May 16, 2024   6:29:03 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ช้อปหุ้นปันผลฝ่าตลาดซบ-ดอกเบี้ยขาลง
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 14/03/2007 @ 23:21:05
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

แนะนักลงทุนเก็บหุ้นปันผล ผ่าวิกฤติตลาดฯ ซบ และภาวะดอกเบี้ยขาลง โบรกฯ ระบุ เป็นกลุ่มที่มักมีราคาสูงก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ทั้งแนะนำให้ซื้อ หรือรอทำกำไรก่อนประกาศจ่ายเงินปันผล ได้แก่ BLS, PHATRA, RRC, BSEC, VNG, ATC, SC, ROJANA รวมทั้ง SPALI ที่รายได้มั่นคง ฐานะการเงินแกร่ง ปันผลสม่ำเสมอ

* มูลเหตุแนะช้อปปิ้งหุ้นปันผล
บล.เอเซียพลัส (ASP) ออกบทวิเคราะห์ แนะนำให้นักลงทุนช้อปปิ้งหุ้นปันผล โดยให้เหตุผลว่า เพราะตลาดหุ้นในปี 2549 มีอัตราเงินปันผลตอบแทนน้อยกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ธ.พ., ภาวะดอกเบี้ยกำลังเป็นขาลง เงินปันผลจะกลับมาเป็นเครื่องดึงดูดการลงทุน, หุ้นปันผลมักมีราคาปรับตัวสูงขึ้นก่อนการขึ้นเครื่องหมาย XD, หุ้นที่มีโอกาสจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานในปี 2550 ได้มากกว่าปีก่อน ได้แก่ NOBLE, GSTEEL, VNG, SC, RS, IRP และ CAWOW ซึ่งหุ้นที่คาดว่าจะมี Dividend Yield ในปี 2550 สูงอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องจากปี 2549 ได้แก่ TMT, MCS, CCET, DCC และ ROJANA

* ตลาดหุ้นปี 2549 มีอัตราเงินปันผลตอบแทนน้อยกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ธ.พ.
โดย บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ปี 2549 เป็นปีที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศปรับตัวขึ้นจากระดับ 3.75% ขึ้นไปถึง 5% ส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารมีผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินปันผลที่ให้ผลตอบแทนกลับ 4.3% ขณะที่ตลาดหุ้นในปี 2549 (ไม่รวมเงินปันผล) ติดลบถึง 14% จากปัจจัยการเมือง และนโยบายการเงินในประเทศ ที่ลดทอนความเชื่อมั่นในการลงทุนภาวะดอกเบี้ยกำลังเป็นขาลง หุ้นปันผลจะกลับมาเป็นเครื่องดึงดูดการลงทุน

* ดอกเบี้ยขาลง หุ้นปันผลดึงดูดการลงทุน
ทั้งนี้ ในปี 2550 เป็นปีที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศกลับทิศเป็นขาลง โดยคาดว่าทั้งปีอาจปรับลดลงได้มากถึง 1% เพราะไตรมาสแรกของปีก็ปรับลดลงมา 0.50% แล้ว คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์สิ้นปี 2550 อยู่ที่ 3.75%-4.00% ในขณะที่คาดการณ์ Dividend Yield ของตลาดหุ้นไทยปีนี้เท่ากับ 4.3% จึงคาดว่าผลตอบแทนของเงินปันผลจะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำระยะยาว เป็นสิ่งจูงใจให้มีการไหลของเงินกลับเข้าลงทุนในตลาดหุ้น

* หุ้นปันผลมักมีราคาปรับตัวสูงขึ้นก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD
สำหรับหุ้นปันผลนั้น ราคาหุ้นมักปรับตัวขึ้นก่อนการขึ้นเครื่องหมาย XD โดยเมื่อคำนวณจากหุ้นที่มี Dividend Yield สูงสุด 50 อันดับแรกในปี 2549 พบว่าราคาหุ้นเหล่านี้ปรับตัวขึ้นถัวเฉลี่ยประมาณ 5.4%-7.5% ในช่วงเวลา 1-2 เดือนก่อนการขึ้นเครื่องหมาย XD และหุ้นมักขึ้นไปในเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่าอัตรา
Dividend Yield ที่ประกาศจ่าย

ดังนั้น หากเป็นกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น แนะนำให้ซื้อก่อนการขึ้นเครื่องหมาย XD หากเป็นกลยุทธ์การลงทุนระยะยาวในปีนี้ เชื่อว่าหุ้นที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสูงกว่าปีก่อน และมีโอกาสจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานในปี 2550 ได้มากกว่าปีก่อน จะให้ผลตอบแทนในที่ดี ได้แก่ NOBLE, GSTEEL, VNG, SC, RS, IRP และ CAWOW

