May 17, 2024   3:38:34 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้น
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 13/03/2007 @ 09:16:30
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

[b:862faae63e">บล.เกียรตินาคินแนะนำซื้อ BECLราคาเป้าหมาย 28.00 บาทบริษัทประกาศตัวเลขปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนในเดือน ก.พ. 2550 ในส่วนของทางด่วน BECLทั้งระบบอยู่ที่ 9.54 แสนคันต่อวัน เพิ่มขึ้น 6% yoy และ 5%mom ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นในอัตราที่ใกล้เคียงกันปริมาณรถอยู่ที่18.75 ล้านบาทต่อวัน การเติบโตของปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนยังเป็นผลมาจากการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ รวมทั้งการเติบโตของชุมชนเมืองโดยรอบสนามบิน โดยเฉพาะการเติบโตของปริมาณรถในส่วนของ Sector D ที่มีการเติบโตชัดเจนหลังสนามบินสุวรรณภูมิเปิดดำเนินการ ต้นทุนทางการเงินของบริษัทรวมในเดือน มี.ค. 50 ปรับเพิ่มขึ้น ตามสัญญาเงินกู้ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นจาก 5% ณสิ้นปี 2549 เป็น 5.04% เป็นการปรับเงื่อนไขในสัญญาเงินกู้Tranche 2 จำนวน764 ล้านบาท ในขณะที่ ต.ค. 49 ได้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยในส่วนของ Tranche 1จากที่ 4% เป็น 5% อย่างไรก็ตามต้นทุนทางการเงินโดยรวมของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2549 ที่ผ่านมาอยู่ในประมาณการของเราแล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการปรับดอกเบี้ยตามสัญญาเงินกู้ และในปี 2549 ที่ผ่านมาบริษัทมีการเบิกเงินกู้เพิ่มเติมอีก 1,000 ล้านบาท ในระหว่างปี 2549 ที่ผ่านมา ทำให้เราคาดว่าต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยในปี 2550 อยู่ที่ 5.2% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 5% ในปี 2549ที่ผ่านมา คาดกำไรสุทธิปี 2550 อยู่ที่ 1,584 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.06 บาทเพิ่มขึ้น 3% yoy


บล.ธนชาตแนะนำซื้อ BBLราคาเป้าหมาย 115.0 บาทBBL ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการ 2H06 ในอัตรา 1.75บาท/หุ้น กำหนดXD วันที่ 24 เม.ย.นี้ ทำให้เงินปันผลสำหรับปี 2006 อยู่ที่2.75 บาท หรือเท่ากับdividend yield ราว 2.5% เงินปันผลที่ประกาศนี้เป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่เราคาดไว้เล็กน้อย(25% ของกำไรสุทธิ) ทั้งนี้เพราะอัตราการจ่ายปันผลได้ถูกปรับขึ้นเป็น 29% ของกำไรสุทธิ เทียบกับระดับ 19% ใน 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้อัตราการจ่ายปันผลขยับเข้ามาใกล้กับธนาคารขนาดใหญ่ เช่น KBANK (30% ของกำไรสุทธิ), SCB (ราว50%) และ KTB(40%) นอกจากนี้ BBL ยังประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง 25bp ซึ่งเป็นการปรับลดตาม SCB ที่ลดดอกเบี้ยเงินฝากตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค.07 และเป็นไปตามที่เราคาดอย่างไรก็ตาม BBL ยังคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR ไว้ที่ 7.5% ทั้งนี้เนื่องจากอัตราดอกเบี้ย MLR ของ BBL นั้น เป็นอัตราที่ต่ำกว่าของธนาคารขนาดใหญ่อื่นๆ ราว 25bpตั้งแต่ ส.ค.06 แม้ BBL จะเป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารที่ TNS แนะนำ ซื้อ ในเชิงปัจจัยพื้นฐานแต่ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาต่อเนื่องจนทำให้มีส่วนลดจาก fair value ที่115 บาทเพียง 5.5%รวมทั้งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาลงซึ่งอาจกดดัน NIMในระยะสั้น (จนกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจะสะท้อนเต็มที่ทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลงในอัตราใกล้เคียงกับyield จากการปล่อยสินเชื่อ)


