ อันเนื่องมาจากที่ตลาดออฟชอว์ขาดเงินบาท ไม่สามารถมาซื้อเงินบาทที่ตลาดออนชอว์ได้ หลังจากที่ ธปท.ได้ออกมาตรการกันสำรอง 30% ซึ่งหมายความว่า หากมีเงินดอลลาร์เข้ามาแลกบาท 100 เหรียญฯ ธปท.จะยอมให้แลกเป็นบาทได้แค่ 70 เหรียญฯ ส่วนที่เหลืออีก 30 เหรียญฯ ให้ธนาคารพาณิชย์หักไว้และนำส่ง ธปท. เพื่อเป็นการประกันว่าจะไม่นำเงินลงทุนออกก่อน 1 ปี หากออกก่อน ธปท.จะคืนส่วนที่กันไว้แค่ 20% เท่านั้น
ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ตลาดออฟชอว์ จะต้องหาเงินบาทจากข้างนอกให้ได้ เพื่อนำมาส่งมอบตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ทำไว้เวลาที่ต้องการจะทำธุรกรรมทางการค้า จากเดิมที่สามารถเข้ามาซื้อบาทในตลาดออนชอว์ได้ตามสะดวก กลายเป็นว่าต้องถูกหัก30% จึงไม่เลือกที่จะเข้ามาในตลาดนี้ ทำให้ค่าเงินแข็งค่ามากกว่าตลาดออนชอว์อยู่ประมาณ 1-2 บาท เรื่องนี้ ดร.ธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เคยอธิบายว่ากรณีที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงมาตรการสกัดเงินทุนระยะสั้นของ ธปท.ได้ผล เพราะทำให้ทั้ง 2 ตลาดตัดขาดกันอย่างชัดเจน เพราะไม่มีท่อให้ต่อกันแล้ว นักลงทุนไม่สามารถเก็งกำไรค่าเงินได้ เห็นได้จากตลาดออฟชอว์ขาดเงินแต่ก็ไม่สามารถมาแลกบาทที่ออนชอว์ได้ เพราะกลัวจะถูกหัก 30%
นั่นแสดงว่าที่เข้ามาแลกเพื่อการลงทุนระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ธปท.ไม่อยากเห็นและเชื่อว่าค่าเงินบาทในประเทศจะไม่แข็งค่าตามตลาดนอกประเทศเพราะตัดขาดกันแล้ว และโดยทั่วไปค่าเงินในตลาดต่างประเทศต่างหากที่จะต้องปรับเข้ามาใกล้เคียงกับตลาดในประเทศ แต่ช่วงที่ผ่านมาเงินบาทในประเทศแข็งค่าขึ้นเป็นเพียงเพราะผู้ส่งออกตกใจที่บาทตลาดนอกประเทศแข็งค่า จึงกลัวว่าในประเทศจะแข็งค่าตามไปด้วย จึงเฮโลเทขายดอลลาร์ซื้อบาทเก็บไว้ ในขณะที่คนในแวดวงการเงินที่เชี่ยวกรากมาพอสมควรอย่าง ?ธีรศักดิ์ สุวรรณยศ? ประธานกรรมการบริหารและรักษาการกรรมการผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย กลับมองต่างมุม และไม่ค่อยจะแน่ใจว่าเงินบาททั้ง 2 ตลาดตัดขาดกันจริงหรือ เพราะแม้โดยทฤษฎีแล้วค่าเงินในตลาดออฟชอว์ต้องแข็งค่าตามออนชอว์ แต่ในความเป็นจริงออนชอว์อาจต้องขยับเข้าใกล้ออฟชอว์ ด้วยสาเหตุที่ว่า ตลาดออฟชอว์ขาดเงินบาทอยู่มาก
