May 17, 2024   12:03:13 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ภาวะตลาด และหลังตลาดปิดวันนี้ ......
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 14/03/2007 @ 12:55:01
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

[b:8eb2ef15c2">กลยุทธ์การลงทุน[/b:8eb2ef15c2">

ดาวโจนส์, Yen Carry Trade กลับมาหลอนอีก
แนวโน้มตลาดวันนี้...ดัชนีมีโอกาสอ่อนตัวตามตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังดาวโจนส์วานนี้ปรับลดลงกว่า 242 จุด (1.97%) หลังสมาคมเจ้าหน้าที่ธนาคารด้านการจำนอง เปิดเผยว่า มีการผิดนัดชำระหนี้ในไตรมาส 4/49 สูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง สร้างความวิตกต่อการชะลอตัวเศรษฐกิจสหรัฐ สังเกตจากตลาดพันธบัตรสหรัฐ และสินค้าโภคภัณฑ์ต่างปรับตัวลงสะท้อนข่าวนี้ กอปรกับความวิตกต่อ Yen Carry Trade ยังไม่สิ้นสุด เงินเยนก็กลับมาแข็งค่าขึ้นกว่า 1.25% วานนี้ หลังประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียกล่าวเตือนว่าการระบาย Yen Carry Trade ในขนาดแท้จริงยังไม่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม หากดัชนีปรับตัวลงแรง โดยเฉพาะที่แนวรับบริเวณ 660 จุด คาดว่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มหลัก โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน (สัดส่วน 27% ของมูลค่าตลาด) หลังราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังสามารถยืนเหนือระดับเดิมที่ 60.98 ดอลลาร์/บาร์เรล สะท้อนความต้องการน้ำมันยังแข็งแกร่ง และกลุ่มที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ทั้งธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ จากคาดการณ์เชิงบวกต่อปัจจัยภายในประเทศ หลังคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเสนอแนะให้มีการลดดอกเบี้ยในอัตราเร่ง และยกเลิกมาตรการสำรองเงินทุนระยะสั้น 30%
ถ้ามีแรงขายตกใจถึงน่าสนใจ...ถ้าหากมีแรงขายตกใจจนดัชนีลงแรงมาที่ 660 จุด จะน่าสนใจเข้าเก็งกำไร (เน้นธนาคารและอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก) เนื่องจาก ยังมีปัจจัยบวกจากการลดดอกเบี้ยในอัตราเร่งและการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ซึ่งรมว.คลังจะหารือกับผู้ว่าธปท.พรุ่งนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงให้เปลี่ยนมาเน้นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนปันผลสูงแทน


[b:8eb2ef15c2">โบรกแนะ เปิด?Short?ซีรีส์H พร้อมเกาะติดความเคลื่อนไหวศก. [/b:8eb2ef15c2">

นักวิเคราะห์ทางเทคนิค บริษัทหลักทรัพย์(บล.) พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS กล่าวว่า ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาดัชนีให้ผลตอบแทนเป็นบวก ซึ่งทางฝ่ายแนะนำให้ขาย (Short) โดยให้เป้าหมายของราคาเดือนมีนาคมอยู่ที่ 455 จุด สำหรับผู้ที่เปิดสถานะขาย (Short) ไว้ ให้ปล่อยราคาลงมาเรื่อยๆ จนถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้จึงทำกำไรออกมา

ทั้งนี้สัญญาเดือนมีนาคา มีช่วงของ Dividend Effect ซึ่งมีการประกาศจ่ายเงินปันผลทั้งหมด 113 บริษัท ซึ่งเมื่อมีการคำนวณหามูลค่าพื้นฐานแล้วจะมีผลต่อ SET หลัก 11.05% แต่ถ้าตีกลับมาเป็น SET50 จะมีผล 15% ปัจจุบันราคาฟิวเจอร์สเทรดไม่แพงมากนัก เป็นตัวเลขของการคำนวณธรรมดา ซึ่งราคาฟิวเจอร์สในขณะนี้ต้องมีส่วนลด โดยภาวะตลาดยังมีการรีบาวด์ได้ในบางช่วงแต่ยังไม่สามารถผ่านบริเวณแนวต้านที่
465-467 จุดไปได้ คงคำแนะนำให้ ?Short? อยู่