บล.กิมเอ็งแนะนำ ซื้อ IRPCราคาเป้าหมาย 5.10 บาทในปีนี้ บริษัทจะไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่เหมือนที่หยุดไป 35 วันในไตรมาส 4/49 (มีค่าใช้จ่ายประมาณ 1 พันล้านบาท) ทำให้บริษัทสามารถใช้กำลังการผลิตได้เต็มที่ (ประมาณ88% เนื่องจากข้อจำกัดของกระบวนการผลิต ดีกว่า 79% ในปี 2549) ซึ่งเมื่อบวกกับค่าการกลั่นที่กลับมาสู่ระดับปกติ4-5 เหรียญ/บาร์เรลและ spread margin ของธุรกิจปิโตรเคมีที่คาดว่าจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย เราประเมินว่าผลกำไรสุทธิของบริษัทจะมีการเติบโต 45% yoy เป็น 9,872 ล้านบาท หรือ 0.51 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นระดับปกติของการดำเนินงาน แต่การที่กำไรเติบโตสูงก็เป็นผลมาจากผลกำไรในปีก่อนตกต่ำมากผิดปกติจากการหยุดซ่อมโรงงาน แม้ว่าบริษัทจะเป็นบริษัทผู้ผลิตปิโตรเคมีครบวงจร แต่ความสามารถในการทำกำไรส่วนใหญ่ของบริษัทยังคงมาจากธุรกิจปิโตรเคมี ดังจะเห็นได้จากผลกำไรของธุรกิจนี้คิดเป็นประมาณ 66% (กำไร 4,510 ล้านบาท หรือ 0.23 บาท/หุ้น) ของผลกำไรรวมแม้ว่าจะทำรายได้เพียง 34% ของรายได้รวม โดยรายได้หลักมาจากผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกโพลีโพรพิลีน (PP), โพลีเอทิลีนความหนาแน่นสูง (HDPE),โอเลฟินส์และอะโรเมติกส์รวมเป็นประมาณ 73% ของธุรกิจปิโตรเคมี


บล.โกลเบล็กแนะนำซื้อ LALINราคาเป้าหมาย 5.60 บาทการที่ LALIN มีสินค้าประเภทเดียวคือบ้านเดี่ยวซึ่งผู้บริโภคชะลอการซื้อทำให้ผลประกอบการในปีที่ผ่านมาหดตัวอย่างมาก แต่ปัจัยบวกด้านอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลงในปีนี้น่าจะทำให้บรรยากาศการซื้อบ้านดีขึ้นและส่งผลให้ LALIN มีผลประกอบการดีขึ้นจากที่แย่มากในปีที่แล้วประกอบกับการถือหุ้นในระยะยาวให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสม่ำเสมอระดับ 5-6% ต่อกำไรสุทธิปี 49 หดตัวเกือบครึ่ง LALIN ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองในประเทศและภาวะการซื้อบ้านเดี่ยวชะลอตัวทำให้ผลประกอบการทั้งปี 49 หดตัวอย่างมาก โดยมียอดขาย2,459 ล้านบาทลดลง 31%yoy และกำไรสุทธิ 396 ล้านบาทลดลง 43%yoy โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 42% ลดจาก 44%ในปี 48 อัตรากำไรสุทธิ 21% ลดจาก 25% ในปี 48สัดส่วนค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มจาก 10.1%ในปี 48 เป็น 13.5% เนื่องจากยอดขายที่ลดลงมากในปี49 ผลประกอบการปี 50 มีแนวโน้มดีขึ้นจากที่แย่มากในปีที่แล้ว การที่อัตราดอกเบี้ยในปีนี้มีแนวโน้มลดลงถือเป็นปัจจัยบวกสำหรับธุรกิจที่อยู่อาศัย ทำให้เราเชื่อว่ายอดขายของ LALIN น่าจะฟื้นตัวจากที่แย่มากในปีที่แล้วโดยจะเห็นชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง ยอดขายรอโอนที่ยกมาจากปีที่แล้วราว 400 ล้านบาทเราคาดยอดขายทั้งปี 50 ราว 2,192 ล้านบาทเติบโต 15% และคาดกำไรทั้งปี 50 ราว 465 ล้านบาทซึ่งเพิ่มขึ้น ราว 17%yoy






[/color:862faae63e">[/b:862faae63e">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com