May 16, 2024   7:19:13 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ไขปริศนาปันผล PSL
 

samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
วันที่: 12/03/2007 @ 22:34:33
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ผถห.ใหญ่รับประโยชน์เต็มๆ PSL ปันผลเป็นหุ้นพร้อมจ่ายเงินสดปันผลเพิ่มเป็น 2.11 บาท เหตุต้นทุนต่ำไม่เกิน 10 บาทแม้เกิดไดลูชั่นแต่ยังได้กำไร วงการชี้ งานนี้ทำเป็นกระบวนการ นำเงินที่ได้จากการขายหุ้นที่ซื้อคืนมาเพิ่มเงินปันผล พร้อมจ่ายปันผลเป็นหุ้นคล้ายการแตกพาร์ทางอ้อม หวังเพิ่มสภาพคล่องและความน่าสนใจให้หุ้นบนกระดาน เหตุผลงานปีนี้ส่อแววแย่ เพราะขายเรือ 10 ลำ โบรกเกอร์ แนะ เลี่ยงการลงทุน โยกเล่นหุ้นเดินเรือตัวอื่น รับค่าระวางเรือพุ่ง

มาแปลก PSL ประกาศจ่ายปันผลเป็นหุ้นโดยเพิ่มทุน 520 ล้านหุ้น จ่ายปันผล 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล พร้อมเพิ่มเงินสดปันผลสำหรับผลงานงวดครึ่งหลังปี 49 เป็น 2.11 บาทจากเดิมที่จ่ายหุ้นละ 2 บาท ส่งผลให้ทั้งปีจ่ายเงินสดและหุ้นปันผลรวม 5.11 บาทต่อหุ้น โดยผู้บริหารระบุว่า สาเหตุที่จ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นปันผลครั้งนี้ เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตุว่า ก่อนหน้าทางบริษัทได้จำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนล็อตสุดท้ายจำนวน 12.26 ล้านหุ้นออกมาทั้งหมดเมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งนี้ถือว่าเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้หุ้นกระดานแล้วทางหนึ่ง จึงมีคำถามว่า การกระทำครั้งนี้เพื่ออะไรกันแน่ และใครที่ได้รับประโยชน์สูงสุด

หากมาพิจารณาพื้นฐานธุรกิจของ PSL ในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าเข้าขั้นวิกฤต ไม่ใช่เพราะบริษัทมีฐานะการเงินที่ย่ำแย่ลง แต่เป็นเพราะแนวโน้วรายได้และกำไรปี 2550 มีโอกาสจะปรับตัวลดลง จากการที่บริษัทจำหน่ายเรือออกไปจำนวน 10 ลำ ถ้าหากปีนี้ไม่สามารถหาเรือมาทดแทนในส่วนที่ขายออกไปได้ อาจส่งผลให้กำไรของบริษัทปีนี้ลดลง ดังนั้น โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จึงแนะนำ ขาย หุ้น PSL ทิ้งและโยกไปเล่นหุ้นเดินเรือตัวอื่นแทน

แน่นอนว่า ผู้บริหารของ PSL เองคงไม่ได้นิ่งเฉยกับประเด็นดังกล่าว เพราะการหั่นกำไรปีนี้ลดลง จะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในกระดาน ดังนั้น ผู้บริหารจึงต้องคิดค้นกระบวนการกู้ภาพลักษณ์ของบริษัทจึงเริ่มขึ้น และหากพิจารณาอย่างลึกซึ้งจะพบว่า กลุ่มคนที่ได้รับผลประโยชน์จากการปันผลเป็นหุ้นและเงินสดครั้งนี้คงหนีไม่พ้นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของ PSL ซึ่งมีต้นทุนที่ต่ำ แม้จะปันผลเป็นหุ้นจนเกินไดลูชั่นถึง 50% แต่ราคาหุ้นคงไม่ปรับตัวลดลงต่ำกว่าต้นทุนที่เคยถือประมาณหุ้นละ 10 บาท การได้ผลตอบแทนเงินปันผลดีจึงเป็นสิ่งที่น่าจูงใจให้ถือหุ้นใหญ่ต่อไปเรื่อยๆ เพราะในอนาคตอันใกล้ PSL ย่อมหาซื้อเรือมาทดแทนเรือ 10 ลำที่ขายออกได้แน่ ถึงปีนี้อาจล่าช้าไปจนอาจส่งผลกระทบถึงกำไร แต่ปีต่อๆไปเชื่อว่า ผลงานของ PSL คงไม่ออกมาน่าเกลียดเสียทีเดียว กอปรกับค่าระวางเรือที่มีแนวโน้มดีวันดีคืนน่าจะเป็นแรงหนุนให้กำไรของ PSL ไม่เลวร้ายอย่างที่โบรกเกอร์คาดการณ์ก็เป็นได้

