May 1, 2024   12:25:24 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้น
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 20/02/2007 @ 09:23:20
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.เอเซีย พลัสแนะนำซื้อ SEAFCOราคาเป้าหมาย 10.48 บาทปี 2549 SEAFCO เซ็นสัญญารับงานใหม่ 2.41 พันล้านบาท และคาดว่าจะสามารถส่งมอบงานและบันทึกรายได้ 2.25 พันล้านบาท เทียบกับระดับ 1.09 พันล้านบาทในปี 2548 ฐานกำไรคาดว่าจะอยู่ที่ 165 ล้านบาทเพิ่ม 145% YoY แผนงานในปี 2550 SEAFCO กำหนดแผนการขยายตัวทั้งในมิติของประเภทงานใหม่ๆ และมิติของการขยายตลาดเป้าหมาย โดยในส่วนของการขยายประเภทงาน จะเพิ่มส่วนงานก่อสร้างงานฐานรากส่วนต่อเนื่องจากงานเสาเข็ม ซึ่งผู้บริหารเชื่อว่ามีความต้องการอยู่ในตลาดที่ค่อนข้างสูง และ SEAFCO อยู่ในฐานะที่ได้เปรียบ อีกมิติหนึ่งเป็นการขยายตลาดเป้าหมายออกไปยังต่างประเทศ โดยปัจจุบันมีความคืบหน้าในการดำเนินงานค่อนข้างมาก และคาดว่าจะมีการเซ็นสัญญากันในเร็วๆ นี้ฝ่ายวิจัยประเมินว่า SEAFCO น่าจะรับงานใหม่ 2.76 พันล้านบาทในปี 2550 เพิ่มขึ้น 15%YoY สิ้นปี 2549 ประเมินว่า SEAFCO น่าจะมี Backlog คงค้างประมาณ 920 - 950ล้านบาท ซึ่งเกือบทั้งหมดน่าจะบันทึกรายได้ภายในปี 2550 นอกจากนี้ปริมาณงานใหม่ที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานเสาเข็ม-กำแพงกันดิน ของโครงการอาคารพักอาศัย, ศูนย์การค้าครบวงจร และอาคารของหน่วยงานราชการต่างๆ คาดว่าน่าจะทำให้SEAFCO สามารถบันทึกรายได้ที่ระดับ 2.57 พันล้านบาท สำหรับประสิทธิภาพการทำกำไรในงวดปี 2549 SEAFCO มี Norm Profit Margin ที่ระดับ 7.3% ส่วนในปี 2550เชื่อว่าจะยังรักษาระดับเดิมไว้ได้ เนื่องจากเมื่อพิจารณาองค์ประกอบของต้นทุนยังมีแนวโน้มทรงตัว

บล.ซิกโก้แนะนำถือ TMTราคาเป้าหมาย 4.50 บาทบ ริ ษั ทประกาศผลการดำเนินงานใน 4Q06A มีรายได้ 1,575 ลบ. เพิ่มขึ้นเพียง 2.3%YoY และ 2.5% Qoเนื่องจากมีวันหยุดค่อนข้างมากแม้ว่าราคาเหล็กจะมีเสถียรภาพมากขึ้นก็ตาม อย่างไรก็ดี อัตรากำไขั้นต้นใน 4Q06A ปรับลดลงจาก 8.0% ใน 3Q06A มาอยู่ที่ 7.0% ใน4Q06A เนื่องจากบริษัทมีระยะเวลาในการสต็อกสินค้าคงคลังสั้นเพียง1 เดือน ทำให้ไตรมาสที่ผ่านมากำไรเริ่มกลับเข้าสู่ระดับปกติเพราะไม่มีสต็อกเหล็กราคาถูกเหลืออยู่ โดยมีกำไรสุทธิที่ 46 ลบ. เพิ่มขึ้น130.0% YoY แต่ลดลง 16.4% QoQ และมีกำ ไรสุทธิใน FY06A ที่286 ลบ. เพิ่มขึ้น 73.3% YoY และประกาศจ่ายเงินปันผลสำ หรับผลประกอบการ FY06A ที่ 0.45บาท/หุ้น (Dividend Payout Ratio 67.0%) ซึ่งคิดเป็น DividendYieldที่สูงถึง 10.1% โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าววันที่ 10 เมษายน50 และขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 50 คาดการณ์ผลประกอบการใน FY07E ของบริษัททรงตัวจากปีก่อนเนื่องจากยังไม่มีปัจจัยที่จะกระตุ้นความต้องการเหล็กในประเทศให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ อัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงจาก8.8% ใน FY06A มาอยู่ที่8.0% ใน FY07E เนื่องจากในปีที่ผ่านมามีช่วงหนึ่งที่บริษัทมีกำไรจากการสต็อกเหล็กราคาถูกขณะที่ราคาขาเหล็กปรับขึ้นมาก แต่ในปีนี้เรามองว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นทำให้กำไรสุทธิใน FY07E ของบริษัทลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 276 ลบ.หรือลดลง 3.6% YoY แม้ว่าผลประกอบการของบริษัทใน FY07E จะปรับลดลงจากปีก่อน 3.6% YoY แต่เราคาดการณ์เงินปันผลจ่ายในระดับเดิมคือ 0.45 บาท/หุ้น (Dividend Payout Ratio70.0%)เนื่องจากบริษัทมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลในระดับสูงเพื่อจูงใจนักลงทุน