สำหรับปัจจัยที่คาดว่าจะเกิดในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า คือทิศทางของเศรษฐกิจว่าจะไปในทางใดนอกจากนี้ยังมีปัจจัยภายในประเทศในเรื่องการชี้มูลความผิดปัญหาการคอรัปชั่น ซึ่งทุกคนเริ่มคิดว่าจะมีผลต่อการลงทุน อย่างไรก็ตามปัญหาทางการเมืองยังคงเป็นการบั่นทอนความเชื่อมั่นในมุมมองของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นจึงไม่เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในประเทศไทย แต่ก็ยังไม่ขายหลักทรัพย์ที่ถืออยู่ออก

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ สัญญาเดือนมีนาคมให้เปิดสถานะขาย (Short) สำหรับสัญญาเดือนมิถุนายนให้ซื้อกลับ โดยดัชนี SET50 ให้แนวรับไว้ที่ 468/458 จุด แนวต้าน 488/492 จุด สำหรับ สัญญาเดือนมีนาคมให้แนวรับไว้ที่ 458/455 จุด และแนวต้าน 476 จุด



 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 14/03/2007 @ 12:58:54 :
[b:9762e3f62d">PATKL-W1,KWH ราคาพุ่ง-เทรดคึกคัก โบรกฯชี้เป็นหุ้นที่อยู่ในเขต oversold [/b:9762e3f62d">

หุ้น PATKL-W1 และ KWH ราคาพุ่งขึ้น-วอลุ่มเทรดคึกคัก โดยเมื่อเวลา 10.46 น.ราคาหุ้น PATKL-W1 อยู่ที่ 1.31 บาท เพิ่มขึ้น 0.13 บาท(+11.02%) มูลค่าซื้อขาย 38.75 ล้านบาท
ส่วนหุ้น KWH อยู่ที่ 2.02 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท(+4.12%) มูลค่าซื้อขาย 25.27 ล้านบาท

นายกมลชัย พลอินทวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนิตี้ กล่าวว่า ราคาหุ้น PATKL-W1 และ KWH ปรับตัวสูงขึ้น ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างคึกคัก เป็นผลจากที่ราคาหุ้นทั้งสองตัวนี้ได้เข้ามาอยู่ในกรอบของ oversold และในช่วงภาวะตลาดฯแบบนี้นักลงทุนจะเข้าไปเลือกเล่นหุ้นที่อยู่เขต oversold กันมาก อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรจะระมัดระวังการลงทุน เนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับขึ้นมาแรงและเร็วมาก

ก่อนหน้านี้ ราคาหุ้น KWH ได้ปรับตัวลงเยอะมากจาก 2.50 บาท ลงมาเหลือ 1.60 บาท แล้วมีการดีดกลับขึ้นมาเพราะเข้าอยู่ใน oversold ส่วน PATKL-W1 ก็เหมือนกันอยู่ Oversold ราคาหุ้นจึงปรับขึ้นมาแรง ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าหุ้นที่ขึ้นแรงช่วงนี้มักจะเป็นหุ้นที่อยู่ในเขต Oversold ทางเทคนิค

เมื่อวันที่ 12 มี.ค.หุ้น KWH ปิดตลาดที่ 2.08 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท(+23.81%)ปริมาณซื้อขาย 17.73 ล้านหุ้น

เมื่อวันที่ 13 มี.ค.หุ้น KWH ปิดตลาดที่ 1.94 บาท ลดลง 0.14 บาท(- 6.73%)ปริมาณซื้อขาย 44.67 ล้านหุ้น

"หุ้น KWH ที่มีแรงขายออกมาเมื่อวานนี้(13 มี.ค.)จนทำให้ราคาปรับตัวลง มองว่าไม่น่ากลัว เพราะจะเห็นได้ว่าวอลุ่มเทรดก็หายไป โดยวอลุ่มเทรดของหุ้น KWH เมื่อวันที่ 12 มี.ค. มีจำนวนกว่า 40 ล้านหุ้น แต่วานนี้มี 10 กว่าล้านหุ้น แสดงว่าแรงขายหายไป แสดงให้เห็นว่าหุ้น KWH จะต้องกลับขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง"นายกมลชัย กล่าว

ด้านนายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า การที่ราคาหุ้น KWH ขยับขึ้นสวนตลาดวันนี้ เป็นการเก็งกำไร ทางเทคนิค Sideway อยู่ในกรอบ 1.88-2.12 บาท