แหล่งข่าวจากวงการค้าหลักทรัพย์ กล่าวว่า การที่ PSL ทำเช่นนี้ อาจต้องการเพิ่มความน่าสนใจให้หุ้นในกระดาน เพราะหากพิจารณาวิธีการและขั้นตอนในการทำอาจเป็นไปได้ว่า บริษัทนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นที่ซื้อคืนในกระดานมาจ่ายเงิดสดปันผลเพิ่มอีกหุ้นละ 0.11 บาท และยังมีการจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นเพิ่ม เนื่องจากต้องยอมรับว่าในที่ผ่านมา PSL มีความน่าสนใจน้อยลง หลังจากจำหน่ายเรือออกไป 10 ลำ ทำให้มีแนวโน้มว่ากำไรปีนี้อาจจะลดลงถ้าหากไม่สามารถหาเรือมือสองมาทดแทนได้ และราคาหุ้น PSL ก็ปรับตัวขึ้นมาแรงใกล้เคียงกับเป้าหมายที่นักวิเคราะห์หลายโบรกให้ไว้ บรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุน ดังนั้น หากผู้บริหารคาดว่าจะไม่สามารถหาเรือมาทดแทนเรือที่จำหน่ายทิ้งได้ หากไม่หาวิธีการที่จะมากระตุ้นความสนใจย่อมทำให้ราคาหุ้น PSL บนกระดานปรับตัวลดลงต่อเนื่องแน่นอน

***PSL เพิ่มทุน 520 ล้านหุ้นจ่ายหุ้นปันผล สัดส่วน 1 ต่อ 1

นายคาลิด มอยนูดดิน ฮาชิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) (PSL) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 3/2550 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2550 มีมติเพิ่มวาระการประชุมผู้ถือหุ้นขออนุมัติให้แปลงกำไรสะสมจำนวน 520 ล้านบาทเป็นทุนและออกหุ้นใหม่ จำนวน 520 ล้านหุ้น ซึ่งมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อจ่ายปันผลเป็นหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตราส่วน 1: 1 กล่าวคือ ผู้ถือหุ้นจะมีสิทธิได้รับหุ้นสามัญที่ออกใหม่จำนวน 1 หุ้นซึ่งมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ต่อหุ้น 1 หุ้นเดิมที่ถืออยู่

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายเพิ่มเติม (เป็นเงินสด) จำนวน 0.11 บาทต่อหุ้น ดังนั้นเงินปันผลงวดสุดท้ายจึงเพิ่มขึ้นจาก 2.00 บาท ต่อหุ้นเป็น 2.11 บาทต่อหุ้น และเงินปันผลประจำปีทั้งหมดที่จ่ายจากกำไรในปี 2549 จึงเพิ่มขึ้นจาก 4.00 บาท ต่อหุ้น เป็น 5.11 บาทต่อหุ้น (ประกอบด้วยเงินปันผลในรูปของเงินสดจำนวน 4.11 บาทต่อหุ้น และหุ้นปันผล 1 บาทต่อหุ้น)

สาเหตุที่คณะกรรมการบริษัทฯมีมติให้จ่ายเงินปันผลเป็นหุ้น เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับการซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หลังจากที่บริษัทฯ ได้จำหน่ายหุ้นที่บริษัทฯ ซื้อคืนมาไปหมดแล้ว
ก่อนหน้านี้บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ PSL ระบุว่า รายงานผลการขายหุ้นที่ซื้อคืนผ่านตลาดหลักทรัพย์ วันที่ 9 มีนาคม 2550
วันที่ขาย จํานวนหุ้น ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด มูลค่ารวม(บาท/หุ้น) (บาท/หุ้น) (บาท)