บล.เกียรตินาคินแนะนำซื้อ WORKราคาเป้าหมาย 23.94 บาทคาดไตรมาส 4/49 ผลการดำเนินงานฟื้นตัวจากไตรมาส 3/49 ตาม SeasonalEffectและจากที่มีรายได้จากโครงการพิเศษเข้ามาประมาณ 30 ลบ. ในไตรมาส 4/49เช่น TRUEในรายการชิงร้อยชิงล้าน เป็นต้น คาดรายได้รวมเท่ากับ 340 ลบ.เพิ่มขึ้น 10% yoyและ 11% qoq คาดกำไรสุทธิเท่ากับ 88 ลบ. เพิ่มขึ้น 1% yoyและ 33% qoq รายได้รวมปี 49 เท่ากับ 1,283 ลบ. เพิ่มขึ้น 15% yoy คาดอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 58%ในปี 48 เป็น 53% ในปี 49 เนื่องจากรายได้จากธุรกิจTV ไม่เป็นไปตามเป้าที่บริษัทตั้งไว้ในช่วงต้นปี ทำให้ไม่เกิด Economy ofscales คาดกำไรสุทธิเท่ากับ 297 ลบ. ทรงตัวจากปี 48 คาดกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 1.49 บาท และคาดจากผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังบริษัทจะจ่ายเงินปันผลเท่ากับ 0.60 บาท/หุ้น คิดเป็น Div Yield เท่ากับ 2.6% (เราปรับเงินปันผลเพิ่มจากเดิมคาด 0.54 บาท/หุ้น เนื่องจากคาดว่ารวมทั้งปีบริษัทจะจ่ายเงินปันผลเท่ากับ 1.20 บาท เท่ากับปี 48) รายได้รวมปี 50 เท่ากับ 1,493 ลบ.เพิ่มขึ้น 16% yoy และคาดกำไรสุทธิเท่ากับ 341 ลบ. เพิ่มขึ้น 15% yoy คาดกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 1.71 บาท จากผลการดำเนินงานปี 50 บริษัทจะจ่ายเงินปันผลเท่ากับ 1.36บาท/หุ้น คิดเป็น Div Yield เท่ากับ 5.9% (คิด Div Pay-out ที่ 80% ใกล้เคียงกับคาดการณ์ปี 49 เพิ่มขึ้นจากเดิมคาด 1.19 บาท/หุ้น ที่คิดจาก Div Policy ที่ 70%) แม้ว่าในเดือน ม.ค. และ ก.พ. 50 บรรยกาศการใช้เม็ดเงินโฆษณาค่อนข้างทรงตัวจากปี 49 แต่อย่างไรก็ตามหลังจากเราไป Company Visit บริษัทในกลุ่มบันเทิงหลายบริษัทระบุว่าเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในเดือน มี.ค. 50

บล.กิมเอ็งแนะนำซื้อ TOPราคาเป้าหมาย 60.00 บาทเราคาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะลดลง 8% เป็น 15,296 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 7.50บาท จากการที่บริษัทจะมีการหยุดโรงกลั่นในหน่วย CDU-3 (กำลังการผลิต 100,000บาร์เรล/วัน) เป็นเวลาประมาณ 2 เดือนในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมเพื่อทำการต่อเชื่อมกำลังการผลิตส่วนขยาย 50,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 275,000 บาร์เรล/วัน พร้อมกันกับการหยุดโรงงานไทยพาราไซลีน (TPX)เพื่อขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ของบริษัทลูก เพิ่มขึ้น 4.8 แสนตัน เป็น 9แสนตัน ในไตรมาส 4/50 ซึ่งโครงการขยายกำลังการผลิตทั้ง 2 โครงการจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้เต็มที่ตั้งแต่ต้นปี 2551 เป็นต้นไป บวกกับค่าการกลั่นที่คาดว่าเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 5.5 เหรียญ/บาร์เรล ลดลงจากสมมติฐานเดิมที่ 6.5 เหรียญ/บาร์เรลคาดมีแรงขายหลังผลกำไรน่าผิดหวัง รอจังหวะ ซื้อเมื่ออ่อนตัว แม้ว่าราคาหุ้นของบริษัทได้ปรับลดลง 7% หลังจากที่เราได้ปรับลดคำแนะนำเป็น เต็มมูลค่า จนมาอยู่ในระดับที่มีอัตราผลตอบแทนน่าสนใจอีกครั้งเมื่อเทียบกับราคาที่เหมาะสมของเราในปีนี้ที่ 60 บาทอิง PER 8 เท่าและอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ 6.4% แต่เราคาดว่าผลประกอบการที่ประกาศออกมาน่าผิดหวังจะทำให้มีแรงขายระยะสั้นออกมา แต่หากระดับราคาลงมาที่ 51-53 บาท จะเป็นระดับที่มีผลตอบแทนคุ้มความเสี่ยงในการลงทุน

ที่มา ข่าวหุ้น[/color:bda8bef7fd">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com