"เก็งกำไรได้รอซื้อแถวแนวรับ วันนี้วอลุ่มเทรดคึกคัก เป็นหุ้นขนาดเล็กที่นักลงทุนในบ้านเราชอบเก็งกำไร ราคาปรับขึ้นมาและมีการพักตัว วันนี้ก็มีเก็งกำไรต่อในกรอบ 1.88-2.12 บาท" นายแสงธรรม กล่าว

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องพึ่งพาสัญญาณทางเทคนิคประกอบ ถ้าอยากจะเก็งให้เก็งในกรอบ ซื้อแนวรับ ขายแนวต้าน และรู้จัก Stop loss


[b:9762e3f62d">SECC บวก 13.99% รับผลดีบาทแข็ง/ผู้บริหารเผยมหกรรมรถยนต์หนุนยอดขาย [/b:9762e3f62d">

หุ้น SECC ปรับขึ้น 13.99% อยู่ที่ 3.26 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท เมื่อเวลา 12.02 น.โดยเปิดตลาดที่ 2.82 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 3.30 บาท และราคาปรับลงต่ำสุดที่ 2.82 บาท

นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้น SECC ปรับขึ้นสวนตลาดวันนี้ เนื่องจาก SECC เป็นธุรกิจรถนำเข้าอาจจะได้ผลบวกจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าตอนนี้

"น่าจะเป็นผลดีส่วนหนึ่งที่มองว่ามีส่วนทำให้ยอดขายดีขึ้นเพราะบาทแข็งสินค้าที่ Import จะถูกลง ประกอบกับรัฐเริ่มมีการพูดถึงอีโก้คาร์ ก็อาจจะมีประเด็นตรงนี้เข้าไปเชื่อมโยงเพราะ SECC สามารถที่จะนำเข้าได้ในระยะแรกที่การผลิตในประเทศไทยยังไม่เกิดขึ้น อาจเป็นไปได้ที่ SECC จะเริ่มImport เข้ามาก่อนได้ เพราะดูแล้วในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ รายอื่นเป็นผู้ผลิตและส่วนใหญ่เพื่อให้ค่ายรถไปส่งออกหรือผลิตส่งออกเอง แต่มี SECC เป็นการนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศ" นักวิเคราะห์ กล่าว

วานนี้ นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการ SECC คาดงานมหกรรมรถยนต์ที่จะจัดขึ้นในช่วง 29 มี.ค.-8 เม.ย.นี้ จะสร้างยอดขาย 200-250 ลบ. หรือโต 10-20% จากการจัดงานในปี 2549 ในขณะที่เป้าหมายยอดขายทั้งปีของยังสูงกว่า 3,000 ลบ. หรือโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปี











[/color:9762e3f62d">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 14/03/2007 @ 13:01:02 :
[b:fa794dcc8b">D1 พุ่ง 5.69% โบรกฯคาดเก็งข่าวสนใจ SATTEL/"จเรรัฐ"คาดใช้ 4-5 พันลบ. [/b:fa794dcc8b">Wednesday, 14 March 2007 12:02

หุ้น D1 ราคาพุ่งขึ้น 5.69% มาอยู่ที่ 1.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.07 บาท มูลค่าซื้อขาย 24.47 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.39 น.โดยเปิดตลาดที่ 1.21 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1.33 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.21 บาท

นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ราคาหุ้น D1 ปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างคึกคัก น่าจะเป็นผลจากการเข้ามาเล่นเก็งกำไรตามข่าวที่ D1 แสดงความสนใจจะเข้าซื้อหุ้น SATTEL จากเทมาเสก ภายหลังจากที่มีข่าวว่าทางเทมาเสกต้องการจะลดการถือหุ้นใน SATTEL ลง

แต่การที่ D1 จะเข้าไปซื้อหุ้น SATTEL มองว่าไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะต้องใช้เงินถึงกว่า 3,000 ล้านบาท

สำหรับสัญญาณทางเทคนิคแสดงทิศทางพอใช้ได้ โดยให้แนวรับ 1.26 บาท แนวต้าน 1.40 บาท ระยะกลางยังอ่อนตัวตามแนวโน้มขาลง จึงแนะให้แค่"เก็งกำไร"เท่านั้น
อนึ่ง D1 กำหนดปิดสมุดทะเบียนเพื่อรับสิทธิขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 112 ล้านหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 3 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 1.20 บาท ในวันที่ 12 มี.ค. และกำหนดวันเสนอขายระหว่างวันที่ 18-24 เม.ย. นี้

