April 30, 2024   9:54:05 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > วอลุ่มฯต่ำสุดในรอบ 8 เดือน.....ชาวหุ้นยังไม่กลับตลาด
 

samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
วันที่: 19/02/2007 @ 23:12:44
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

สลด!ตลาดหุ้นไทยวอลุ่มบางเฉียบหวิดต่ำสุดในรอบ 8 เดือน นลท.ต่างชาติเทขายครั้งแรก เพราะเป็นช่วงหยุดยาวเทศกาลตรุษจีน ผสมโรงไฟใต้เริ่มโหมเข้ามาระลอกใหม่ ทำความเชื่อมั่นนักลงทุนหดหาย นักวิเคราะห์ชี้ งานนี้มีสิทธิ์ซึมยาว ผ่านตรุษจีนนลท.ต่างชาติ อาจกู่ไม่กลับ แนะถือเงินสด - ชะลอการลงทุน เพื่อรอดูสถานการณ์


บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ระดับ 687.41 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ระดับ 682.51 จุด ก่อนที่จะปิดตลาดที่ระดับ 685.38 จุด ลดลง 2.63 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย4,724.19 ล้านบาท เป็นระดับที่ต่ำสุดใน รอบ 7 เดือน 17 วัน นับจากวันที่ 26 มิ.ย.49 ที่มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นอยู่ที่ระดับ 4,572.77 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเริ่มย้อนกลับเข้าสู่ วงจรเดิมนักลงทุนเริ่มชะลอการซื้อขาย แม้ว่าผ่านช่วงหลังเทศการตรุษจีน เพราะเริ่มไม่นักลงทุนเชื่อมั่นสถานการณ์

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดสำหรับตลาดหุ้น หลังจากที่บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นช่วง 1-2 วันทำการที่ผ่านมาจะเงียบเหงา เพราะนักลงทุนบางส่วนชะลอการซื้อขาย เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่จีน(ตรุษจีน) จึงทำให้นักลงทุนต่างประเทศที่เป็นชาวจีน สิงคโปร์ ฮ่องกง หยุดซื้อขายหุ้น สังเกตุได้จากตัวเลขซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมามียอดซื้อสุทธิ 33.05 ล้านบาท และวานนี้(19 ก.พ.) นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 16.38 ล้านบาท

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความกังวลจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดเกือบ 50 จุดในเขต 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ ผ่านมา ซึ่งเป็นการกระทำอุกอาจ และน่าหวั่นใจยิ่งนัก เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ทางหน่วยข่าวกรองได้เตือนล่วงหน้าแล้วว่าจะมีเหตุการณ์ร้าย ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงวันที่ 17-20 ก.พ.50 แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จึงเท่ากับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นการพิสูจน์ฝีมือรัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ว่าจะบริหารจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่
เริ่มคุกคามเข้าสู่จังหวัดที่ 4 อย่างจ.สงขลาแล้ว

เนื่องจากต้องยอมรับว่าที่ผ่านมารัฐบาลชุดปัจจุบันยังไม่ได้สร้างผลงามที่น่าประทับใจในสายตานักลงทุนนัก เพราะตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ มีแต่เหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตระหนกและถือว่าช็อคคนในวงการหุ้นต่างๆนานา นับตั้งแต่การประกาศมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท โดยให้กันเงินสำรอง 30% สำหรับเงินต่าปงระเทศที่เข้ามาลงทุน ต่อมาคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติ ให้แก้ไขพ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าว และยิ่งมาถึงเหตุการณ์ลอบวางระเบิด 4 จังหวัดชาบยแดนภาคใต้ที่ร้ายแรงซึ่งถือว่าเงียบหายไป
ซักระยะหนึ่งกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง เท่ากับเป็นการตอกย้ำผลงานของรัฐบาลชุดนี้ว่าเป็นเช่นไร

ดังนั้น เมื่อนักลงทุนซึ่งก็คือประชาชนคนหนึ่งของประเทศ รวมทั้ง คนนอกประเทศอย่างชาวต่างชาติที่เฝ้าติดตามการทำงาน ของรัฐบาลก็เริ่มเห็นสัญญาณที่น่าห่วงจึงไม่น่าแปลกที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะสะท้อนออกมาในตลาดหุ้นเช่นนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ ส่วนใหญ่ยังมองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นยังผันผวน และอาจปรับตัวลดลงต่อเนื่องได้ ถ้าหากไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามากระตุ้น

