May 17, 2024   4:13:38 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้น
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 19/03/2007 @ 09:01:56
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

[b:a3f4df179d">บล.ซิกโก้แนะนำถือ Q-CONราคาเป้าหมาย 2.07 บาทแม้ว่าบริษัทจะมีการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง เช่น การลดราคาขายลง หรือการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้อิฐมอญในการก่อสร้างเปลี่ยนมาใช้อิฐมวลเบามากขึ้น แต่เรามองว่ากลยุทธ์ต่างๆ ของบริษัทยังคงไม่กระตุ้นการใช้งานได้เพิ่มมากขึ้นตามที่ตั้งเป้าไว้ และยังได้รับผลกระทบจากการลดราคาดังกล่าวด้วย โดยเห็นได้จากรายได้ใน FY06A ปรับเพิ่มขึ้นเพียง 6.9% YoY และพลิกจากกำไร 28 ลบ. ใน FY05A เป็นขาดทุน81 ลบ. ในFY06A SSEC คาดการณ์รายได้ใน FY07E เพิ่มขึ้น 21.1% YoY เนื่องจากความต้องการอิฐมวลเบาเพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างต่างๆ ในประเทศจะเริ่มกลับสู่ระดับปกติ และจากยอดส่งออกไต่างประเทศ อาทิเช่น สิงคโปร์กัมพูชา และนิวซีแลนด์ ที่จะเพิ่มขึ้น โดยคาดการณ์ปริมาณขายเพิ่มขึ้น 13.0% YoY มาอยู่ที่ 7.8 ล้านตร.ม. ขณะเดียวกัน ราคาขายเฉลี่ยอิฐมวลเบาที่อยู่ในระดับดีกว่าปีที่ผ่านมาเพราะการแข่งขันด้านราคาลดความรุนแรงลงไปบ้าง จะเป็นปัจจัยหนุนทำให้รายได้ของบริษัทเติบโต อย่างไรก็ดี ต้นทุนวัตถุดิบรวมถึงต้นทุนพลังงานที่อยู่ในระดับสูงและภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นมากจากการกู้เงินมาขยายโรงงานที่ 4จะส่งผลให้บริษัทยังมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 56 ลบ.ผลการดำเนินงานที่คาดว่าจะยังคงขาดทุนต่อเนื่องเพราะกลยุทธ์ในการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ไม่ได้ผลมากนัก


บล.ยูไนเต็ดแนะนำซื้อ LPNราคาเป้าหมาย 6.00 บาทตลาดคอนโดมิเนียมปี 49 มียอดจดทะเบียน 21,098 Unit เติบโตถึง 81.6%YoY (คิดเป็น 26% ของที่อยู่อาศัยที่จดทะเบียนทั้งหมด) โดย LPN ยังครองส่วนแบ่งตลาดคอนโดอันดับ 1 ที่ 31% สำหรับปี 50 บริษัทจะเปิด 6 โครงการ มูลค่ารวม 7,700 ล้านบาท โดยเน้นกลยุทธ์เจาะกลุ่มล่างมากขึ้น (C+ ราคา 5-800,000 บาท) ซึ่งจะเปิดถึง 3 โครงการมูลค่ารวม 4,800 ล้านบาท ( 62% ของโครงการที่จะเปิด) ซึ่งโครงการลุมพินี คอนโดทาวส์ บดินทร์เดชา ที่เจาะกลุ่มนี้ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากยอดที่จองแล้วถึง 55%สำหรับเป้ารายได้ปี 50 บริษัทคาดว่าจะรับรู้ 6,300 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมี Backlog ในมือแล้ว 95% โดยโครงการใหญ่ๆ ที่จะรับรู้คือ ลุมพินี เพลส พหลโยธิน-สะพานควาย และนาราธิวาส-เจ้าพระยา ซึ่งโครงการนาราธิวาส-เจ้าพระยานี้ จะมีการรับรู้เงินดาวน์ในส่วนที่ถึง 20% ในไตรมาส 1 นี้ซึ่งจะทำให้รายได้ไตรมากแรกเติบโตค่อนข้างมากเมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ส่วนโครงการที่ยังดำเนินอยู่ ณ ปัจจุบันมี 5 โครงการ เต็มแล้ว 2โครงการ อีก 2 โครงการมียอดจอง 80% ขณะที่โครงการที่ท่าพระมียอดจองเพียง 40%ซึ่งบริษัทกำลังจะทำการตลาดเพิ่มขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยจากรายได้ปี 50 ที่โตอย่างแข็งแกร่ง และแนวโน้มไตรมาสแรกจะรับรู้รายได้มาก ประกอบกับโครงการที่ออกมาใหม่ยังได้รับการตอบรับที่ดี