นายจเรรัฐ ปิงคลาศัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร D1 กล่าวยืนยันว่า D1 ยังคงสนใจในการซื้อหุ้น SATTEL ในส่วนที่ SHIN ถืออยู่ และอยู่ระหว่างศึกษานแง่กฎหมายและรายละเอียดสัมปทาน โดยคาดว่าจะต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 4-5 พันล้านบาท ซึ่งเบื้องต้น D1 จะหาพันธมิตรมาร่วมลงทุน ขณะที่มีคู่แข่งที่สนใจจะซื้อหุ้น SATTEL เช่นเดียวกันประมาณ 3-4 ราย

[b:fa794dcc8b">PSL ลบ 3.09% โบรกฯคาดรับผลจากเพิ่มทุน 520 ลบ.,ภาวะตลาดฯและเทคนิคไม่ดี [/b:fa794dcc8b">Wednesday, 14 March 2007 12:24

หุ้น PSL ราคารูดลง 3.09% มาอยู่ที่ 47 บาท ลดลง 1.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 107.25 ล้านบาท เมื่อเวลา 12.19 น. โดยเปิดตลาดที่ 47.75 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 48 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 46.75 บาท

นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า ราคาหุ้น PSL ร่วงลงเช้านี้ ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างหนาแน่น เป็นผลจากการเพิ่มทุนของบริษัทฯจำนวน 520 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผล ซึ่งทำให้ PSL ต้องรับผลกระทบจาก dilution effect ต่อเนื่อง

จากที่ก่อนหน้านี้ที่ราคาหุ้น PSL ได้รับผลกระทบจากการนำหุ้นใน treasury Stocks ออกมาขายในตลาดฯ แม้ว่าบริษัทฯจะเพิ่มทุนเพื่อมาจ่ายเป็นหุ้นปันผลแต่ก็ช่วยไม่ได้มาก ประกอบกับสภาพตลาดหุ้นไทยโดยรวมไม่ค่อยดีด้วย

สำหรับสัญญาณทางเทคนิคแสดงให้เห็นว่าราคาหุ้นมีโอกาสอ่อนตัวลงมาแถวแนวรับที่ 41-42 บาท ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 48-49 บาท พร้อมแนะ"ขายทำกำไร"ออกมาก่อน แล้วค่อยไปรอรับซื้อที่แนวรับ

อนึ่ง PSL เพิ่มทุนจดทะเบียนจากจำนวน 520 ล้านบาท เป็น 1,040 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 520 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นสามัญให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราส่วน 1:1


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#3 วันที่: 14/03/2007 @ 13:03:29 :
[b:377ff06f48">บิ๊กล็อตเช้านี้ ROBINS มูลค่าสูงสุด 30.00 ลบ.ราคาเฉลี่ย 10.00 บ./หุ้น [/b:377ff06f48">
Wednesday, 14 March 2007 12:37

ปิดตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ พบมีการซื้อขายบิ๊กล็อต 7 หลักทรัพย์ 9 รายการ
พบ ROBINS มีมูลค่าสูงสุด 30.00 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 10.00 บาท

รายงานหลังปิดทำการซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันนี้
พบว่ามีการทำรายการซื้อขายหลักทรัพย์บนกระดานใหญ่ (BIG LOT) จำนวน 7 หลักทรัพย์ 9 รายการ ดังนี้

หลักทรัพย์ รายการ จำนวนหุ้น มูลค่า (บาท) ราคาเฉลี่ย (บาท)
ROBINS 1 3,000,000 30,000,000.00 10.00
ROBINS-F 1 3,000,000 30,000,000.00 10.00
KBANK 2 200,000 12,800,000.00 64.00
SCIB-F 1 694,800 12,575,880.00 18.10
PTTEP 2 100,000 9,175,000.00 91.75
AH-F 1 360,000 5,400,000.00 15.00
RATCH 1 100,000 4,450,000.00 44.50


*ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย


[/color:377ff06f48">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#4 วันที่: 14/03/2007 @ 13:10:10 :
ตลาดปิดช่วงเช้า

--ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 7,570.27 ลบ 113.73 จุด
--ดัชนี MAI ปิดตลาดช่วงเช้าที่ 191.43 ลบ 1.94 จุด (-1.00%)
--ดัชนี SET 50 ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 471.10 ลบ 1.89 จุด (-0.40...
--ดัชนี SET 100 ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 1,023.93 ลบ 4.29 จุด (-0...
--ดัชนี SET ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 672.58 ลบ 2.62 จุด (-0.39%)
--ภาวะตลาดหุ้นออสเตรเลีย:S&P/ASX 200 ปิดลบ 123.1 จุดเหตุวิตกนล...