9 มีนาคม 2550 12,267,600 48.25 46.00 565,194,425

 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#1 วันที่: 12/03/2007 @ 22:35:49 :
*** โบรกฯเมิน PSL ชี้ปันผลเป็นหุ้นเกิดไดลูชั่น 50%

เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (มหาชน) เปิดเผยว่า จากกรณีที่คณะกรรมการบริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ PSL มีมติจ่ายหุ้นปันผลงวดปี 2549 ในสัดส่วน 1 ต่อ 1 ทั้งนี้ประเมินว่านักลงทุนที่มีหุ้น PSL อยู่แล้วสามารถที่จะถือเพื่อรอรับ หุ้นปันผลได้ หากพอใจกับผลตอบแทนที่ได้รับ ส่วนนักลงทุนที่ไม่มีหุ้นดังกล่าวไม่แนะนำให้เข้าไปลงทุนเนื่องจากยังคงมีความเสี่ยงในกรณีที่ PSL ไม่สามารถซื้อเรือใหม่มาทดแทนเรือเก่าจำนวน 10 ลำที่จะขายออกมาในปีนี้ ซึ่งอาจจะทำให้รายได้ของ PSL ชะลอการเติบโตได้

วันที่ PSL ขึ้นเครื่องหมาย XD จะทำให้เกิดไดลูชั่นเอฟเฟ็กประมาณ 50% เพราะเขาจ่ายเงินปันผลในสัดส่วน 1 ต่อ1 ส่วนสาเหตุที่จ่ายเป็นหุ้น น่าจะเป็นเพราะต้องการเพิ่มสภาพคล่องให้กับราคาหุ้นในกระดานมากกว่าแหล่งข่าวรายเดิมกล่าว
ทั้งนี้กลยุทธ์การลงทุนตามปัจจัยพื้นฐานแนะนำนักลงทุนเปลี่ยนตัวเล่น โดยแนะนำให้เข้าไปลงทุนในหุ้นของบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดินเรือเช่นกัน เนื่องจากหุ้น TTA มีโอกาสเติบโตในทิศทางที่ดีรวมทั้งราคาหุ้นในกระดานยังไม่สูงมากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับราคาหุ้น PSL
สำหรับในปี 2550 คาดว่า PSL จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,536 ล้านบาท ลดลง 2.42% จากปี 2549 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,624 ล้านบาท
ส่วน TTA คาดว่าจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,248 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.61% จากปี 2549 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,649 ล้านบาท ทั้งนี้แนะนำซื้อหุ้น TTA ให้ราคาเป้หมายไว้ที่ 32.75 บาท/หุ้น และ PSL ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 48 บาท/หุ้น

***วงการชี้ PSL ปันผลเป็นหุ้นคล้ายการแตกพาร์ทางอ้อม

แหล่งข่าววงการที่ปรึกษาทางการเงิน ให้ความเห็นว่า การดำเนินการของ PSL มีความน่าสงสัยตั้งแต่ขั้นตอนของการขายหุ้นที่ซื้อคืนครั้งเดียวกว่า 12.26 ล้านหุ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นกระดานค่อนข้างแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทั้งที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เป็นขาลง กำไรสุทธิปี 2549 ลดลงเหลือเพียง 3.71 ล้านบาท จาก 6.17 พันล้านบาทในปี 2548 ซึ่งโดยปกติแล้วยังไม่ใช่ช่วงเวลาเหมาะสมที่จะขายหุ้นออกมา ทั้งที่ยังมีเวลาถึงเดือน ต.ค. 2550 ตามทฤษฎีแล้วน่าจะเก็บหุ้นไว้มากกว่าที่จะขายออกมาแล้วกระทบกับราคากระดาน
นอกจากนี้หลังจากขายหุ้นที่ซื้อคืนออกมาแล้วบริษัทฯยังประกาศจ่ายปันผลเป็นเงินสดเพิ่มอีก 0.11 บาทต่อหุ้น ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการขายหุ้นออกมาเพื่อนำเงินมาจ่ายปันผล
ส่วนการปันผลเป็นหุ้น มองว่าเป็นการทำเพื่อสร้างความน่าสนใจและเพิ่มสภาพคล่องให้กับหุ้น โดยปัจจุบัน PSL มีราคาพาร์อยู่ที่ 1 บาท การปันผลเป็นหุ้นสัดส่วน 1 ต่อ 1 ซึ่งทำให้บริษัทฯต้องเพิ่มจำนวนหุ้นอีกเท่าตัว จึงเสมือนว่าเป็นการแตกพาร์ เพราะหากพิจารณาในแง่ของกำไรต่อหุ้นหรือ EPS และผลตอบแทนจากเงินปันผลในอนาคตที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะได้หุ้นเพิ่มมาอีก 1 หุ้น ในขณะที่ราคาหุ้นจะถูกลงจากการไดลูท