ดังนั้นนักลงทุนคงจะต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะนำบาทมาส่งมอบตามสัญญาฟอร์เวิร์ดโดยการหาซื้อจากตลาดออนชอว์เพราะออฟชอว์ขาดเงินบาท แม้ว่าจะต้องถูกหัก 30% จากธปท. ในการซื้อบาทแต่ละครั้งก็ต้องยอม ขณะเดียวกันความต้องการแลกเงินบาทเพื่อเข้ามาลงทุนหรือใช้ขยายธุรกิจจะยังคงเพิ่มขึ้นตามช่องทางที่ธปท.ผ่อนคลายก็ได้นี่คือปัจจัยที่จะทำให้บาทในออนชอว์จะยิ่งแข็งค่าตามตลาดออฟชอว์ ส่วนสาเหตุที่ค่าเงินบาทยังคงนิ่งอยู่ระดับ 35.80 บาทต่อดอลลาร์ ไม่น่าจะเป็นเพราะการแตกตื่นและตกใจของนักลงทุนที่เห็นเงินบาทในตลาดออฟชอว์แข็งค่าขึ้น เพราะที่ผ่านมาก็มีการอธิบายอย่างกว้างขวางให้เป็นที่เข้าใจกันว่า 2 ตลาดนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่สาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากนักลงทุนคาดการณ์และเชื่อว่าค่าเงินบาทจะยังมีทิศทางแข็งค่าต่อไปอีกมาตรการของ
ธปท.เพียงแค่ชะลอไม่ให้ค่าเงินแข็งค่าเร็วเกินไปเท่านั้น
ดังนั้นนักลงทุน หรือ ผู้ประกอบการส่งออกจึงเทขายดอลลาร์เพื่อซื้อบาทเก็บไว้หรือที่ถือครองอยู่ก็ต้องรีบแลกเก็บบาทไว้ก่อนที่จะแข็งค่าไปมากกว่านี้ เพราะจะมีผลทำให้แลกเป็นบาทได้น้อยลงส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทนอกจากนี้ ยังเสนอแนะว่า หาก ธปท.ต้องการจะลดการเข้ามาเก็งกำไรค่าเงินของนักลงทุนต่างชาติ ก็อาจจะทำได้ 2 วิธี คือ 1.ลดดอกเบี้ยลง 1% จากปัจจุบัน 4.75% มาอยู่ที่ 3.75% จะช่วยให้ความน่าสนใจเข้ามาลงทุนในตลาดเงินลดลง ดังนั้นความต้องการแลกเงินบาทมาลงทุนก็จะน้อยลงส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง 2.รัฐบาลเร่งอัดฉีดเงินออกสู่ระบบ โดยจะต้องเร่งการใช้จ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะในส่วนของโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ เพราะจะทำให้มีเงินบาทในตลาดมากขึ้น กระจายไปในหลายธุรกิจ และก่อให้เกิดการจ้างงาน ? นักลงทุนไม่ตกใจแล้ว แล้วเรื่องบาทแข็งในตลาดออฟชอว์-ออนชอว์ เขาเข้าใจดี และไม่ได้มากังวลเทขายดอลล์อย่างเดียว เพียงแต่ที่บาทแข็งค่าช่วงนี้เป็นเพราะความคาดหวังของนักลงทุนที่ยังคงเชื่อมั่นว่าบาทจะแข็งค่าต่อไปอีก?
ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์จากศูนย์วิจัยกสิกรไทย แสดงความคิดเห็นว่า การที่ค่าเงินบาททั้ง 2 ตลาดแตกต่างกัน อาจจะทำให้เกิดช่องโหว่ให้เกิดการเก็งกำไรได้ ซึ่งแม้ว่า ธปท.จะยืนยันว่าไม่สามารถทำได้แน่นอน เพราะ 2 ตลาดแยกจากกันชัดเจน หากทั้ง 2 ตลาดยังเชื่อมันกันอยู่ค่าบาทในตลาดทั้ง 2 ต้องไม่ต่างกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจจะมีวิธีอื่นๆ ที่นักลงทุนสรรหามาเพื่อเก็งกำไร ซึ่งหาก ธปท.ควบคุมไม่ทัน ก็จะเท่ากับว่ามาตรการดังกล่าวกลับเป็นการเพิ่มช่องทางหากำไรไปซะอีก
? การที่เงินบาท 2 ตลาดนี้แตกต่างกัน อาจจะทำให้เกิดการเก็งกำไรผ่านช่องโหว่ตรงนี้ แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าจะเป็นวิธีไหน เขาคงหาทางทำจนได้ ดังนั้น ธปท. จึงมีหน้าที่ติดตามอย่างใกล้ชิด?
จากการสอบถามไปยังนักค้าเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ทราบว่า ในเรื่องการเก็งกำไรค่าเงินจาก 2 ตลาดนี้ ธปท.ยังคงคุมเข้มอยู่ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่พบว่า นักลงทุนมีการเก็งกำไรทั้ง 2 ตลาด และเท่าที่ได้มีโอกาสคุยกับนักลงทุนสิงคโปร์ ก็ทราบว่านักลงทุนมีความตั้งใจที่จะทำเช่นนั้นจริง และพยายามดูแล้ว แต่ไม่สำเร็จ เพราะ ธปท.คุมเข้มมาก สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า มาตรการกันสำรอง 30% ของ ธปท.ได้ผลจริงๆนักค้าเงินยังได้อธิบายต่อถึงเหตุผลที่ค่าเงินบาทในตลาดออนชอว์ที่ยังแข็งค่าอยู่ เมื่อเทียบกับหลังออกมาตรการใหม่ๆ ที่ค่าเงินจะอ่อนกว่านี้คืออยู่ที่ประมาณ 36 บาทต่อดอลลาร์ แต่ตอนนี้จะนิ่งอยู่แถวๆ 35.70-80 บาทต่อดอลลาร์ สาเหตุเพราะมาตรการที่ออกมา ธปท.ไม่ได้ต้องการทำให้บาทอ่อน แต่ทำเพื่อชะลอไม่ให้บาทแข็งค่าเร็วจนเกินไปเท่านั้น
? ส่วนบาทที่ยังแข็งค่าอยู่ในปัจจุบันถือว่าไปตามดีมานด์-ซัพพลายในตลาด หากต้องการบาทมาก บาทก็แข็งค่า ซึ่งในปีที่ผ่านมาไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งหมายความว่าผู้ส่งออกขายของได้มาก ดังนั้นเงินดอลลาร์ที่ได้มาก เอามาแลกกับแบงก์พาณิชย์ไทย ทำให้บาทยังคงแข็งค่า แต่ไม่ได้หมายความว่ามาตรการ ธปท.ไม่ได้ผล?
สำคัญที่สุดที่ต้องติดตามในตอนนี้คือ มาตรการ 30% ของ ธปท. จะใช้ไปอีกนานเท่าใดและจะส่งผลให้ค่าเงินบาทในตลาดออนชอว์หรือในประเทศเราจะแข็งค่าไปมากกว่านี้หรือไม่ เพราะผู้ส่งออกต้องโค้ดราคาสินค้าตามเรทในตลาดออนชอว์ จะขาดทุนหรือกำไรมากน้อยเพียงใดต้องลุ้นกันต่อล่ะแต่ที่แน่ๆ... ผู้ว่า ธปท.ส่งซิกมาตลอดปีนี้บาทแข็งค่าต่อตามกลกไกของตลาดโลกชัวร์ และ
ธปท.บิดกลไกไม่ได้แน่นอน!!!