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#5 วันที่: 14/03/2007 @ 13:31:54 :
- ภาวะตลาดหุ้นไต้หวัน:วิตกตลาดหุ้นนิวยอร์กทรุด ฉุดเวทเต็ดดิ่ง ...
--ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดที่ 16,676.89 ลบ 501.95 จุด


[b:2a1c21e736">ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดเช้าลบ 2.62 จุด อิทธิพลตลาดตปท.ทรุดตัว/ความเชื่อมั่นในปท.ลดลง [/b:2a1c21e736">
Wednesday, 14 March 2007 13:04

SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 672.58 จุด ลดลง 2.62 จุด (-0.39%) มูลค่าการซื้อขาย 4,010 ล้านบาท ตลาดหุ้นปรับลงรับผลกระทบจากการทรุดตัวของดาวโจนส์เกือบ 2% ขณะที่ปัจจัยภายในความเชื่อมั่นค่อนข้างลดลง แนวโน้มบ่ายน่าจะยังอ่อนตัวลงเพราะทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาคส่วนใหญ่ยังเป็นลบ

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 672.58 จุด ลดลง 2.62 จุด(-0.39%) มูลค่าการซื้อขาย 4,010 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเช้า โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 673.53 จุด และทรุดตัวลงแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 670.25 จุด

นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยรับผลกระทบจากการทรุดตัวลงของดาวโจนส์ที่ปรับลดลงเกือบ 2% ขณะที่ปัจจัยภายในบรรยากาศสะท้อนเรื่องความเชื่อมั่นที่ค่อนข้างลดลงโดยเฉพาะความเชื่อมั่นในการที่จะบริโภคจะส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

"ตรงนี้ต้องดูว่ากระทรวงการคลังจะมีมาตรการอะไร เช่น มาตรการดอกเบี้ยจะลดทีเดียว 0.5% หรือคงจะต้องมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้เร็วมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในจุดนี้ต้องให้ความสำคัญมากขึ้นพราะเป็นตัวแปรที่ทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นไปได้ แต่ช่วงนี้ตลาดยังไม่มีปัจจัยอะไรเข้ามา" นายวีระชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม ตลาดบ้านเราไม่ได้ปรับตัวผันผวนมากนักเป็นเพราะที่ผ่านมาทรงตัวอยู่ตรงนี้ตลอด ในแง่ผลกระทบจากปัจจัยภายนอกมีแต่ไม่มาก

ทิศทางช่วงบ่ายยังมีแนวโน้มที่จะมีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่องเพราะถ้าดูทิศทางของตลาดหุ้นในภูมิภาคส่วนใหญ่ยังปรับตัวลดลง เช่น ญี่ปุ่นลดลง 500 จุด แต่เชื่อว่าตลาดที่จะสะท้อนว่าตลาดหุ้นไทยจะกระเตื้องขึ้นหรือไม่ คือ ตลาดหุ้นยุโรปที่จะเปิดช่วงบ่ายถ้ายังปรับตัวลดลงคงจะยังมีผล เพราะถ้าดูตลาดหุ้นทั่วโลกตอนนี้แดงหมดทุกตลาด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
SCB มูลค่าการซื้อขาย 223.61 ล้านบาท ปิดที่ 68.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
BBL มูลค่าการซื้อขาย 205.11 ล้านบาท ปิดที่ 109.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
BAY มูลค่าการซื้อขาย 148.29 ล้านบาท ปิดที่ 20.40 บาท ลดลง 0.50 บาท
BAY-W1 มูลค่าการซื้อขาย 143.60 ล้านบาท ปิดที่ 7.80 บาท ลดลง 0.10 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 125.35 ล้านบาท ปิดที่ 91.50 บาท ลดลง 1.00 บาท

