**ASL สตอรี่เพียบ ทั้งแตกพาร์-ล้างขาดทุนสะสม-ขายไลเซนส์เอเพกซ์
บล.แอ๊ดคินซัน (ASL) อาจเรียกได้ว่าเป็นหุ้นที่มีสตอรี่มากที่สุดในบรรดาหุ้นเก็งกำไรทั้งหมด โดยในวันนี้ (19 มี.ค.) จะเป็นวันแรกที่ตลาดหลักทรัพย์ให้ซื้อขายในพาร์ใหม่ 1 บาท จากเดิมพาร์ 10 บาท ซึ่งเท่ากับว่าจำนวนหุ้นของ ASL จะเพิ่มขึ้นอีก 10 เท่า และจากการที่ราคาหลังแตกพาร์จะลดลงเหลือต่ำกว่า 1 บาท ทำให้หุ้นไม่มีซิลลิ่ง-ฟลอร์ การเก็งกำไรคงทำได้มากขึ้น และถือเป็นหุ้นตัวหนึ่งที่น่าจับตาในวันนี้
นอกเหนือจากการแตกพาร์แล้ว ASL ยังมีข่าวดีในเรื่องของการนำส่วนล้ำมูลค่าหุ้นมาล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ประมาณ 900 ล้านบาท โดยหลังจากใช้ทุนสำรองและส่วนล้ำมูลค่าหุ้นมาล้างแล้วจะทำให้ขาดทุนสะสมลดลงเหลือประมาณ 80 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯมีโอกาสที่จะจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้เร็วขึ้น แม้ว่างบการเงินล่าสุดปี 2549 ASLท ขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 683.56 ล้านบาท จาก ขาดทุน 244.17 ล้านบาทในปี 2548 สาเหตุหลักมาจากการขาดทุนจากการลงทุนในหลักทรัพย์ก็ตาม
ประเด็นใหม่ล่าสุดของ ASL คือ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเพิ่มเติมเพื่อแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทสำนักงานกฎหมายสยามซิตี้ จำกัด เป็นที่ปรึกษากฎหมาย ในการขายไลเซนส์ บล.เอเพกซ์ รวมทั้งการประกาศประมูลในหน้าหนังสือพิมพ์ เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความชัดเจนและ เป็นตริงมากขึ้นในการขายไลเซนส์ดังกล่าว จากเดิมที่เป็นเพียงกระแสข่าวเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้ผู้บริหารเคยคาดการณ์ว่าน่าจะได้เงินประมาณ 200-300 ล้านบาท
นอกจากนี้หากดูในแง่ของ Book value ที่อยู่ที่ 9.85 บาท แล้ว ASL ถือว่ายังเทรดต่ำกว่า Book โดยราคาหุ้นปิดการซื้อขายวันศุกร์ที่ระดับ 8.20 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง โดยระหว่างวันถูกลากขึ้นไปถึง 8.45 บาท และมีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 8.15 บาท
**S2Y ยังแรงต่อแม้ปฏิเสธไม่มีข่าวดีนอกจากการเพิ่มทุน-ได้สินทรัพย์
บริษัท สยามทูยู จำกัด (มหาชน) (S2Y) ร้อนแรงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค. ที่บริษัทฯแจ้งมติคณะกรรมการเพิ่มทุนอีก 10 เท่าตัว คือ 466 ล้านหุ้น ให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง 5 ราย เพื่อเปลี่ยนธุรกิจไปจับอสังหาริมทรัพย์ หลังจากเห็นว่าธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศตกต่ำลงมาโดยตลอด ราคาหุ้นวิ่งจาก 1.39 บาท มาอยู่ที่ 3.16 บาทในปัจจุบัน โดยระหว่างการซื้อขายวันศุกร์ราคาถูกลากขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 3.60 บาท ทั้งที่ราคาทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์อยู่ที่ 1.50 บาท ด้วยความคาดหวังของนักลงทุนว่าบริษัทฯจะเติยโตขึ้นจากสินทรัพย์ที่จะได้เพิ่มขึ้นจากผู้ร่วมทุนรายใหม่
นายนิคลาส สแตลเบอร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามทูยู จำกัด (มหาชน) (S2Y) เปิดเผยว่า การที่บริษัทฯ ได้รับการสอบถามจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นของบริษัทภายหลังจากที่บริษัทได้แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2550 และสาระสนเทศที่เกี่ยวข้อง สำหรับมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในเรื่องการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนในวงจำกัดและเรื่องการได้มาซึ่งสินทรัพย์
บริษัทขอเรียนชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์และผู้ลงทุนให้ได้ทราบว่า บริษัทไม่ทราบสาเหตุอื่นใดที่ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นของบริษัทในช่วงที่ ผ่านมา นอกเหนือไปจากการเพิ่มทุนและการได้มาซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทขอเรียนชี้แจงอีกครั้งถึงประเด็นที่ผู้ลงทุนควรทราบ ดังนี้