* TMT, MCS, CCET, DCC และ ROJANA เป็นหุ้น High Dividend Yield ปี 2550
บล.เอเซียพลัส ระบุด้วยว่า แม้ตลาดหุ้นผันผวน กระแสตอบรับกับการจ่ายเงินปันผลของ บจ.ต่าง ๆ ไม่ค่อยดี ราคาหุ้นหลัง XD ที่ผ่านมาหลายหุ้นในรอบปีนี้ ปรับตัวลงมากกว่าจำนวนปันผลที่จ่าย แต่เราเชื่อว่าเป็นสถานการณ์ในช่วงสั้น หากหุ้นมีปัจจัยพื้นฐานดี และราคาปัจจุบันต่ำกว่าพื้นฐานมาก โอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นในภายหลังยังมีโอกาสสูง เราจึงยังคงแนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นเพื่อรับเงินปันผล
โดยในปี 2550 หุ้นที่คาดว่าจะมี Dividend Yield สูงอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องจากปี 2549ได้แก่ TMT, MCS, CCET, DCC และ ROJANA

* หุ้นปัจจัยพื้นฐานดี ราคาถูกเกินไป และยังมีเงินปันผลรออยู่
ในช่วงเดือน ก.พ.-พ.ค.เป็นฤดูกาลประกาศจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งหลายบริษัทได้มีการประกาศจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2549 แต่ยังไม่ขึ้นเครื่องหมาย XD สำหรับหุ้นที่มีความโดดเด่นในด้านปัจจัยพื้นฐาน ราคาหุ้นถูก และมีเงินปันผลในระดับที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ (มากกว่า 4.50%) ซึ่งฝ่ายวิจัย ASP คัดเลือกมาเป็นหุ้นแนะนำเพื่อซื้อรับเงินปันผลหรือซื้อเพื่อรอทำกำไรก่อนการประกาศจ่ายเงินปันผล ได้แก่ BLS, PHATRA, RRC, BSEC, VNG, ATC, SC และ ROJANA

[/color:eccf1b1791">

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 14/03/2007 @ 23:22:28 :
* ย้ำหุ้นปันผล ราคามักปรับตัวขึ้นก่อนการประกาศจ่ายปันผล
ตามปกติราคาหุ้นมักจะปรับตัวขึ้นก่อนการขึ้นเครื่องหมาย XD ในแต่ละช่วงเวลาแตกต่างกัน โดยถัวเฉลี่ยคำนวณจาก บจ.ที่จ่ายปันผลสูงสุด 50 อันดับแรกในปี 2549 พบว่าราคาหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดก่อนการประกาศจ่ายเงินปันผล 1-2 เดือน ประมาณ 5.4-7.5% และราคาหุ้นปรับตัวขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ ก่อน XD ประมาณ 3.4% เท่านั้นมีอีกหลายบริษัทยังไม่ประกาศจ่ายเงินปันผล งวดปี 2549 แต่คาดการณ์ว่าบริษัทที่มีศักยภาพจะจ่ายได้ บล.เอเซียพลัส แนะนำซื้อ KTB, CAWOW, NTV และ NOBLE เพื่อรอการประกาศจ่ายเงินปันผล

ข้อดีของบริษัทเหล่านี้ คือ หลังจากจ่ายเงินปันผลงวดปี 2549 ไปแล้ว บริษัทสามารถทำกำไรได้ในระดับสูงต่อเนื่องในปี 2550 และคาดว่าการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานในปี 2550 ได้สูงขึ้นกว่าปี 2549 จึงสามารถซื้อและถือเป็นเงินลงทุนระยะยาว รอรับปันผลในปีถัดไปได้ ได้แก่ NOBLE, GSTEEL, VNG, SC, RS, IRP และ CAWOW

ขณะเดียวกัน บจ.มีโอกาสจ่ายเงินปันผลมากกว่านโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัท โดยเมื่อเราเรียงลำดับอัตราเงินปันผลตอบแทนของ บจ. 50 อันดับแรก พบว่าบางบริษัทจ่ายเงินปันผลในอัตราสูง (Dividend Payout Ratio) มากถึงกว่า 200% ของกำไรสุทธิที่ทำได้ แต่เราไม่ถือว่าเป็นปัจจัยบวกอย่างสม่ำเสมอกับปัจจัยพื้นฐานของหุ้น เนื่องจาก บจ.เหล่านั้น อาจไม่สามารถรักษาระดับการ
จ่ายเงินปันผลสูงเท่าเดิมได้ในปีถัดไป

อย่างไรก็ตาม หลังการขึ้นเครื่องหมาย XD หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ และมีสภาพคล่องดีส่วนใหญ่มีราคาปรับตัวลดลงน้อยกว่าเงินปันผลที่จ่าย ดังนั้น แม้ว่าจะเผชิญกับภาวะ XD Effect บ้าง แต่การถือหุ้นปันผลในระยะยาวยังคงให้ผลตอบแทนในระดับที่ดีได้