[/color:2a1c21e736">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#6 วันที่: 14/03/2007 @ 14:19:22 :
[b:034d1651a0">ภาวะตลาดหุ้นเกาหลีใต้:คอมโพสิตปิดลบ 28.68 จุด หลังนลท.เทขายหุ้น [/b:034d1651a0">
Wednesday, 14 March 2007 13:32

ดัชนีคอมโพสิต ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดดิ่งลงในวันนี้(14 มี.ค.) โดยดัชนีเคลื่อนตัวร่วงลงกว่า 2% เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติพากันเทขายหุ้น หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา จากความหวั่นวิตในเรื่องการผิดนัดชำระที่เกิดขึ้นในธุรกิจปล่อยกู้ให้กับลูกค้าที่ขาดความน่าเชื่อถือ

นักวิเคราะห์กล่าว่า แม้มีแรงซื้อเก็งกำไรของนักลงทุนรายย่อยส่งเข้ามา แต่แรงซื้อยังไม่แกร่งพอที่จะสกัดกั้นแรงลบได้ อีกทั้งบรรยากาศการซื้อขายที่ซบเซาในตลาดหุ้นสำคัญทั่วภูมิภาคเอเชียยังได้ถ่วงให้ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวดิ่งลงตามไปด้วย

สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงานว่า ดัชนีคอมโพสิตปิดลบ 28.68 จุด หรือ 2.00% ที่ระดับ 1,407.37 หลังจากเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง 1,405.13 - 1,416.80 จุด
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#7 วันที่: 14/03/2007 @ 14:49:08 :
[b:190de6d22a">*DEMCO เผยมี backlog 1.6 พันลบ.ทยอยรับรู้ปีนี้ 1.4 พันลบ.ที่เหลือปีหน้า [/b:190de6d22a">Wednesday, 14 March 2007 14:17

บมจ.เด็มโก้ (DEMCO) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ 1,612 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้จนถึงปีหน้า โดยในปีนี้จะรับรู้รายได้ในส่วนนี้ประมาณ 1.4 พันล้านบาทที่เหลือจะรับรู้ในปี 51


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#8 วันที่: 14/03/2007 @ 23:00:34 :
--ดัชนี MAI ปิดตลาดวันนี้ที่ 191.36 ลบ 2.01 จุด (-1.04%)
--ดัชนี SET 50 ปิดวันนี้ที่ระดับ 469.57 ลบ 3.42 จุด (-0.72%)
--ดัชนี SET 100 ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,020.74 ลบ 7.48 จุด (-0.7...
--ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 670.62 ลบ 4.58 จุด (-0.68%)

[b:3958cb8a2c">SMM พุ่งพรวด 33.75% โบรกฯคาด"เก็งกำไร"ตามหุ้นเล็กอื่น-ราคาต่ำกว่าBV. [/b:3958cb8a2c">

หุ้น SMM ปิดตลาดราคาพุ่งพรวดขึ้น 33.75% มาอยู่ที่ 1.07 บาท เพิ่มขึ้น 0.27 บาท มูลค่าซื้อขาย 76.37 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 0.80 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1.07 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 0.79 บาท

แหล่งข่าวจากบล.บีฟิท เปิดเผยว่า ราคาหุ้น SMM ปิดตลาดพุ่งขึ้นแรง ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างหนาแน่น คาดว่าจะเป็นการเข้ามาเล่นเก็งกำไรของนักลงทุน ตามอย่างหุ้นตัวเล็กอื่น ๆ ที่ราคาได้มีการปรับขึ้นไป ในช่วงที่ภาวะตลาดฯไม่ค่อยดีนัก นอกจากนี้ราคาหุ้น SMM ปัจจุบันยังเทรดต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี(Book value)เมื่อ 13 มี.ค.50 ที่อยู่ที่ 1.94 บาท/หุ้น

จากการสังเกตุราคาหุ้นจะเห็นได้ว่าราคาได้วิ่งขึ้นจากระดับ 0.82 บาทขึ้นไปเรื่อย ๆ ในการเทรดช่วงบ่ายนี้ จนปิดตลาดราคาวิ่งขึ้นสูงกว่า High เดิมที่ 1.04 บาท(เมื่อ 12 ก.พ.50)

