***โบรกเกอร์ชี้หุ้นซบ เพราะนลท.ขาดความเชื่อมั่นการเมือง
นายอภิสิทธิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน เปิดเผยว่า สาเหตุที่บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ค่อนข้างจะเงียบเหงารวมทั้งมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันยังคงเบาบางไม่ได้เป็นการสะท้อนถึงผลการดำเนินงานและนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดปัจจุบัน แต่มีสาเหตุมาจากนักลงทุนไม่มั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่มีเสถียรภาพสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน ค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่า รวมทั้งภาพรวมของเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มชะลอตัวอีกด้วย ดังนั้นจึงส่งผลให้นักลงทุนชะลอการลงทุนออกไปก่อน
" ช่วงนี้ปัจจัยบวกใหม่ก็ไม่ได้มีอะไรเข้ามาสนับสนุน อีกทั้งในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยก็ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากแล้ว ซึ่งช่วงนี้ตลาดฯกำลังรอปัจจัยบวกใหม่เข้ามากระตุ้นและการที่ตลาดฯ ไม่ค่อยสดใสไม่ใช่ได้รับผลกระทบหรือสะท้อนภาพของการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้แต่มันมีปัจจัยลบหลายอย่างที่เข้ามากระทบ "นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ในปี 2550 คาดว่าแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในลักษณะแกว่งตัว และคงจะคล้ายกับปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าหลังจากที่มีการเลือกตั้งใหม่แล้วบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะดีขึ้นหรือไม่ เนื่องจากต้องรอดูปัจจัยบวกใหม่ที่จะเข้ามาสนับสนุนในช่วงนั้นด้วย
" บอกไม่ได้หรอกว่าตลาดหุ้นจะฟื้นหรือไม่ฟื้นหลังการเลือกตั้ง เพราะสาเหตุที่ตลาดหุ้นไม่สดใสช่วงนี้ไม่ได้เกิดจากปัจจัยเรื่องการเลือกตั้งเพียงปัจจัยเดียวแต่เกิดจากหลายปัจจัยอย่างที่บอกไว้แล้ว ซึ่งก็ควรที่จะดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
สำหรับปีนี้ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่า SET Index ในปีนี้จะอยู่ที่ 620 -700 จุด โดยแนะนำนักลงทุนเลือกซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี รวมทั้งหุ้นที่มีข่าวบวกใหม่เข้ามาสนับสนุน เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน )หรือ PTT และบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEPเป็นต้น
***หลายปัจจัยลบรุมเร้าตลาดหุ้นไทย
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน ระบุว่า ประเด็นที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นสัปดาห์นี้มีดังนี้ การประชุมธนาคารกลางของญี่ปุ่นและสหรัฐ ในวันที่ 20 มีนาคม และ 21 มีนาคม ถ้าหากธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ระดัย 0.5%อาจเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทย เพราะอาจส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าตามเงินเยนได้ รวมทั้งความกังวลที่กองทุน Carry Trade Fund เร่งถอนสภาพคล่องออกจากตลาดหุ้นเพื่อปิดสถานะ
ประเด็นที่ 2 การประกาศตัวเลขเศรษบกิจของสหรัฐ ได้แก่ ตัวเลขธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เดือนมี.ค., ตัวเลขยอดสร้างบ้านใหม่เดือนก.พ. ตัวเลขยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ. ถ้าหากตัวเลขทั้งมหดมีแนวดน้มชะลอตัว อาจส่งผลต่อความวิตกกังวลต่อแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษบกิจสหรัฐ
ประเด็นที่ 3 การขึ้นเครื่องหมาย XD ของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่เช่น TOP มีผลจ่อดัชนี 0.54 จุด PHATRA มีผลต่อดัชนี 0.06 จุด BAY มีผลต่อดัชนี 0.13 จุด ATC มีผลต่อดัชนี 0.29 จุด
แต่อย่างไรก็ดี ประเด็นที่เป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นเช่น การทำราคาเพื่อปิดบัญชี ( Window Dressing ) โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีโอกาสสูงที่ราคาหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มปิโตรเคมี และกลุ่มโรงพยายาม เพราะจากข้อมูล 4 ปีย้อนหลังหุ้นทั้ง 2 กลุ่มให้ผลตอบแทนเฉลี่ยระหว่าง 3-5% ในช่วงก่อนปิดงวดบัญชีรายไตรมาส