1. สินทรัพย์ที่บริษัทมีความประสงค์ที่จะซื้อในครั้งนี้ บริษัทจำเป็นต้องได้รับมติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2550 ในวันที่ 9 เมษายน 2550 ก่อนการได้มาซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าวรวมทั้งบริษัทจะต้องยื่นขออนุญาตจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้พิจารณารับหลักทรัพย์ของบริษัทเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนอีกครั้งภายหลังการได้มาซึ่งสินทรัพย์ข้างต้น เนื่องจากรายการดังกล่าวจัดเป็นรายการประเภทที่ 4 (Backdoor Listing) ตามประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในเรื่องการได้มาจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ. 2547
2. ในการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ บริษัทจะออกและเสนอขายหุ้นสามัญให้กับนักลงทุนในวงจำกัด จำนวน 446,340,000 หุ้น ในราคา 1.00 บาทต่อหุ้น โดยก่อนการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว บริษัทจะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญดังกล่าว กลุ่มนักลงทุนที่บริษัทเสนอขายจะต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญของบริษัทตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ ก.จ. 53/2545 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ ทั้งนี้ กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้แจ้งต่อบริษัทว่า ในกรณีที่กลุ่มบุคคลดัง
กล่าวได้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนแล้ว กลุ่มบุคคลดังกล่าวจะทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญของบริษัทในราคา 1.50 บาทต่อหุ้น
3. บริษัทจะดำเนินการขออนุญาตต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายหลังการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2550 ดังนั้น บริษัทจึงยังมีความไม่แน่นอนในการดำเนินการให้สำเร็จตามมติคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2550 ตามที่ได้แจ้งไว้
ในขณะที่พบว่ามีการเก็งกำไรหุ้น S2Y ผ่าน NVDR เป็นจำนวนมาก โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 12/03/2550บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ได้มา หุ้นของบมจ. สยาม ทู ยู(listed)จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น 0.56% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดและจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น 5.21% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
จากนั้นในวันที่ 13/03/2550บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำหน่าย หุ้นของบมจ. สยาม ทู ยู(listed) จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น -1.0% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดและจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 4.21% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด (ข้อมูลเบื้องต้น )
พิจารณาจาก Book value ของ S2Y ล่าสุดอยู่ที่ 2.29 บาท ขณะที่ราคาหุ้นปิดการซื้อขายที่ 3.16 บาท แต่ในกรณีของ S2Y คงจะประเมินจาก Book ไม่ได้เพราะในอนาคตหากมีการได้สินทรัพย์เพิ่ม BV ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เรียกได้ว่าเป็นการซื้ออนาคตโดยแท้
**PERM ปลุกหุ้นเหล็กคึกยกแผง
ปิดท้ายกันที่หุ้นของ บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) (PERM ) ที่มาแรงแซงทางโค้งปิดการซื้อขายชนซิลลิ่งที่ 1.43 บาท เพิ่มขึ้น 0.33 บาท หรือ 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 129.94 ล้านบาท ในขณะที่ผู้สื่อข่าวติดต่อไปยัง นายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ PERM ปรากฎว่ากำลังอยู่ระหว่างการเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นการไปเจรจาหาพันธมิตรทางธุรกิจอย่างที่หุ้นเหล็กนิยมทำกันหรือไม่