ทั้งนี้ คาดว่าในวันพรุ่งนี้ราคาหุ้น SMM อาจจะปรับตัวสูงขึ้นได้อีกในช่วงเปิดตลาด โดยมีโอกาสวิ่งทดสอบแนวต้านที่ 1.09-1.16 บาท ซึ่งหากราคาวิ่งใกล้แนวต้านแนะ"ขายทำกำไร"ออกมา เนื่องจากราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไรออกมา โดยให้แนวรับไว้ที่ 0.98 บาท


[/color:3958cb8a2c">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#9 วันที่: 14/03/2007 @ 23:05:46 :
[b:1e4912ff1f">*SIM จ่ายปันผลงวดปี 49 อีกหุ้นละ 0.32 บ. จ่าย 14 พ.ค. [/b:1e4912ff1f">
นายธนานันท์ วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. สามารถ ไอ-โมบาย (SIM) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2550 มีมติ กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น เพื่อสิทธิของผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2550 และสิทธิในการรับเงินปันผล ในวันที่ 4 เมษายน 2550 เวลา 12.00 น.จนกว่าการประชุมจะแล้วเสร็จ

เงินปันผลที่ได้ประกาศจ่าย สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2549 ในอัตราหุ้นละ 0.62 บาท ซึ่งได้จ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 0.30 บาท เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2549 คงเหลือจ่ายในงวดนี้อีกหุ้นละ 0.32 บาท กำหนดจ่ายในวันที่ 14 พฤษภาคม 2550 เพื่อนำเสนอให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติ


[b:1e4912ff1f">*EIC แตกพาร์เป็น 1 บ.จาก 5 บ./ปันผลหุ้นละ 0.20 บ. [/b:1e4912ff1f">
นายวิทยา จักรเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ บมจ.อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ (EIC) เปิดเผยว่าคณะกรรมการบริษัทมีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของบริษัทจากหุ้นละ 5 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท และให้มีการแก้ไขบริคณห์สนธิของบริษัทในเรื่องทุนจดทะเบียน เป็น 400 ล้านบาทแบ่งเป็น 400 ล้านหุ้น

นอกจากนี้ยังมีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับ ปี 2549 ให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท โดยจ่ายจากผลกำไรที่ได้BOI ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท และจาก NON-BOI ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท บริษัทจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิ์รับเงินปันผล เวลา 12:00 น ในวันที่ 5 เมษายน 2550 และกำหนดจ่ายเงินปันผล วันที่ 24 พฤษภาคม 2550 โดยกำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันพฤหัสบดี ที่ 26 เมษายน 2550 เวลา 14.00น.

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#10 วันที่: 14/03/2007 @ 23:18:44 :
STA ราคาปิด 14.90 บาท แนะนำ ซื้อ
การที่ STA สามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 25 และเส้น 75 สัปดาห์ ได้นั้น บ่งบอกถึงจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวของแนวโน้มระยะกลาง อย่างไรก็ตาม ราคาจะไม่ดีดตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากยังมีแนวต้านหลัก คือเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ ที่ขณะนี้เคลื่อนผ่านบริเวณ 17.00 บาท ทั้งนี้ในระยะ 2-3 เดือน ข้างหน้า ราคายังน่าจะแกว่งตัวระหว่าง Golden Cross และเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ ช่วง 14.00-17.00 บาท นักลงทุนอาจเก็งกำไรในกรอบนี้ไปพลาง อนึ่ง การฝ่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ จะเป็นสัญญาณยืนยันถึงขาขึ้นครั้งสำคัญ
แนวรับ 14.00-15.00 บาท
แนวต้าน 17.00-18.00 บาท, 22.00 บาท

SET ปิดที่ 670.62 จุด
ตลอดระยะเวลาการปรับฐานลงมาจากบริเวณ 700 จุด ช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ดัชนีจะดีดกลับเป็นระยะๆ แต่ไม่เคยยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน ได้แต่อย่างใด ทั้งนี้เมื่อดีดกลับแล้วยังสร้างจุดต่ำใหม่เสมอมา อันเป็นรูปแบบของขาลงอย่างสมบูรณ์ ทั้งนี้การปรับลงต่ำกว่า 670 จุด เมื่อวาน ส่งผลให้ Points & Figures เกิดสัญญาณขายขึ้นอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีปรับลงทดสอบเป้าหมาย 655 จุด ในอนาคตอันใกล้ การดีดกลับใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นช่วงนี้ยากที่จะฝ่าบริเวณ 675 จุด ไปได้
แนวรับ 653-656 จุด
แนวต้าน 672-675 จุด