เพราะดูจากสถานการณ์ในเวลานี้ยังน่าเป็นห่วง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งเสมือนเป็นการตอกย้ำถึงความไม่แน่นอนและน่า เป็นห่วงสำหรับการเมืองไทย ยิ่งการภาวการณ์เป็นเช่นนี้ก็ควรแล้วที่จะชะลอการลงทุนเพื่อรอดุแนวทางการแก้ไขปัญหา และดูท่าทีว่า สถานการณ์ต่างๆจะเกิดการประทุรอบใหม่หรือไม่

****กอ.รมน.รับ นายกฯ ชี้จนท. ในพื้นที่ 3 จ.ชายแดนใต้ ยังบกพร่อง พร้อมสั่งทบทวนแผนการทำงาน หลังเกิดเหตุระเบิด 50 จุด

พลเอกมนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เปิดเผย ภายหลังการหารือระหว่าง พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กับ กอ.รมน. เช้านี้ถึงเหตุการณ์ลอบวางระเบิดกว่า 50 จุดในในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อคืนวันอาทิตย์(18ก.พ.)ที่ผ่านมา ว่า นายกฯ สั่งให้เจ้าหน้าที่ปรับแผนที่ยังบกพร่องและทบทวนแผนการทำงาน โดยเฉพาะการปฏิบัติการในเมืองมากขึ้น หลังจากแผนปฏิบัติการที่ใช้อยู่ ยังมีช่องว่างให้สามารถก่อเหตุได้ เลขาธิการ กอ.รมน. กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องปรับยุทธวิธีการทำงาน แต่จะเร่งปรับแผนให้รองรับการปฏิบัติการในเมือง เพิ่มมากขึ้น หลังจากแผนปฏิบัติการที่ใช้อยู่เน้นการป้องกันและปราบปรามในพื้นที่นอกเมืองเป็นส่วนใหญ่

โดยนายกฯ ย้ำให้เจ้าหน้าที่ร่วมมือในการทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะกองกำลังร่วมระหว่างพลเรือนตำรวจทหาร (พตท.) โดยให้ ระมัดระวังการก่อเหตุในเมืองและมีการซักซ้อมแผนเพิ่มมากขึ้น โดยดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมพร้อมทั้งผู้นำศาสนาเพื่อให้การทำ งานระหว่างภาครัฐและภาคประชาชนมีความใกล้ชิดกัน และ สั่งให้เจ้าหน้าที่เร่งขจัดปัญหาความหวาดระแวงระหว่างประชาชนและเจ้า หน้าที่รัฐในพื้นที่ โดยให้นำประชาชนมามีส่วนร่วมในการทำงาน โดยเฉพาะการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดผู้ต้องสงสัย เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้
เห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างใกล้ชิด และขจัดความหวาดระแวงให้น้อยลง

ทั้งนี้ยังเน้นและกำชับ ในเรื่องของการติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิด หรือ ซีซีทีวี ให้มีการเชื่อมโยงกันทั้งระบบ มีการติดตามดูแลพื้นที่ และการป้องกันการก่อเหตุความไม่สงบที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ นายกฯ กำชับให้ติดตามการดำเนินการของกลุ่มที่มีความสำคัญและมีความเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุความไม่สงบใน
พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะผู้ประกอบวัตถุระเบิด และแหล่งของวัตถุดิบในการนำมาประกอบระเบิด ทั้งในด้านการสะสมและ แหล่งที่มา เพื่อที่จะป้องกันและสกัดการดำเนินการเพื่อลดเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในพื้นที่ให้น้อยลง

นอกจากผู้ปฏิบัติการจะมีความสำคัญแล้ว ความสำคัญที่ไม่น้อยไปกว่านั้น คือผู้ประกอบการ และแหล่งที่มาของวัตถุดิบ นายกฯ กำชับให้เราเพ่งเล็งหาแหล่งที่มาให้ได้ เพราะถ้าหาได้ เราก็จะสกัด ผู้ปฏิบัติที่จะนำมาวางให้น้อยลงได้พลเอกมนตรี กล่าว
สำหรับเหตุการณ์ความไม่สงบในช่วงคืนที่ผ่านมา ที่มีการระเบิดและก่อเหตุการณ์ความไม่สงบไม่น้อยกว่า 50 จุด ของพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ ไม่ได้บั่นทอนการทำงานและกำลังใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่สถานการณ์ในพื้นที่เป็นสิ่งที่สะสมมานาน และเคยถูก ละเลย จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา

กอ.รมน. จะพยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ แต่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นอาจบั่นทอนความเข้าใจของประชาชนที่มีต่อกอ. รมน. เพราะกอ.รมน. เป็นหน่วยงานที่ถูกคาดหวังในเรื่องของการแก้ไขปัญหาความไม่สงบ ซึ่งเราจะพยายามทำอย่างดีที่สุด เลขาฯกอ.รม น.กล่าว

