May 16, 2024   9:18:28 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้น มาแต่เช้าค่ะ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 15/03/2007 @ 07:57:39
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.นครหลวงไทยแนะนำซื้อ TSTHราคาเป้าหมาย 1.37 บาทTSTH เป็นผู้ผลิตที่มีเตาหลอมเป็นของตนเอง ทำให้มีความได้เปรียบเหนือผู้ผลิตที่นำ Billetมารีด เพราะราคา Billet ในตลาดโลกปัจจุบันปรับตัวเพิ่มต่อเนื่อง 11% จากต้นปี 2550เป็น 490 US$/Ton ทำให้เกิดความยากลำบากในการหา Billet ราคาถูกมาผลิตขณะที่ TSTH สามารถใช้เศษเหล็กที่มีความผันผวนของราคาที่ต่ำกว่ามาผลิต ทำให้มีความต่อเนื่องในการรองรับความต้องการในประเทศสูงกว่า จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดปี 2550 ของบริษัทมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจาก 23% ในปี 2549 เป็น 25% การใช้เครือข่ายของบริษัท TATA STEEL ทำให้คาดว่าตลาดการส่งออกของบริษัทมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น 11% yoy เป็น 59,400 ตันในปี 2550 สามารถชดเชยกับการชะลอตัวของตลาดในประเทศได้ ทั้งนี้ SCIBS ประเมินว่าตลาดตะวันออกกลางจะเป็นตลาดที่มีความต้องการใช้เหล็กในระดับสูง เพราะยังมีการขยายตัวของการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่องทำให้มีอุปทานการใช้เหล็กส่วนเกินประมาณ 25 ล้านตัน นอกจากนี้ การแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากคู่แข่งภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการขายรวมในปี 2550 คาดว่าจะปรับขึ้นจาก 1.07 ล้านตันในปี 2549 เป็น 1.18 ล้านตัน/ปี และทำให้รายได้ปี 2550 ยังคงขยายตัวเพิ่ม 9% yoy เป็น 20,521 ล้านบาท ประโยชน์จากการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของTATA STEEL เริ่มส่งผลบวกเด่นชัดต่อผลประกอบการของบริษัท นอกจากนี้การสร้างโรงถลุงเหล็กขนาดย่อมที่จะเริ่มผลิตได้ในปลายปี 2551 จะทำให้บริษัทสามารถลดความผันผวนของต้นทุนการผลิตที่มีอยู่ได้ ทำให้ผลการดำเนินงานในอนาคตขยายตัวสม่ำเสมอ


บล.โกลเบล็กแนะนำขาย TRUEราคาเป้าหมาย 5.70 บาทแม้ว่าจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือ และ Broadband ในปี 49 จะเติบโตค่อนข้างมากแต่ผลประกอบการยังคงน่าผิดหวัง โดยมีขาดทุนสุทธิ 4,180 ล้านบาท หรือขาดทุนเพิ่มขึ้น 28% YoY เนื่องจาก ARPU ที่ลดลง รวมทั้งค่าใช้จ่าย SG&A และดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ส่วนประเด็นความเสี่ยงจากการเพิ่มทุนชะลอออกไป จากการเปลี่ยนนโยบายบันทึกภาษีค้างจ่าย (Deferred Tax) สำหรับผลประกอบการในปี 50 ยังคงมีแนวโน้มขาดทุนโดย ARPU ยังมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง และดอกเบี้ยจ่ายถือเป็นภาระหนักของบริษัทอย่างไรก็ตาม TRUE ยกเลิกการจ่ายค่า AC มาเป็นจ่ายค่า IC แทน ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้ ดังนั้น จากผลประกอบการที่ยังคงขาดทุน รวมทั้งในปัจจุบันยังมีความเสี่ยงจากการตรวจสอบสัญญาสัมปทาน ความไม่ชัดเจนด้าน Regulation และความเสี่ยงกรณีฟ้องร้อง AC กับ TOT ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ เราคาดว่าผลประกอบการปี 50 ยังคงขาดทุนต่อไปอีก จากการแข่งขันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดของทุกค่ายโทรศัพท์มือถือ ทำให้ ARPU ยังคงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม TRUE มีการยกเลิกการจ่ายค่า AC มาเป็นจ่ายค่า IC แทน ก็จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายลดได้บางส่วน สำหรับ True Online ยังได้รับผลดีจากจำนวนผู้ใช้บริการ ADSL ที่เพิ่มขึ้น แต่ธุรกิจ Fixed line ยังคงมีแนวโน้มถดถอยลง นอกจากนี้ บริษัทยังมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนสูงถึง 16 เท่า ทำให้ดอกเบี้ยจ่ายยังคงเป็นภาระหนักของบริษัท จากผลการดำเนินงานในปี 50 ที่เราคาดว่าจะยังคงมีแนวโน้มขาดทุนรวมทั้งยังมีประเด็นความเสี่ยงอีกหลายปัจจัย ซึ่งจะมีผลต่อการประมาณการณ์ผลประกอบการในอนาคต