[b:26f244a115">TSTH: แนวโน้มปี 50 สดใส คาดกำไรจากการดำเนินงานสุทธิเติบโต 42% - ซื้อ[/b:26f244a115">

สรุปประเด็นสำคัญ

- คงคำแนะนำ"ซื้อ" เราชอบ TSTH ที่สุดในกลุ่มเหล็กก่อสร้าง เพราะความโดดเด่นด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวจากพัฒนาการที่ดีขึ้นทั้งด้านประสิทธิภาพการผลิตและการตลาด ตลอดจนฐานะการเงินที่ดีขึ้นหลังการเข้ามาของกลุ่มทาทาสตีล โดยเราประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 50 ไว้ที่ 1.23 บาท/หุ้น (วิธี DCF, WACC 9.71%)

- ราคาบิลเล็ตในตลาดจีนทรงตัว แต่ราคาส่งออกเพิ่มขึ้น หลังตรุษจีนราคาบิลเล็ตในจีนยังทรงตัวที่ระดับ 384-388 เหรียญ/ตัน แต่ราคาส่งออกกลับเพิ่มขึ้นเป็น 470 เหรียญ/ตัน FOB และคาดว่าราคาบิลเล็ตจะเพิ่มขึ้น จากข่าวรัฐบาลจะเพิ่มภาษีส่งออกผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปจากเดิม 10% เป็น 15%

- ราคานำเข้า Billet ทำ new high ที่ 500 เหรียญ/ตัน ซึ่งเป็นระดับราคาที่ New high ของบิลเล็ตตั้งแต่ 485-500 เหรียญ/ตัน มา 2 เดือนแล้ว

- แนวโน้มราคาเหล็กก่อสร้างในประเทศดีขึ้นจาก 18 บาท/กก. เมื่อปลายปีเป็น 19.50 บาท/กก.ในปัจจุบัน

- คาดไตรมาส 1/50 กำไรปกติ 257 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนในช่วงเดียวกันปีก่อนและเพิ่ม 62% จากไตรมาสที่แล้ว

- แนวโน้มสดใส - คาดกำไรปี 50 เติบโต 42% เป็น 618 ล้านบาท และคาดว่ากำไรจะเติบโตอัตราเฉลี่ย 30% ต่อปีในระยะ 2 ปีข้างหน้าจาก 435 ล้านบาทในปี 49 เป็น 738 ล้านบาทในปี 51

[b:26f244a115">ASL: ล้างขาดทุนสะสม...และปรับลดพาร์...ไม่ได้เพิ่มศักยภาพ... - ขาย[/b:26f244a115">
สรุปประเด็นสำคัญ

- คงคำแนะนำ "ขาย" เนื่องจากเราประเมินว่าบริษัทยังคงประสบกับภาวะขาดทุนในปี 50 ทำให้ยังไม่อาจล้างขาดทุนสะสมได้หมด และจ่ายปันผลได้

- การแตกพาร์ของบริษัทจาก 10 บาท เหลือ 1 บาท จะทำให้จำนวนหุ้นของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 10 เท่า ขณะที่ราคาในตลาดปรับลดลง 10 เท่า ซึ่งแปลงปัจจัยพื้นฐานบริษัทแต่อย่างใดเป็นการเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายไม่ได้เปลี่ยน

- ปี 49 ที่ผ่านมาถึงแม้บริษัทจะมีการปรับโครงสร้างองค์กร แต่ค่าใช้จ่ายโดยรวมยังลดลงไม่มากพอและยังคงสูงกว่ารายได้ ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทก็ยังไม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

- เราประเมินราคาตามมูลค่าพื้นฐานของบริษัทหลังปรับลดพาร์ไว้ที่ระดับ 0.58 - 0.88 บาท (PBV 50 ในช่วงระหว่าง 0.6-0.9 เท่า ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาหุ้น ASL ซื้อขายในปี 49 ที่ผ่านมา) เราประเมินระดับ Base case ไว้ที่ 0.68 บาท

- หลังการปรับลดพาร์ อาจมีการเข้าเก็งกำไรระดับสูง ซึ่งหากราคาปรับตัวขึ้นเกินกว่าช่วงที่เราประเมินถือว่ามีความเสี่ยงสูงมาก


 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com