ซื้อ JTS เป้าหมาย 4.10บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัด แนะนำ ซื้อ JTS ในไตรมาส 4/49 มีกำไรสุทธิ 80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3%ไตรมาสก่อนหน้าจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/48 กำไรสุทธิลดลง 3% จากปีก่อน เนื่องจากรับรู้รายได้จากโครงการกลุ่ม TT&T สัดส่วนกว่า 50% ฉุดอัตรากำไรขั้นต่ำลดลงมาก อย่างไรก็ดีผลประกอบการปี 49 ของ JTS มีกำไรสุทธิ 313 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนตามรายได้ที่เติบโตโดดเด่น อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อแนวโน้มปี 50 เราคาดว่าในปี 50 JTS จะมีกำไรสุทธิ 320 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่อง จาก 1) โครงการในมือ (Backlog) ที่มีมูลค่ารวมประมาณ 2,470 ล้านบาท 2) การเติบโตของรายได้จำหน่ายอุปกรณ์ทดสอบ (Test Equipment) โดย JTS มีแผนการนำเข้าอุปกรณ์ทดสอบใหม่ และ 3) JTS ยังรอผลโครงการ CAT/TOT ที่เข้าประมูล มูลค่ารวมประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งมีโอกาสได้งานสูง คงแนะนำ ?ซื้อ? จากแนวโน้มผลประกอบการที่ยังเติบโต เนื่องจากโอกาสได้งานประมูลใหม่ๆ

ซื้อ STA เป้าหมาย 20.70 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด แนะนำ ซื้อ STA บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 582 ล้านบาทในปี 2549 เทียบกับที่ขาดทุน 173 ล้านบาทในปี 2548 และเป็นผลประกอบการที่ดีกว่าที่คาดไว้ที่ 498 ล้านบาทราว 17% อย่างไรก็ตามประเมินว่า
ผลประกอบการของ STA ยังผันผวนรายไตรมาส และในปีนี้ยังมีแนวโน้มที่ผันผวน แต่ราคายางน่าจะมีเสถียรภาพมากกว่าปีที่ผ่านมา ในขณะที่คาดว่าปริมาณจำหน่ายน่าจะเพิ่มขึ้นราว 5-10% จากปีก่อน สำหรับแนวโน้มไตรมาส 1/2550 อาจไม่ดีนักเนื่องจากต้นทุนราคายางที่ปรับตัวสูงขึ้น การลงทุนในระยะยาวจึงน่าจะช่วยลดความผันผวนรายไตรมาสลง โดยในประมาณการเดิมคาดว่า STA น่าจะมีกำไรในปีนี้ราว 593 ล้านบาท และจะเท่ากับระดับ P/E ในปีนี้ที่ 5.5 เท่า รวมทั้งให้ปันผลราว 5.8% (อิงสมมติฐาน payout ratio ที่ 30%) สำหรับเงินปันผลในปี 2549 น่าจะอยู่ที่ราว 0.87 บาทต่อหุ้นซึ่งจะเท่ากับปันผล ราว 5.7% ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า หากใช้ P/E เป้าหมายในปีนี้ที่ 7 เท่า ราคาที่เหมาะสมสำหรับ STA น่าจะอยู่ที่ 20.7 บาทระยะยาวยังแนะนำ ?ซื้อ?

ซื้อ VNG เป้าหมาย 5.60 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด แนะนำ ซื้อ VNG บริษัทประกาศจ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการปี 49 ที่ 0.25 บาทต่อหุ้น โดยคิดเป็น อัตราผลตอบแทน 5.4% จากราคาซื้อขายปัจจุบัน สำหรับแนวโน้มปี 50 ยังมีมุมมองเดิม โดยคาดผลประกอบการจะขยายตัวอย่างโดดเด่น จากสองเหตุผลคือ 1.) อุตสาหกรรมยังขยายตัวโดยความต้องการผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ ในภูมิภาคเอเชียมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยปีละประมาณ 20% ขณะที่ผลจากสงครามราคาในปี 48 ทำให้ผู้ผลิตรายเล็กๆหลายรายต้องออกจากตลาดไป 2.)กำลังการผลิตแผ่น MDF ส่วนเพิ่ม 230,000 ปัจจุบันเริ่มผลิตแล้ว และคาดจะเดินเครื่องได้เต็มที่ในช่วงต้นปี 50 โดยประเมินกำลังการผลิต MDF ในปี 50 ที่ 80% และปาร์ติเกิ้ลที่ 95% อย่างไรก็ตามเนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มในปี 50 คาดจะทรงตัวในระดับ 35-36บาทต่อดอลลาร์ ดังนั้น จำต้องปรับประมาณการยอดขายของ VNG ลงจากประมาณการเดิมที่ 7,439 ล้านบาทเป็น 7,142 ล้านบาทและประเมินกำไรสุทธิใหม่ได้ที่ 915 ล้านบาทยังคิดเป็นอัตราการขยายตัว 28 % จากปีก่อน ยังคงคำแนะนำ ?ซื้อ?

ซื้อ SPPT เป้าหมาย 6.20 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ สินเอเชีย จำกัด แนะนำ ซื้อ SPPT ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2550 โดยคาดว่ากำไรปกติปี 2550 จะเพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อนเป็น 194 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 46% จากธุรกิจผลิตชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ยังมีแนวโน้มเติบโตตามอุตสาหกรรมและรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจใหม่คือจำหน่ายเครื่องจักรที่ใช้ในการแปรรูปขยะพลาสติกให้เป็นน้ำมันดิบรวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจใหม่มีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับที่สูงกว่าธุรกิจเดิม ทั้งนี้บริษัทประกาศกำไรปกติปี 49 ลดลง 4% จากปีก่อน เนื่องจากรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากผลกระทบของราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึง SG&A/Sale ที่เพิ่มขึ้น ส่วนไตรมาส 4/2549 กำไรปกติลดลง 5% จากปีก่อนและ 18% ไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจากการที่ราคาสแตนเลสตีลที่เพิ่มสูงขึ้นมาก แต่ปี 50 คาดว่ากำไรปกติจะเพิ่มขึ้น 23%จากปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในธุรกิจเดิมและรายได้จากธุรกิจใหม่ที่จะมีเข้ามารวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นยังคงราคาพื้นฐานของ SPPT ที่ 6.20 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ที่ 8 เท่า