บล.กิมเอ็งแนะนำถือ GRAMMYราคาเป้าหมาย 7.20 บาทเนื่องจากบริษัทมีการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอโดยให้อัตราผลตอบแทนประมาณ 6% ขณะที่ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หุ้นซื้อขายที่ PER 12.3 เท่าซึ่งนับว่ามีส่วนต่างไม่มากนักเมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมของหุ้นที่7.20 บาทซึ่งประเมินด้วยPER 13 เท่า กำไรปกติในปี 2549 ปรับลง 31% เหลือ 209 ล้านบาท มีสาเหตุหลักมาจากธุรกิจวิทยุที่อ่อนลง การขาดทุนในธุรกิจภาพยนตร์ และดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นกว่าเท่าตัวรายได้วิทยุลดลงถึง 27% จากการคืนสัมปทานสถานีวิทยุ 2 สถานีที่ขาดทุนไปในช่วงกลางปี2549 และภาวะการแข่งขันที่รุนแรง ในขณะที่ภาพยนตร์เรื่อง หมากเตะรีเทิร์น ซึ่งถูกเลื่อนฉายและทำรายได้ไม่ดี ได้บั่นทอนผลการดำเนินงานของธุรกิจภาพยนตร์โดยรวม อย่างไรก็ดี GRAMMY ได้ประโยชน์จากการลดต้นทุนการผลิตเพลง ขณะที่รายได้จากธุรกิจจัดกิจกรรมการตลาดมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากรับรู้รายได้เป็นเวลาเต็มปี อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าธุรกิจที่ต่อเนื่องกับธุรกิจเพลงไม่ว่าจะเป็นธุรกิจดิจิตอลและการจัดเก็บลิขสิทธิ์จะเริ่มสร้างรายได้เพิ่มขึ้น โดยบริษัทมีกลยุทธ์เชิงรุกมากขึ้นในธุรกิจดิจิตอลโดยร่วมมือกับผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือ เวปไซด์บันเทิง กลุ่มเครื่องมือ (Device) กลุ่มเจ้าของเทคโนโลยีหรือตัวแทนแพลทฟอร์ม และผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ สำหรับธุรกิจภาพยนตร์คาดว่าจะฟื้นตัวเนื่องจากมีภาพยนตร์เข้าฉายมากกว่าปีก่อนขณะที่ต้นทุนมีแนวโน้มควบคุมได้ดีขึ้น ธุรกิจสื่อภายใต้บริษัทย่อยคือ GMMM นั้นก็มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นโดยเฉพาะธุรกิจวิทยุที่มีต้นทุนค่าเช่าสถานีลดลงหลังจากคืนสัมปทานไป 2 แห่งและมุ่งเน้นบริหารสถานีที่มีอยู่ 4สถานีให้สร้างผลตอบแทนสูงสุด


บล.เคจีไอแนะนำขาย MAKROราคาเป้าหมาย 89.65 บาทจากข้อมูลล่าสุด แมคโครได้รับใบอนุญาตก่อสร้าง 2 สาขาใหม่ ซึ่งทำให้แนวโน้มดีขึ้นจากแผนการขยายตัวใหม่นี้ นอกเหนือจาก 2 สาขานี้ บริษัทฯ จะสามารถเปิดเพิ่มอีก 2 สาขาในอนาคต แม้ว่าบริษัทฯ มีแผนเริ่มการก่อสร้างในปีนี้ แต่เนื่องจากบริษัทฯ ยังไม่มีพื้นที่สำหรับการก่อสร้างในขณะนี้และเราเชื่อว่าจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการหาทำเลที่เหมาะสม เราคาดว่าสาขาทั้งสองจะสามารถเปิดดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบและสร้างรายได้กำไรในปี 2551ปัจจุบันแมคโครมี 30 สาขาสาขาเดิมสร้างยอดขายเพิ่มมากขึ้นแมคโครรายงานกำไรสุทธิปี 2549 ที่ 1.2 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 7.6% และเนื่องจากไม่มีการเปิดสาขาเพิ่ม ตัวเลขนี้จึงหมายถึงสาขาเดิมสามารถสร้างยอดขายเพิ่มมากขึ้นถึง 10.1% และเนื่องจากตัวเลขนี้สูงกว่าประมาณการของเรา เราจึงปรับเพิ่มการขยายตัวของยอดขายจากสาขาเดิมจาก 2% เป็น 6-7% ในปี 2550-51 เพื่อรับการขยายตัวของยอดขายจากลูกค้าที่เป็นผู้จำหน่ายอาหารปลีก และลูกค้าในกลุ่มโรงแรม ภัตตาคารและจัดเลี้ยงอีก 16.2%และ 24.3%ตามลำดับ แม้ว่าแนวโน้มจะดีขึ้น แต่ยังล้าหลังกว่าบริษัทอื่นในกลุ่มจากที่ไม่มีการขยายสาขาในสองปีที่ผ่านมา แมคโครวางแผนขยายธุรกิจโดยการเปิดเพิ่ม 2 สาขาในปีนี้และอีก 2 สาขาในปี 2551 อย่างไรก็ดี แผนการขยายตัวนี้ยังล้าหลังกว่าบริษัทอื่นในกลุ่ม ค่าดัชนีการขยายตัวในรอบ 3 ปียังต่ำเพียง 6.5% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของบริษัทอื่นในกลุ่มที่11.1%[/color:a3f4df179d">[/b:a3f4df179d">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com