แต่หากดูจากผลการดำเนินงานในปี 2549 ที่ผ่านมา PERM โชว์ฟอร์มที่ไม่ค่อยดีนัก กำไรลดลงเหลือ 29.54 ล้านบาท จากปี 2548 ที่มีกำไรสุทธิ 78.40 ล้านบาท จากยอดขายและกำไรขั้นต้นที่ลดลง แต่คณะกรรมการก็ยังลงมติจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.03 บาทต่อหุ้น ซึ่งได้ขึ้นเครื่องหมาย XD (ผู้ซื้อไม่มีสิทธิรับเงินปันผล) ไปแล้วเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา
ด้าน BV ของ PERM ล่าสุดอยู่ที่ 1.74 บาท ส่วนราคาปิดอยุ่ที่ 1.43 บาท ถือเป็นอีกตัวหนึ่งที่ยังเทรดต่ำกว่า BV
ความเคลื่อนไหวของหุ้น PERM ถือว่าเป็นการปลุกการซื้อขายหุ้นในกลุ่มเหล็กให้คึกคักในช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยหลายบริษัทที่ปิดการซื้อขายด้วยราคาที่ค่อนข้างโดดเด่น เช่น BSBM ปิดที่ 1.28 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท หรือ 6.67% และ GSTEEL ที่ถึงแม้ว่าปิดการซื้อขายเสมอตัวที่ 0.91 บาท แต่ระหว่างการซื้อขายราคาขึ้นแตะ 0.93 บาท ด้วยปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่น
**เซียนเทคนิคฟันธง ASIMAR-SMM ไปต่อ
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ๊ดคินซัน กล่าวถึงสัญญาณทางเทคนิคหุ้น บมจ.เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ (ASIMAR) ให้แนวต้าน 1.05 บาท และแนวรับที่ 0.92 บาท , หุ้น บมจ. ไทยฮา (KASET) ให้แนวต้านที่ 2.00 บาท และแนวรับที่ 1.70 บาท, บมจ. สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย (SMM) ให้แนวต้านที่ 1.20 บาท และแนวรับที่ 1.04 บาท, บมจ.เพิ่มสินสตีลเวิคส์ (PERM) ให้แนวต้าน 1.60 บาท และแนวรับที่ 1.30 บาท, บมจ.บางสะพานบาร์มิล (BSBM) ให้แนวต้านที่ 1.40 บาท และแนวรับที่ 1.24 บาท และ บมจ.จี สตีล (GSTEEL) ให้แนวต้านที่ 0.95 บาท และแนวรับที่ 0.90 บาท
โดยหุ้นที่ประเมินว่าราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดจะเป็น SMM เพราะราคาหุ้นยังอยู่ในระดับต่ำกว่า BOOK VALUE ที่ระดับ 1.95 บาท ในขณะที่หุ้น ASIMAR ก็ยังคงสามารถเข้าเก็งกำไรได้อยู่ เพราะแนวโน้มราคาหุ้นยังดูดีอยู่ ส่วนหุ้น KASET มองว่าราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมามากเกินไปแล้ว ส่วนหุ้นเหล็ก ทั้ง PERM, BSBB และ GSTEEL มองว่าราคาหุ้นน่าจะปรับเพิ่มขึ้นมาเพียงวันเดียว และไม่ค่อยน่าสนใจมากนัก
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวถึง สัญญาณทางเทคนิคของราคาหุ้น บริษัท ไทยฮาหรือ KASET ว่า ราคาหุ้นขณะนี้กำลังเข้าสู่แนวต้าน ซึ่งเป็นราคาที่สูงเกินไป จึงแนะนำขายทำกำไร โดยประเมินแนวรับที่ 1.50 บาท และแนวต้านที่ 1.98 บาท
สำหรับ บริษัท หลักทรัพย์แอ๊ดคินซัน หรือ ASL สัญญาณทางเทคนิคของราคาหุ้น พร้อมที่จะปรับตัวขึ้นและลงได้ตลอดเวลา จึงไม่สามารถประเมินแนวรับและแนวต้านได้ ทั้งนี้แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุน เนื่องจากไม่สามารถประเมินแนวโน้มความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นได้
บริษัท บางสะพานบาร์มิล หรือ BSBM ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1.36 บาท ได้ จึงแนะนำ ขายทำกำไร โดยประเมินแนวรับที่ 1.24 บาท
ส่วนหุ้นที่ มองว่าในสัปดาห์หน้ายังน่าจะเคลื่อนไหวไปต่อได้ น่าจะเป็นหุ้นของ บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ หรือ ASIMAR ซึ่งสัญาณทางเทคนิคของราคาหุ้นมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น จึงแนะนำเก็งกำไร โดยประเมินแนวรับที่ 0.94 บาท และแนวต้านที่ 1.05 บาท