* สรุปคำแนะนำในการลงทุนหุ้นปันผล
บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยในปี 2550 มีความผันผวนสูงด้วยปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ การเลือกหุ้นปันผลนอกเหนือจากการพิจารณา Dividend Yield ระดับสูงแล้ว ควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของบริษัท (Fair Value) ความสม่ำเสมอในการจ่ายเงินปันผล รวมถึงนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เพราะหากพิจารณาเฉพาะอัตรา Dividend Yield สูงเพียงประการเดียว อาจเกิดจากการที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจากปัจจัยความเสี่ยงต่าง ๆ เข้ามากระทบทางจิตวิทยา แต่ยังไม่กระทบถึงปัจจัยพื้นฐานการทำกำไรและความสามารถในการจ่ายเงินปันผลในอนาคต

แต่หากปัจจัยพื้นฐานของหุ้นยังแข็งแกร่ง ราคาจะฟื้นตัวกลับมาได้ในภายหลัง ดังนั้นสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย Dividend Yield ยังเป็นปัจจัยสำคัญดึงดูดนักลงทุนได้มากอันดับต้น ๆ เราจึงยังคงแนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นเพื่อรับเงินปันผลต่อไป โดยในปี 2550 หุ้นที่คาดว่าจะมี Dividend Yield สูง อย่างต่อเนื่องจากปี 2549 ได้แก่ TMT, MCS, CCET, DCC และ ROJANA เป็นต้น

* บล.ฟินันซ่า แนะนำเลือก SPALI
บทวิเคราะห์ บล.ฟินันซ่า แนะนำหุ้นถูกปันผลดี คือ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) โดยระบุว่า เป็นบริษัทฯ ที่รายได้ค่อนข้างมั่นคง (40% มี Backlog รองรับแล้ว) ฐานะการเงินแข็งแกร่ง (Net D/E สิ้นปี 06 อยู่ที่ต่ำเพียง 0.38x) และปันผลสม่ำเสมอ คือคำนิยามการลงทุนในหุ้น SPALI ล่าสุดประกาศจ่ายปันผลงวดครึ่งหลังปี 2549 อีก อีก 0.12 บาท/หุ้น (รวมทั้งปีจ่าย 0.27 บาท/หุ้น Yield 7.9%) จะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 9 เม.ย.

ส่วนช่วง 2 ปีข้างหน้าคาดว่าจะจ่าย 0.25-0.29 บาท Yield เฉลี่ย 7-8% ต่อปี ดังนั้นยังแนะนำ ?ซื้อ? เป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลงที่ 4.20 บาท/หุ้น(อิง PE 8x) Upside 21%

บทวิเคราะห์ยังระบุว่า คาดว่ากำไรปีนี้ของ SPALI จะไม่ถูกกดดันหลัง Effective Tax Rate กลับสู่ระดับปกติ ขณะที่ยอด Backlog ยกไปที่จะรับรู้รายได้ในช่วงปี 3 ปีข้างหน้านั้นสูงถึง 8.65 พันล้านบาท โดย 3.46 พันล้านบาท จะมีการรับรู้เข้ามาในปี 07 นี้ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากคอนโด City Home Ratchadaphisek 1 พันล้านบาท และคอนโด Casa Riva Phase 1 อีก 1.3 พันล้านบาท ที่เหลือเป็นโครงการแนวราบ

ส่วนในปี 08 จะเป็นกำหนดโอนของคอนโดโครงการ City Home Sukhumvit 101/2 1.2 พันล้านบาท และในปี 09 เป็นกำหนดโอนคอนโดโครงการ High Rise ที่เหลืออีก 2 โครงการ คือ River Place 2.2 พันล้านบาทและ Supalai Park Srinakarin 1.7 พันล้านบาท เราคงประมาณการณ์ รายได้ของปีนี้ที่ 5 พันล้านบาท โดย 40% มี Backlog รองรับไว้อยู่แล้ว ส่วน GPM คาดว่าจะลดลงเล็กน้อยเหลือ 40.5% เนื่องจากโครงการ City Home Ratchadaphisek นั้นมี GPM ต่ำเพียง 35%

สำหรับ Effective Tax Rate คาดว่าจะเข้าสู่ระดับปกติที่ 30% หลังทำความเข้าใจกับกรมสรรพากรว่าจะจ่ายภาษี 30% พร้อมกับการรับรู้รายได้ตามบัญชี เหมือนธุรกิจปกติ ทำให้คาดกำไรสุทธิปีนี้โต 11.5% เป็น 981 ล้านบาท หรือคิดเป็น EPS แบบ fully diluted จะอยู่ที่ 0.55 บาท/หุ้น ภายใต้สมมติฐานที่ SPALI-W3 ที่เหลืออยู่ทั้งหมด 142 ล้านหน่วยถูกนำมาแปลงสภาพ (แม้จะหมดอายุ 29 ส.ค.08 ก็ตาม)



 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com