บล.ธนชาตแนะนำซื้อ SATราคาเป้าหมาย11.00 บาทSAT เปิดเผย ว่า บริษัทฯ ยังไม่มีแผนที่จะเพิ่มทุนจดทะเบียนในปีนี้ ถึงแม้ว่าบริษัทฯ มีแผนที่จะลงทุนใโครงการใหม่มูลค่าราว 1.4 พันล้านบาท สำหรับรายละเอียดการลงทุนใหม่นั้นยังไม่มีการเปิดเผยถึงรายละเอียดในขณะนี้ จนกว่าบริษัทฯ จะได้รับการ confirm ภายในสิ้นเดือนนี้ นอกจากโครงการดังกล่าวนี้ แผนการใช้เงินลงทุนของ SAT อยู่ที่ราว600 ล้านบาท ขณะที่มี EBITDA อยู่ที่ 800 ล้านบาท/ปี และมี net gearing ratioอยู่ที่มากกว่า 1เท่า ดังนั้น บริษัทฯ จึงต้องเผชิญกับแรงกดดันทางการเงินถ้าหากบริษัทฯ จะดำเนินการโครงการใหม่ตามลำพัง อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก เราเชื่อว่าโครงการใหม่ของ SAT จะไม่ส่งผลให้เกิด dilution เนื่องจาก ROIC ของโครงการดังกล่าวนี้อยู่ที่ 9.7% เทียบกับWACC ของ SAT ซึ่งอยู่ที่ 8.7% ดังนั้น การเพิ่มทุนดังกล่าวจึงไม่ได้ก่อให้เกิดผลลบต่อบริษัทฯ และมูลค่าที่แท้จริงของ SAT ก็จะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 11.6บาท จากปัจจุบันที่ 11 บาท


บล.เกียรตินาคินแนะนำขาย PSLราคาเป้าหมาย 49.00 บาทบริษัทประกาศจ่ายปันผลพิเศษ เป็นเงินสด 0.11 บาท และหุ้นสามัญในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 +ที่บริษัทประกาศก่อนหน้านี้ที่ 2 บาท เป็น 3.11 บาท Div.Yld. 6.38% เมื่อเทียบกับราคาปิดล่าสุด บริษัทมีแผนที่จะขยายกองเรือเพิ่มอีก 10 ลำ เพื่อรองรับปริมาณเรือที่ลดลงจากปีที่ผ่านมา คาดไม่กระทบสถานะของบริษัทเนื่องจากไม่มีภาระหนี้สิน และจะซื้อเรือเพิ่มในปี 2550 จำนวน 10 ลำ คาดว่าจะเริ่มทยอยเข้ามาในช่วงของครึ่งปีหลังของปี 2550 และจะทำให้จำนวนวันในการเดินเรือเพิ่มขึ้น ซึ่งเราจะมีการปรับประมาณการอีกครั้ง อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนที่จะกู้เงินเพิ่มเติมเพื่อรองรับการขยายกองเรือ โดยบริษัทมีวงเงินกู้อยู่ประมาณ10,500 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ) ซึ่งเรามองว่าไม่น่ามีปัญหาเนื่องจากปัจจุบันสถานะของบริษัทไม่มีหนี้สินระยะยาว คาดกำไรสุทธิปี 50อยู่ที่ 4,602 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 8.85 บาทเพิ่มขึ้น 34% ส่วนหนึ่งมาจากการรับรู้รายได้จากการขายเรือ ปัจจุบัน PSL มีเรืออยู่ 44 ลำ และมีสัญญาที่ทำไว้ในปีนี้ 68% ของจำนวนวันเดินเรือ หรือประมาณ 11,221 วัน ที่อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยที่11,671 เหรียญต่อลำต่อวัน ต่ำกว่าสมมติฐานที่เราให้ไว้ที่ 12,500 เหรียญต่อลำต่อวัน ซึ่งหากว่าบริษัทไม่มีการขยายกองเรือเพิ่ม เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิในปี 2550 อยู่ที่ 4,602 ล้านบาทกำไรต่อหุ้น 8.85 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น34% ส่วนหนึ่งของการเพิ่มขึ้นมาจากการขายเรือที่คาดว่าบริษัทจะมีการบันทึกกำไรดังกล่าวในไตรมาส 1/2550 จำนวน 1,660 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเรายังยืนคำแนะนำเชิงพื้นฐานไว้ที่ ขาย จากแนวโน้มของผลประกอบการที่คาดว่าจะลดลงตามทิศทางของค่าระวางเรือ รวมทั้งแนวดน้มของค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากนำเรือเข้าซ่อมประจำปี นอกจากนี้การซื้อเรือเข้ามาเป็นจำนวนมากในอนาคต จะทำให้ ROA ของบริษัทลดลง ไม่น่าสนใจในการลงทุน

 กลับขึ้นบน
P_aud
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 531
#1 วันที่: 15/03/2007 @ 10:16:27 :
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com