พลเอกมนตรี กล่าวด้วยว่า กอ.รมน.ภาค 4 ไม่เคยนิ่งเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ในคืนที่ผ่านมา หรือ เหตุการณ์อื่นๆ โดยกอ.รมน. ได้มีการปฏิบัติการอย่างเข้มข้น ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2550 และประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมกับภาครัฐมากขึ้น จากเหตุการณ์เก็บกู้ระเบิด ในช่วงคืนที่ผ่านมาได้ ก่อนการระเบิดถึง 8 จุด และการปฏิบัติการของกอ.รมน.ที่เตรียมรับมือกับสถานการณ์ได้ เป็นอย่างดี

ทันทีที่เกิดเหตุได้ส่งกำลังเพิ่มเติมและเฮลิคอปเตอร์เข้าไปในพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ได้ตั้งแต่เวลา 22.00 น. ซึ่งถือว่า เป็นการควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น เลขาฯ กอ.รมน. กล่าว

โดยเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นการลอบสร้างสถานการณ์ตามปกติ ไม่เกี่ยวข้องกับสาเหตุการครบรอบ การทำงาน 5 เดือนของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) หลังเปลี่ยนแปลงอำนาจการบริหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549
อย่างไรก็ตาม กอ.รมน.จะเร่งควบคุมและติดตามการก่อเหตุในช่วง วันสำคัญต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะวันมาฆบูชา และ เทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง

พลเอกมนตรี กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) ไม่มีรายงานเพิ่มเติมถึงเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิด ขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่รายงานถึงการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรออนุมัติงบประมาณ ซึ่งกอ.รมน.อนุมัติงบ ประมาณในการพัฒนาพื้นที่ไปเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2550 ซึ่งศอ.บต. หวังว่าหากงบประมาณลงมาถึงยังพื้นที่แล้วจะสามารถดำเนินการ พัฒนาประชาชนและศักยภาพของหมู่บ้านในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ทันที โดยจะเริ่มจากพื้นที่สีเขียวและสีเหลืองก่อน เพื่อให้มี
ความมั่นคง หลังจากนั้นจึงจะขยายไปยังพื้นที่สีแดง ซึ่งมีจำนวน 216 หมู่บ้าน
โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่แยกปฏิบัติ และจะนำการพัฒนาให้เข้าไปสู่ในทุกหมู่บ้านของพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกพื้นที่

อย่างไรก็ดี พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ในฐานะผู้ อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ระบุว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นสถานการณ์การก่อการร้ายที่จะต้องมีการเฝ้า ระวังในทุกพื้นที่ โดยขอให้ประชาชนอย่าซ้ำเติมการทำงานของเจ้าหน้าที่และขอให้ให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานเพิ่มมากขึ้น

โดยผู้บัญชาการทหารบก ได้ยืนยันในที่ประชุมถึงความมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ทุกส่วนได้ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว

 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#1 วันที่: 19/02/2007 @ 23:13:46 : re: วอลุ่มฯต่ำสุดในรอบ 8 เดือน.....ชาวหุ้นยังไม่กลับตลาด
****โบรกเกอร์ แนะถือเงินสดรอดูสถานการณ์

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ๊ดคินซัน เปิดเผยว่า สาเหตุที่มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้น ไทยวันนี้ ค่อนข้างที่จะเบาบางเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่ผ่านมา เพราะนักลงทุนในต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง เกาหลี ต่าง ชะลอการลงทุนในช่วงเทศกาลตรุษจีน นอกจากนี้เหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่ภาคใต้ยังเป็นปัจจัยที่กดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น ไทยอีกด้วย ดังนั้นจึงทำให้ช่วงตรุษจีนของปีนี้วอลุ่มการซื้อขายเบาบางกว่าที่ผ่านมา

ส่วนแนวโน้มบรรยากาศการลงทุนหลังจากเทศกาลตรุษจีน คาดว่าจะยังคงเงียบเหงา และการเคลื่อนไหวของดัชนีฯ จะคล้าย กับวันนี้โดยมีกรอบแนวรับ-แนวต้านอยู่ที่ 680-690 จุด

ตัววอลุ่มคาดว่าน่าจะเบาบางที่สุด ช่วงนี้นักลงทุนก็ควรถือเงินสดและชะลอการลงทุนออกไปก่อน และดูสถานการณ์และ ปัจจัยแวดล้อมด้วย ส่วนการเมืองและปัญหาภาคใต้ก็ยังคงต้องติดตาม นายรณกฤต กล่าว

ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซิกโก้ เปิดเผยว่า สาเหตุที่มูลค่าการซื้อขายเบาบางมาจากช่วงหยุดในเทศกาลตรุษจีน ส่วนปัญหาลอบวางระเบิดที่ภาคใต้ไม่มีนัยสำคัญมากนัก เนื่องจากเป็นเหตุการณ์เดิมๆ ที่นักลงทุนรับรู้แล้ว
การที่วอลุ่มเบาบางก็เป็นสัญญาณให้เห็นว่าเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติมีการชะลอการลงทุนออกไป เพราะตลาดหุ้นแถบเอเชีย ก็หยุดเกือบทั้งหมด ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้ววอลุ่มส่วนใหญ่ในช่วงที่ผ่านมาจะมาจากกองทุนต่างประเทศ แต่หลังเทศกาลตรุษจีนก็ยังคงมีมุม มองที่ดีต่อตลาดหุ้นไทยว่าวอลุ่มน่าจะกลับมาสู่ภาวะปกติ แต่ไม่การันตีว่าจะดีมากน้อยแค่ไหน แหล่งข่าวรายเดิม กล่าว

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรจะชะลอการลงทุนออกไปก่อน เนื่องจากภาวะตลาดยังคงขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามากระตุ้น บรรยากาศการลงทุน ดังนั้นหากเข้าไปลงทุนในลักษณะเก็งกำไรอาจจะติดหุ้นได้ ในขณะเดียวกันการประกาศผลประกอบการในปี 2549 ใกล้จะสิ้นสุดลง ซึ่งคงจะไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามากระตุ้นบรรยากาศการลงทุน อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ลอบวางระเบิดมักเกิดขึ้นในช่วง เทศกาลที่มีการหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน ดังนั้นจึงทำให้นักลงทุนต้องติดตามประเด็นนี้และตั้งข้อสังเกตว่า ช่วงหยุดยาวในเทศกาล สงกรานต์จะมีเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นหรือไม่ ดังนั้นอาจจะมีนักลงทุนบางกลุ่มที่ชะลอการลงทุนออกไปก่อน

****เซียนหุ้นมอง SET Index วันนี้ ยังซบเซา แนะขายตัดขาดทุนหลังดัชนีฯหลุด 690 จุด

นายสุกิตติ์ ตั้งมณีนิมิต ผู้อำนวยการฝ่ายลูกค้าสถาบัน บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวถึงภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยในวานนี้ว่า ภาวะ ตลาดฯซบเซา มูลค่าการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน ประกอบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคปิดทำการ นอกจากนี้เหตุระเบิด หลายจุดในเขต 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมายังเป็นปัจจัยลบต่อตลาดฯ แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าประเด็นที่นักลง ทุนยังคงมีความกังวลจะเป็นเรื่องของดาวเทียมไทยคม เพราะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันนี้ คาดว่าปริมาณการซื้อขายอาจกระเตื้องขึ้นถึงประมาณ 5,000 ล้านบาท และจะเป็นไปใน ลักษณะเดียวกันตลอดสัปดาห์นี้ โดยมองว่าในสัปดาห์หน้า ปริมาณการซื้อขายน่าจะกลับมาสู่ภาวะปกติประมาณ 14,000-15,000 ล้าน บาทได้ เนื่องจากตลาดหุ้นต่างประเทศกลับมาเปิดทำการปกติ แต่ภาพรวมเศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะที่ไม่ดีนัก และยังคงมีปัญหาการเมืองที่ กดดันดัชนีฯอยู่ ดังนั้น จึงแนะนำนักลงทุนขายหากดัชนีฯรีบาวน์ขึ้นที่ระดับที่ 690 จุด โดยประเมินแนวรับที่ 660-680 จุด และแนว
ต้านที่ 689 จุด
คาดว่าการรีบาวน์ของดัชนีฯเกิดเฉพาะกลุ่มเท่านั้น มองว่าภาพรวมของเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น ส่งผลให้ดัชนีฯยังคงมีความเสี่ยง ดังนั้น นักลงทุนควรขายทันทีหากดัชนีฯปรับเพิ่มขึ้นบ้าง แม้จะมาอยู่ในระดับเพียง 690 จุด นายสุกิตติ์ กล่าว

ส่วนนางสาวอรุณรัตน์ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ดัชนีฯ ยังคงปรับตัวลดลงต่อ โดยเรื่องการระเบิดในภาคใต้ ยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันนักลงทุนให้เกิดความกังวล และเทขายทำกำไรออกมา อย่างไรก็ตาม ให้รอติดตามเรื่องการประกาศผลประกอบการ ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีการเก็งกำไรหุ้นเป็นรายกลุ่มได้ กลยุทธ์การลงทุน แนะนำนักลง ทุนให้รอตั้งรับ ที่แนวรับ 680 จุด ขณะที่ให้แนวต้านไว้ที่ 690 จุด
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com