 กลับขึ้นบน
arthor
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 803
#1 วันที่: 19/02/2007 @ 14:03:58 : re: ออฟชอว์-ออนชอว์ เข้าใจกันป่าวอ่ะ
มีของแถม 555555555555555555555555555

กินเพื่อสุขภาพ

>>1.กินน้ำมะนาวปั่น สามารถแก้อาการเมาค้างได้ จริงหรือ

เฉลย>>ไม่จริง แต่แก้อาการเมาค้างได้โดยการ ดื่มน้ำกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้งเพราะกล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป ในขณะที่นมก็ช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา ทำให้อาการเมาหายไป ได้

>>2.เมื่อเป็นไข้ไม่ควรกินฝรั่ง จริงหรือ

เฉลย>>จริง เพราะในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียมสูง เมื่อเวลาเป็นไข้ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น การกินอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง จะส่งผลให้เกิดอาการชักได้[/color:d0d4698e8a">
>>3.มันฝรั่งช่วยลดความดันโลหิตให้ต่ำลงได้จริงหรือ

เฉลย>>จริง เพราะในมันฝรั่งมีสารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ชื่อว่าคูคัวไมน์ส มีสรรพคุณในการควบคุมความดันโลหิต ให้ ต่ำลง และมันยังรักษาโรคที่ลึกลับที่เรียกว่าโรคนอนหลับ ได้อีกด้วย

>>4.ดื่มนม ร้อนก่อนนอนจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้จริงหรือ

เฉลย>>ไม่จริง แต่การดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับสบาย ยิ่งขึ้นเพราะนมร้อนจะส่งเสริมให้สมองหลั่งสาร

>>5.การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายได้จริงหรือ

เฉลย>>ไม่จริง แต่การเคี่ยวหมากฝรั่งช่วยให้ คนไข้ผ่าตัดลำไส้ใหญ่หายเร็วขึ้น เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งหลังการผ่าตัด เป็น การบริหารให้ลำไส้กลับมาทำงานตามปกติได้เร็วขึ้นคนไข้จะไม่เกิดอาการลำไส้อืด ซึ่ง ทำให้ปวดท้อง และท้องอืด หลังจากที่ต้องหยุดทำงานไปพัก หนึ่ง[/color:d0d4698e8a">
>>6.การกินเนยก่อนนอนทำให้นอนหลับสนิทขึ้นจริงหรือ

เฉลย>>จริง เพราะในเนยมี กรดอมิโน ที่มีชื่อว่า ทริปโตพันซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายและสะกดให้หลับได้ สนิทดีขึ้น

>>7.กินส้ม ช่วยแก้อาการเซ็งได้จริงหรือ

เฉลย>>จริง การรับประทานส้มโดยปอกเปลือกเองจะมีกลิ่นส้มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวน ที่เพียงพอช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายความเครียดลงได้ดีออกมา ด้วย

>>8.การกินช็อคโกแล๊ต ช่วยแก้ไอได้จริงหรือ

เฉลย>>จริง เพราะ โกโก้ที่ใช้ทำช็อคโกแล๊ต มีสารที่ชื่อว่า ธีโอโบรไมน์จะไปออกฤทธิ์ที่เส้นประสาทชื่อเวกัสเนอร์ฟ ที่ทำ หน้าที่เกี่ยวกับการไอทำให้สามารถหยุดอาการไอเรื้อรังอย่างได้ ผล

>>9.การกิน บ๊วยช่วยเพิ่มกำลังได้ จริงหรือ

เฉลย>>จริง เพราะการที่คนเรามีอาการ เหนื่อย อ่อนเพลีย เพราะกรดในเลือดสูงร่างกายไม่สามารถปรับดุลความเป็นด่างได้ ทัน แต่บ๊วยมีความเป็นด่าง Ph 7.35 ใกล้เคียงกับเลือดคนเรา จึงช่วยถ่วงดุลความเป็นด่างได้ และยังมีโปรตีน เกลือแร่ และสารอาหารจำเป็นอยู่มากอีก ด้วย[/color:d0d4698e8a">
>>10.การกิน อาหารมื้อเช้าช่วยป้องกันความจำเสื่อมได้จริงหรือ

เฉลย>>จริง เพราะ เลือดตอนเช้าจะแข็งตัวง่ายกว่าปกติจึงมีโอกาสที่หลอดเลือดอุดตันมากขึ้น สารอาหารไปเลี้ยงสมองได้ น้อยลง สมองจึงค่อยๆ เสื่อม
 กลับขึ้นบน
mr.w
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 490
#2 วันที่: 19/02/2007 @ 21:06:44 : re: ออฟชอว์-ออนชอว์ เข้าใจกันป่าวอ่ะ
อยากเห็น ออฟ ชอร์ 27-28 จังเยย ป๋าหลอด

.000001 .000001 .000001
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com