"โจทย์ของบริษัทฯ น่าจะต้องการทำเป็นสเต็ป เริ่มจากการขายหุ้นที่ซื้อคืนเพื่อนำมาจ่ายปันผล จากนั้นหาวิธีทำให้หุ้นมีความน่าสนใจ ซึ่งตอนนี้พาร์อยู่ที่ 1 บาท อยู่แล้ว หากจะแตกพาร์เหลือ 50 สตางค์เพื่อเพิ่มจำนวนหุ้นอาจจะไม่คุ้นเคยในสายตาของนักลงทุน จึงทำโดยการปันผลเป็นหุ้น เพิ่มทุนอีกเท่าตัว ก็มีผลเหมือนการแตกพาร์คือจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น แต่ถ้าดูในส่วนผู้ถือหุ้นจะมีมูลค่าเท่าเดิม คิด EPS ก็จะได้เท่าเดิม เพราะได้เพิ่มมาอีก 1 หุ้น ราคาหุ้นในกระดานก็จะถูกลงด้วย"แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวยังให้ความเห็นว่า การกระทำดังกล่าวหากประเมินผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดน่าจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพราะได้ 2 ต่อทั้งปันผลเป็นเงินและหุ้น ในขณะที่ผู้ถือหุ้นรายย่อย การเข้าลงทุนควรจะพิจารณาถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในอนาคตด้วยว่ามีทิศทางเป็นอย่างไร

*** โบรกเกอร์ เล็งปรับประมาณการณ์กำไรปี 50

บทวิเคราะห์บล.ไทยพาณิชย์ ระบุ ฝ่ายวิเคราะห์ลดคำแนะนำสำหรับ PSL ลงจาก ?Outperform? สู่ ?Neutral? และยังคงชอบ TTA มากกว่าPSL เนื่องจาก ณ ราคาปัจจุบัน (51 บาท) PSL เทรดที่ PER ปี 2550 ที่ 6.5 เท่า (อิงกับประมาณการEPS ปี 2550 ของโบรกเกอร์ในตลาดที่ 7.81 บาทต่อหุ้น) สูงกว่า PER เป้าหมายในปี 2550 ของเราที่ 6เท่าแล้ว (ราคาเหมาะสมของเราอยู่ที่ 48 บาท) และสูงกว่า TTA ซึ่งเทรดที่ PER ในปีบัญชี 2550 เพียง 5.2 เท่า

โบรกเกอร์ในตลาดมีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2550 ของ PSL ลดลง เนื่องจากบริษัทยังไม่สามารถซื้อเรือมือสองมาทดแทนเรือจำนวน 10 ลำ (เรือทั้งหมดจะลดลง 18.5% จาก 54 ลำ สู่ 44 ลำ) ที่จะขายในงวดครึ่งแรกของปี 2550
PSL วางแผนที่จะขายเรือประมาณ 5 ลำต่อปี ในระยะ 5-7 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำไรพิเศษประมาณ 800 ล้านบาทต่อปี แต่กำไรจากธุรกิจหลักของ PLS จะมีแนวโน้มปรับลดลงถ้าบริษัทมาสามารถซื้อเข้ามาทดแทนได้ทันเวลา

หุ้นที่ซื้อคืนมาจำนวน 12.3 ล้านหุ้นจะถูกนำกลับมาขายก่อนกำหนดในวันที่ 8 ต.ค. 2550 แม้จำนวนหุ้นดังกล่าวจะมีสัดส่วนน้อย (2.37% ของหุ้นสามัญทั้งหมด) แต่ก็จะสร้างแรงกดดันต่อราคาหุ้นได้เนื่องจากบริษัทต้องขายหุ้นโดยตรงในตลาด

***ลุ้น PSL หาเรือลำใหม่ได้ภายใน Q3/50

บทวิเคราะห์บล.ไซรัส ระบุว่า ปี 2549 PSL กำไรสุทธิ 3,715 ลบ. (7.33 บาท/หุ้น) ลดลง 40% จากรายได้จากการเดินเรือลด 18% เนื่องจาก 1) ขายเรือเก่า จำนวนเรือลดจาก 54 ลำ เป็น 44 ลำ ในปัจจุบัน 2) ค่าระวางเฉลี่ยต่อวันต่อเรือลดลง 23% มากกว่าอุตสาหกรรม เนื่องจาก PSL ทำสัญญาระยะยาว (อายุประมาณ 4 ปี) ไว้ประมาณ 50% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือเพิ่ม 7%
ค่าระวางในช่วงครึ่งหลัง/2549 ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ซึ่งดีกว่า PSL คาดไว้ แต่ผู้บริหาร คาดว่าค่าระวางเรือในระบบจะปรับตัวลงแรงในเดือนเม.ย. ? ต้นไตรมาส 3/49 ซึ่งจะเป็นจังหวะที่ PSL จะซื้อเรือใหม่แทนเรือที่ขายไปทั้ง 10 ลำ PSL จะบันทึกกำไรจากการขายเรือประมาณ 1,664 ลบ. (3.28 บาท/หุ้น) ในปี 2550 ซึ่งหาก PSL สามารถซื้อเรือใหม่ที่ขนาดใหญ่กว่าภายใน 1 ปี หลังจากการขายเรือเก่า จะไม่ต้องเสียภาษีจากการขายเรือ

ความเสี่ยงคือหากค่าระวางไม่ลดลงอย่างคาด และ PSL ไม่สามารถซื้อเรือใหม่ได้ในราคาที่ต้องการ จะส่งผลลบต่อ PSL คือ 1) รายได้ยังคงต่ำตามจำนวนเรือที่ลดลง 2) เนื่องจาก PSL มองตลาดค่าระวางเป็นขาลง ทำให้ทำสัญญาระยะยาว (อายุประมาณ 4 ปี) ไว้ประมาณ 50% หากค่าระวางเรือยังคงปรับขึ้น สัญญาระยะยาวจะไม่ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นของค่าระวาง

3) จะต้องเสียภาษีกำไรจากการขายเรือ
ประเมินมูลค่าปัจจัยพื้นฐานปี 2550 ที่ 49 บาท ด้วยวิธี DCF โดยอยู่บนสมมติฐานจำนวนเรือ 44 ลำ เท่าเดิม (เป้าของ PSL ที่จะเพิ่ม 10 ลำ เป็น 54 ลำ) หาก PSL สามารถเพิ่มจำนวนเรือเป็น 54 ลำ คาดปัจจัยพื้นฐานจะเพิ่มเป็น 53 บาท หาก PSL สามารถซื้อได้เพียง 5 ลำเป็น 51 ลำ มูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานจะอยู่ที่ 51 บาท

***ค่าระวางเรือพุ่งสูงสุดในรอบปี

บทวิเคราะห์บล.พัฒนสิน เปิดเผยว่า ดัชนีค่าระวางเรือ เมื่อวันวานนี้ปิดที่ 5,000 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น37 จุดเพิ่มขึ้น ติดต่อกันเป็นวันที่ 14 และทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบปีนี้ ดัชนี Baltic Dry Index เป็นดัชนีที่เป็นตัวแทนของค่าระวางเรือโดยรวม โดยเฉพาะในเรือขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ดัชนีค่าระวางเรือนั้นมีความสัมพันธ์กับหุ้นกลุ่มเดินเรือ เช่น TTA PSL อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติโดยเฉพาะ TTA ดังนั้น การปรับเพิ่มขึ้นแรงของดัชนีค่าระวาง BADI คาดว่าจะส่งผลด้านบวกต่อการซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มเดินเรือเทกอง
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com